ขายหัวเราะ เบบี้ มหาสนุก สามชื่อนี้ คิดว่าหลายคนรู้จัก และ เคยอ่าน เพราะมันเป็นหนังสือการ์ตูนสไตล์ไทย ของสำนักพิมพ์ บรรลือสาสน์ ก่อตั้งโดยคุณ บันลือ อุตสาหจิต ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 30 สิงหาคม 2560 และหนังสือทั้ง 3 เล่มที่เราจะเล่าให้ฟังคือ ความทรงจำที่มีเกี่ยวกับหนังสือเหล่านี้ คงต้องย้อนความไปไกลกันเลย เห็นรูปแล้วคงคิดว่าไปหามาจากไหนใช่ไหม ทั้งหมดที่เห็นคือ หนังสือที่ครอบครัวซื้ออ่านเมื่อตอนเรายังเด็ก และ เก็บเอาไว้โดยคุณแม่ของผู้เขียนซึ่งนับรวม ๆ จากที่ไปค้นตู้ก็ร่วม ๆ 15-20 เล่มเห็นจะได้ ที่ยังเหลืออยู่ (รอดจากโดนน้ำท่วมใหญ่ปี 2526 และปลวกกิน)เพราะพ่อเป็นคนชอบอ่านหนังสือ และ แม่ก็เก็บหนังสือเก่าของพ่อไว้ ทั้งหนังสือชุดที่เล่าถึง หนังสือพระเช่น โลกทิพย์ หนังสือนิตยสารเก่า ๆ อย่าง สกุลไทย (อันนี้ของแม่ ) และ หนังสือแฟชั่นเพราะแม่ชอบ ส่วนหนังสือเราที่สะสม จะเป็นพวก การ์ตูนญีปุ่นยุคเก่า ๆ ที่ลายเส้นสวย ๆ เช่นของ อ. ไซโต้ จิโฮ นิตยสารดาราญี่ปุ่นอย่าง เจสปาย (J SPY ) ต่วยตูน บันเทิงคดี แม่เผลอขายแทบไม่เหลือ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ ขายหัวเราะ เบบี้มหาสนุก มันก็ไม่เกี่ยว เรานอกเรื่องไปนิด ที่อยากจะบอกคือ ขายหัวเราะ เบบี้ มหาสนุก มันคือความบันเทิงของเด็กในยุคที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต และ เครื่องเล่นม้วนเทปวิดิโอมีราคาแพง ความบันเทิงแบบเด็ก ๆ ในยุคนั้นที่พอหาความบันเทิงกันได้คือ การ์ตูนทีวี และ การ์ตูนเล่ม หรือ ฟังวิทยุซึ่งในยุคนั้น ขายหัวเราะ เบบี้ มหาสนุก เล่มละ 5 บาท ออกเป็นรายปักษ์ กับราคา 5 บาท หลายคนคิดว่าทำไมถูกจัง แต่คุณรู้ไหมเมื่อ พ.ศ.2523 (วันที่จากหนังสือที่เก็บไว้ ) มันผ่านมา 40 ปี คุณคิดว่ามันถูกไหมแต่พ่อซื้ออ่านประจำ หรือ เราเจอว่าวางแผง ก็จะรีบขอเงินไปซื้อ ซึ่งเป็นหนังสือที่พ่อกับแม่ ไม่เคยปฎิเสธการขอเงินเลย แต่ถ้าเป็นหนังสืออื่น ต้องเก็บเงินค่าขนมซื้อเอง หนังสือ ขายหัวเราะ เบบี้ มหาสนุก ที่แม่เก็บไว้ ตอนนี้ยังอยู่ดีมีสุขในตู้หนังสือในห้องพระ เราแอบเอามาอ่านหลายครั้ง แต่ก็ต้องเอาไปคืนเพราะถ้าแม่มาเห็นว่าอยู่นอกตู้ จะโดนบ่นยาวชนิดที่ให้คะแนนไม่ทัน เพราะแม่หวงมาก แต่คงต้องยกความดีให้แม่ เพราะสภาพแม้ว่าจะเก่า ๆ แอบมีเหลือง ๆ บางเล่มแอบกรอบ ๆ แต่ไร้ปลวก ใครมาขอแม่ไม่เคยให้ คนรู้จักกันญาติพี่น้องเห็นขอซื้อ แม่ก็ไม่ขาย แกบอกแค่ว่าเขาเอาไปขายพวกร้านหนังสือเก่าสะสม เขาไม่รู้ค่าของมันหรอก เคยไม่เข้าใจประโยคนี้ แต่ตอนนี้เริ่มรู้แล้ว ( สงสัยจะเริ่มแก่ ) มันมีความทรงจำมากมาย ที่เห็นแล้วนึกถึงวัยเด็ก นึกถึงตอนที่เดินผ่านแผงหนังสือ บอกพ่อว่า ขายหัวเราะออกแล้วนะ พ่อก็ซื้อให้ หรือ เป็น เบบี้ มหาสนุก ก็เหมือนกันแล้วมันก็ทำให้จำได้ว่า เคยขอพ่อซื้อหนังสือ โดราเอมอนพ่อบอกว่ามันแพงไป ตอนนั้นแอบคิดนะพ่อ งก จังหนังสือพระแพงกว่าพ่อยังซื้อ (จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แต่ตอนเริ่มซื้อการ์ตูนญี่ปุ่นอ่านเองจริง ๆ จัง มันก็ 15-35 บาทประมาณนี้ถ้าผิดขออภัยด้วย ) แต่พ่อบอกว่าอยากได้เก็บค่าขนมสิ แต่ค่าขนมที่ได้สมัยนั้นคือ 10 บาท พ่อกับแม่บอกว่า เอาแค่ติดตัวไว้ ไปเรียนก็ไปพร้อมพ่อ กลับพร้อมพ่อ ข้าวก็กินของโรงเรียน( ข้าวถาดหลุมรายเดือน ) ให้ไปแค่ค่าขนม ตอนนั้นก็ห่อละ บาทสองบาท5 บาทนี่ไฮโซมาก มันก็เลยทำให้เราต้องเก็บเงินซื้อเองหยอดกระปุกวันละบาทสองบาท อยากได้เพิ่มก็ต้องทำงานบ้านเพิ่ม แล้วพ่อกับแม่จะให้เงินพิเศษ บางทีเก็บเงินครบ หนังสือไม่มีแล้ว ก็ต้องไปอ้อน ๆ ร้านหนังสือที่ตลาดไว้ อาศัยว่าเห็นหน้าทักทายกันทุกวัน เพราะร้านอยู่ริมทางเดิน ที่จะขึ้นสองแถวเข้าบ้าน เจอหนังสือที่อยากได้ ก็จะรีบบอกเก็บให้หนูนะ หนูขาประจำลูกพ่อชูไง พ่อชูที่ชอบซื้อขายหัวเราะ กับหนังสือพระไง พ่อให้หนูเก็บเงินซื้อเอง เจ้าของร้านก็ใจดีเป็นอาม่าแก่ ๆ เก็บให้ประจำ พอเงินเราเก็บครบก็ไปซื้อ หนังสือเหล่านี้ทำให้เรากลายเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ทำให้ได้รู้ได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เพราะหนังสือบางเล่มอย่าง ต่วยตูน จะมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ เรื่องลี้ลับ จากต่างประเทศ ตอนนั้นติดเรื่องเล่าของอียิปต์มากและมันหาอ่านเฉาพาะต่วยตูน (หรือเรารู้จักแค่เล่มนีก็ไม่รู้ ) การ์ตูนญี่ปุ่นก็ลายเส้นสวย อ่านแล้วก็อยากวาดเป็นบ้าง ก็เห่อหัดวาดอยู่นานเหมือนกัน แล้วมันทำให้เรากลายเป็นติ่งญี่ปุ่นทั้งหนัง ทั้งละคร ทั้งเพลง ทำให้อยากเรียนภาษาเขา แต่เราดันเรียนภาษาญี่ปุ่นไม่รอด เราเชื่อว่าทุกบ้านจะมีความทรงจำแบบนี้อยู่ คุณลองไปค้น ๆ ของเก่าเก็บของ พ่อ หรือ แม่ ดูนะบางทีคุณอาจจะเจอ ความทรงจำ ที่รอวันให้คุณนึกถึง และรอให้คุณกลับไปหาอีกครั้ง