Series Review The Hot Spot (2025) ดูเพลินประมาณนั่งฟังแก๊งเพื่อนสาวเม้ามอยนินทาชาวบ้านที่อาจไม่ใช่เรื่องน่ารู้แต่อยากรู้จนหมิ่นเหม่กับความน่ารำคาญแต่มันดันหยุดดูไม่ได้ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ถ้าถามถึงความชอบของผู้เขียนในการดูละครซีรีส์เกาหลีหรือญี่ปุ่นคงพอๆกันเกาหลีอาจเหลื่อมกว่านิดๆด้วยซ้ำ เพราะเกาหลีและญี่ปุ่นจะมีความต่างชัดเจนนั่นคือเกาหลีจะมีปฏิสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับคนดูมากกว่าญี่ปุ่นในขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็จะมีดีที่ความรู้สึก หรือจะอธิบายง่ายๆคือเกาหลีจะเร้าอารมณ์กว่าด้วยดราม่าที่แข็งแรงที่แฝงมาในทุกงานมีจังหวะในการขยี้ที่ถ้ามาถูกที่ถูกเวลางานชิ้นนั้นจะกลายเป็นงานที่คนดูชื่นชอบหาที่ติไม่ค่อยเจอ แต่ทางญี่ปุ่นนั้นแทบทุกเรื่องมีดราม่าก็จริงแต่กลับไม่บีบไม่ขยี้ทั้งที่มีช่องให้ขยี้ดราม่ามากมายแต่เลือกเก็บเกี่ยวความรู้สึกเอา ทำให้เมื่อถึงเวลาดราม่าที่เหมือนไม่ได้มาเพื่อเร่งเร้ากลับทำหน้าที่ของมันอย่างได้ผลเพราะความรู้สึกของคนดูได้จมลึกลงไปแล้ว แต่ถ้าท่านสงสัยว่าระยะหลังงานเขียนของผู้เขียนซึ่งก็หมายความว่าผู้เขียนดูจะมาทางญี่ปุ่นมากขึ้นนั่นเพราะผู้เขียนรอดูเมื่อจบครบทุกตอนแล้วแต่ซีรีส์เกาหลีบางทีการดูเป็นรายสัปดาห์ก็ทำให้ทิ้งระยะจากการเขียนถึงไปสักนิดแล้วก็เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่ดูจบไปอีกเรื่องเพราะเหตุผลที่ว่ามา ที่เมืองเล็กๆเชิงภูเขาไฟฟูจิที่มีชื่อว่าฟูจิซานาดะเป็นเมืองที่เงียบสงบยังมีแม่เลี้ยงเดี่ยวคนหนึ่งชื่อว่าคิโยมิ เอนโดะ (มิคาโกะ อิชิคาวะ) ที่เป็นพนักงานโรงแรมที่ชื่อว่าเลคโฮเทลที่มีทิวทัศน์ทะเลสาปและฟูจิซังเป็นจุดขาย คืนหนึ่งที่เธอขี่จักรยานกลับบ้านแล้วเกิดความผิดพลาดเธอกำลังจะโดนรถชนอย่างจังและเธอคิดดว่าโดนแน่แล้วแต่เธอกลับรอดมาได้ได้ไง กลายเป็นว่าเธอถูกช่วยไว้โดยเพื่อนร่วมงานที่โรงแรมที่มีชื่อว่าโคสุเกะ ทาคาฮาชิ (อากิฮิโระ คาคุตะ) แต่ด้วยความที่การจะยกทั้งตัวเธอเองและจักรยานให้หลบพ้นรถที่จะชนนั้นต้องใช้กำลังมหาศาลซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ สุดท้ายคิโยมิก็รู้ความจริงว่าคุณทาคาฮาชิคือมนุษย์ต่างดาวที่แฝงตัวอยู่บนโลกและมีพลังพิเศษหลายอย่างแต่ข้อจำกัดคือทุกครั้งที่ใช้พลังร่างกายเขาจะอ่อนแอต้องไปแช่น้ำพุร้อนเพื่อฟื้นพลัง แต่คิโยมิก็เป็นคนที่มีสังคมที่ต้องนัดเจอกับเพื่อสมัยเด็กเป็นประจำคือฮาสุกิ นากามูระ (แอนน์ ซูสุกิ) กับมินามิ ฮิบิโนะ (คามิ ฮิราอิวะ) แล้วเธอจะสามารถยับยั้งอาการคันปากเผยความจริงออกมาได้หรือไม่ เหมือนไม่มีอะไรเรื่อยๆมาเรียงๆนั่งคุยกันประมาณแก๊งแม่บ้านนินทาชาวบ้านแต่ทุกตอนกลับถูกจัดระเบียบไว้อย่างดี อย่าแปลกใจถ้าดูเรื่องนี้แล้วคิดถึงหนึ่งซีรีส์หนึ่งภาพยนตร์ที่น่าจะเคยผ่านตาเพราะมีให้ชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ทาง NETFLIX ซีรีส์คือ Rebooting (2023) ภาพยนตร์คือ Trespassers (2024) เพราะนี่คือผลงานการเขียนบทของนักเขียน Bakarhythm ซึ่งมีเอกลักษณ์คือความจุกจิกจุ๊กจิ๊กเหมือนไม่มีอะไรนั่งคุยกันเรื่องทั่วไปคล้ายเรื่อยๆมาเรียงๆนกบินเฉียงไปทั้งหมู่ แต่ในทุกตอนหรือระยะยาวของงานที่เป็นซีรีส์จะมีธงที่ตั้งไว้เป็นประเด็นที่แข็งแรงเสมออย่างเรื่องนี้คือเรื่องเล็กน้อยที่ถ้าใครสักคนไม่ทำก็ไม่มีคนทำ แต่ที่มันชวนหัวเต็มไปด้วยอารมณ์ขันคือไอ้เรื่องเล็กน้อยนี่แหละที่ถึงกับต้องใช้พลังพิเศษของมนุษย์ต่างดาวรวมถึงสำนึกรักอนุรักษ์ธรรมชาติสำนึกรักบ้านเกิดในตอนท้าย แน่นอนเวลาที่ผ่านไปในทุกตอนหมุดของเรื่องมิตรภาพที่เข้ามาแทนความโดดเดี่ยวก็จะถูกตอกตรึงลงลึกมั่นคงขึ้นเรื่อยๆนั่นคือเหมือนไม่มีอะไรแต่ทุกอย่างถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ มีอาการกระจุกกระจิกกระจุ๊กกระจิ๊กคุยๆกันตลอดเวลาน่าจะน่ารำคาญแต่กลับดูเพลินจนจะเลิกดูก็เลิกไม่ได้เป็นไปแบบนั้น ง่ายๆคือเหมือนนั่งดูแก๊งแม่บ้านนั่งกินข้าวกินขนมคุยเรื่องสัพเพเหระนู่นนี่นั่นและแน่นอนในวงสนทนาแบบนั้นมันต้องนินทาชาวบ้าน ซึ่งไอ้เรื่องของชาวบ้านที่ไม่ควรอยากรู้นี่แหละที่สำคัญเพราะไม่ว่าหญิงหรือชายก็คล้ายจะหูผึ่งเมื่อได้ยิน สิ่งที่ต้องทึ่งคืออารมณ์ขันในจังหวะที่ถูกที่ควรคำพูดบทสนทนาที่เหมือนคนธรรมดาคุยๆกันนี่แหละที่มันขันจริงๆอาจไม่ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะแต่จะมีรอยยิ้มได้ตลอด อย่างช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน (มั้ง) กับเรื่องจุกจิกในชีวิตประจำวันที่ต้องใช้พลังพิเศษหรือการสนทนาที่ออกรสรวมถึงจังหวะปล่อยมุขจิกกัดกันเองแบบตลกหน้าตายเมื่อมันมาในจังหวะที่ไม่คิดว่าจะมามันก็คืออารมณ์ขันชั้นแนวหน้าที่ทำงานได้ผล แน่นอนการนั่งดูแก๊งแม่บ้านคุยกันกินจุบกินจิบนู่นนี่นั่นแถมยังจับประเด็นลำบากเพราะไม่มีเรื่องใหญ่ให้เร้าใจจนหมิ่นเหม่เข้าใกล้ความน่ารำคาญแต่ถ้าหยุดดูแล้วไปทำอย่างอื่นก็ยังคิดถึงจนต้องกลับมาดูจนได้ เป็นธรรมชาติสุดๆกับการแสดงที่เป็นคนธรรมดาผ่านบทสนทนาธรรมดาที่คนทั่วไปคุยกันหรือเรียกง่ายๆว่าไม่ลิเก ของแบบนี้มันเหมือนเป็นตัวพ่วงกันคือเมื่อบทออกแบบตัวละครให้เป็นคนธรรมดาในบทสนทนาที่ธรรมดามนุษย์มนาคุยกันไม่ต้องตั้งท่ามาคมคายนี่คุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ซึ่งมันคือบทสนทนาในวงสนทนาจริงๆไม่ใช่ลิเก ทำให้การแสดงก็ออกมาเนียนตาคือเป็นคนธรรมดาได้สุดฤทธิ์เอาง่ายๆนางเอกระดับมิคาโกะ อิชิคาวะกลายมาเป็นแม่บ้านที่จวนจะเป็นมนุษย์ป้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งต้องรวมถึงอากิฮิโระ คาคุตะที่ใครมันจะไปเชื่อว่าลุงคนนี้เป็นมนุษย์ต่างดาวและก็ทำให้แก่นของเรื่องตรงประเด็นดีคือบางครั้งคนเราก็ลืมทำอะไรเล็กๆน้อยๆเพื่อคนอื่นหรือกระทั่งการต้องมีเพื่อนให้คุยให้ปรึกษาในทุกเรื่องราวเพราะไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมนุษย์ต่างดาวคงไม่สามารถอยู่เพียงลำพังได้ ทั้งยังได้นักแสดงรับเชิญที่เคยร่วมงานกับนักเขียนบททั้งซากุระ อันโดะจาก Rebooting และรินโกะ คิคุชิจาก Trespassers และอีกหลายๆคนที่มาร่วมจอกันมาเม้ามอยกันอย่างสนุก คล้ายไม่เร้าใจไม่ตื่นเต้นแต่มีพลังดึงดูดผ่านความธรรมดาที่เรียบง่ายจนอาจมีบ้างที่เผลอคิดไปว่าโลกนี้มีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริง ตลอดการดูเรื่องนี้จะว่าสนุกก็ไม่แน่ใจเพราะเรียบๆเรื่อยๆไม่มีดราม่าไม่มีเรื่องใหญ่มากระตุกความตื่นเต้นเร้าใจเอาเสียเลย แต่ที่แปลกกว่านั้นคือมันดันเลิกดูไม่ได้ซึ่งอาการแบบนี้เคยเป็นมาแล้วจากการดู Rebooting แต่สิ่งที่ทำได้เยี่ยมคือการที่ไม่ต้องมีเรื่องใหญ่นั่นแหละไม่ต้องเรื่องระดับชาติหรือการเป็นฮีโร่เปลี่ยนโลกแต่เป็นแต่สำนึกรักบ้านเกิดที่ก็ยังมีข้อแม้ในการทำเพื่อตัวเองบ้าง ซึ่งมันคือความจริงในชีวิตที่จริงยิ่งกว่าจริงเพราะต่อให้ใช้คำใดมาอธิบายการกระทำแบบนั้นอย่างน้อยจะมีเสี้ยวเล็กๆที่ยังทำเพื่อตัวเอง แล้วการนำเสนอด้วยความธรรมดานั้นสิ่งที่ตามมาคือสิ่งที่ญี่ปุ่นทำได้ดีเสมอคือการสร้างเรื่องเหนือจินตนาการให้อยู่ประมาณเอื้อมถึงเพราะนอกจากมนุษย์ต่างดาวแล้วยังมีคนมีพลังอย่างอื่นอีกจนคล้ายกับโลกนี้มีเรื่องแบบนี้อยู่จริง ทำให้สิ่งที่ได้ดูต่อให้เหมือนไม่บันเทิงแต่มีพลังดึงดูด เอ๊ะ หรือคนเขียนบทใช้พลังมนุษย์ต่างดาวกันนะ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 จาก Instagram hotspot_ntv เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !