ลาล่า อาร์สยาม รับใช้ชีวิตประมาท เผยชีวิตนี้สิ่งที่กลัวมากที่สุด คือความตาย
ลาล่า อาร์สยาม รับใช้ชีวิตประมาท เผยชีวิตนี้สิ่งที่กลัวมากที่สุด คือความตาย เพราะเป็นเสาหลักของบ้าน บอกตัวเองล้มไม่ได้
อีกหนึ่งคนบันเทิงที่ถูกบูลลี่มาเป็นเวลานาน สำหรับ ลาล่า อาร์สยาม แต่เธอก็ไม่เคยท้อ พลิกเอาคำเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักทำให้เห็นว่าสิ่งที่โดนว่าต่างๆ ฉันทำได้และดีด้วย เมื่อได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ลาล่า ได้ระบายความในใจที่อยู่ภายใตแรงกดดันนี้มาโดยตลอดว่ากี่ครั้งที่ล้มเธอก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้ แต่สิ่งหนึ่งในชีวิตเลยที่เธอกลัวมากเป็นที่สุด คือ ความตาย พร้อมสารภาพที่ผ่านมาตัวเองใช้ชีวิตอย่างประมาทมากในเรื่องการใช้เงิน
- ลาล่า อาร์สยาม แจงข่าวลือซุ่มแต่ง เล็ก เจษฎา โต้ขายรถเพราะตกอับ
- ลาล่า อาร์สยาม ตัดใจยอมขายรถเซ่นพิษโควิด เสียงสั่นเสียใจรักเหมือนลูก
- ลาล่า อาร์สยาม ฟาดกลับ คนที่สนุกกับการดูถูกคนอื่น ขอให้สนุกกับเอกสารที่ได้รับ
ช่วงนี้หุ่นเป๊ะมาก? “ต้องขอกราบขอบพระคุณทุกแรงบูลลี่มากจริงๆ เพราะมันทำให้เรามีพลังสู้กับน้ำหนัก ก่อนหน้านี้น้ำหนัก 65 กิโล ก็อ้วนนะคะ เพราะว่าเวลาอ้วนจะออกแขนออกขา เวลาใส่เสื้อผ้ามันทำให้เราดูตัวใหญ่มาก ตอนนี้ลดลงมาเหลือ 49 กิโลค่ะ”
ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเราคือแย่เลย? “ถือว่าแย่หนักมาก แย่ดับเบิ้ลตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วค่ะที่เจอโควิด เขาเรียกว่าสภาวะช็อกกระทันหันเพราะเราไม่ได้ตั้งตัวว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ งานทุกอย่างก็หายไปหมด พอตั้งสติได้มีเพื่อนๆ พี่น้องมีกำลังใจตั้งสติสู้ใหม่ งานก็ค่อยๆ กลับมา เพราะเรากำลังตั้งตัวลงทุนทำโน่นนี่ พอลงทุนไปมาเจอโควิดรอบนี้เข้าไปคือ น้องสาวของเราที่อยู่ฝรั่งเศส ก็ไม่สามารถส่งเงินมาช่วยทางบ้านได้ น้องสาวก็มีปัญหาด้วยทางโน้น แล้วด้วยงานเราก็มีปัญหาไม่ว่าจะทำธุรกิจปลาร้าด้วย เราแพลนไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งปลาร้าทำไปแล้วก็จริงแต่ยอดขายยังไม่พุ่งแล้วเราก็อยากได้ยอดขายเยอะๆ เขาก็ให้ยิงโฆษณาทำนั่นทำนี่ทุกอย่างมันคือการลงทุนไปหมดเลย แต่ด้วยการลงทุนมันก็บนพื้นฐานของคำว่าเสี่ยง มันก็ไม่ได้ยอดตามที่เราต้องการ แต่เราก็เห็นเศรษฐกิจแล้วคนก็ทำเยอะ การต่อสู้ก็เยอะขึ้นไปอีกหนักขึ้นไปอีก เราก็ไม่ได้เก่งเรื่องธุรกิจเลย ทำยังไงดีทุกอย่างมันไปในพริบตาเลย สิ่งที่เราได้รับกลับมาคือมันหนักมาก เราไม่รู้ว่าต้องไปปรึกษาใครเพราะปัญหาของเรามันคือ เงิน ภาระหนี้มันเริ่มเยอะขึ้น ซึ่งหนี้มันไม่ได้หยุดให้เลยแต่งานของเรามันหายไปหมด ในแต่ละวันในแต่ละเดือนเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายออกไป ถ้าสมมติว่าเราเดินไปหาใคร (เช่น พี่อ้วนค่ะขอยืมเงินหน่อยค่ะ) ก็ไม่ได้เพราะว่าทุกคนต้องใช้เงินกันหมดเลย”
ต้องถามตรงๆ เลยเพราะที่ผ่านมา ลาล่า เป็นคนที่งานเยอะมาก เราใช้ชีวิตประมาทเหรอถึงไม่มีเงินเก็บ? “ลาล่าใช้ชีวิตประมาทค่ะ ใช้ชีวิตด้วยการคิดเร็วเพราะสิ่งที่ลาล่ารับผิดชอบมันมหาศาลทุกคนที่อยู่ในบ้าน เราเป็นกระเป๋าเดียวที่ต้องดูแลทุกคนหมดเลย จังหวะที่มันคิดน้อยเพราะอยากรวยในการเดินทางระยะสั้น เราเจออะไรก็ลงทุน ใครพูดอะไรก็ขอลงทุนด้วยจนมาเห็นอีกครั้งคือ มันไปหมดแล้ว มันไม่ได้กำไรหรืออะไรกลับคืนมาเลย คือเราลงทุนแล้วคิดว่าถ้าได้ก้อนนี้เราจะสบายแต่มันไม่ใช่เลยพลิกล็อคหมดเลย มันเป็นการดีไซน์ชีวิตของตัวเองที่ผิดมาก เลือกทางเดินให้ชีวิตตัวเองที่ผิดมากๆ”
ที่ว่าไม่กล้าหยิบยืมใคร แต่ก็ขายสมบัติของตัวเองทิ้งจริงหรือไม่? “จริงค่ะ ตัวลาล่าเองอย่างที่บอก ถ้าเราไปยืมเงินคนอื่นเราก็ไม่สามารถการันตีว่าพรุ่งนี้เราจะมีงานหรือเปล่า แล้วถ้าเราไปบอกเขาว่ายืมแล้วจะคืนวันนี้นะ ถ้ามันไม่มีจะเป็นยังไง สุดท้ายเมื่ออยู่กับตัวเองแล้วมานั่งคิดสมบัติก็คือสมบัติ มันก็คือของที่ซื้อมาขายไปได้ วันนี้เราแค่ขายเขาออกไปก่อนเพื่อสร้างตัวสร้างอนาคตเราอาจจะหาเขาได้มหาศาลมากกว่านี้ก็ได้ ล่าคิดแบบนี้นะคะ เพราะตราบใดที่เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่นเพราะเราเป็นคนในสื่อ การทำงานของเรามันอาจจะมีความเร็วในการได้งานมากกว่าคนอื่น อีกอย่างคือ ล่ายังมีลมหายใจ มีสมอง มีเพื่อนๆ ที่ดีมีกำลังที่ดี ตอนนี้พยายามคิดบวกกับตัวเองให้มากที่สุด เราก็คิดว่าอะไรที่เป็นภาระตัดออกก่อนให้หมดเลยดีกว่า เรายืนไม่ได้แล้วต้องมานอนตื่นขึ้นมาเศร้าแล้วก็ทุกข์ พรุ่งนี้ต้องทำยังไง เราพยายามตัดความทุกข์ แล้วก็ตัดความลำบากของตัวเองออกไปมากที่สุด”
ณ วันนี้ เราเห็น ลาล่า มานั่งพูดแบบนี้ด้วยพลัง ที่ผ่านมาร้องไห้ไหม? “ร้องไห้ค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังมีร้องไห้ เราก็ปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็ไม่อยากเชื่อเพราะเราเป็นคนสนุกสนานร่าเริง แต่มันมีช่วงหลังๆที่เราตื่นขึ้นมารู้สึกสะอื้นข้างในกับตัวเอง (พอเราตื่นขึ้นมาเรายังถามตัวเองเลยว่าเราฝันร้ายหรือเปล่า) แต่ก็ไม่ได้ฝันอะไร แต่เพราะน้ำตาของเรามันตกใน ภาพที่มันเกิดขึ้นกับเรากำลังนอนอยู่ในรถ ปกติของลาล่า-ลูลู่ หรือ โปงลางสะออน เรามีภาพแฟนๆ อยู่ข้างล่างเวทีตลอด เรามีการทำงานทุกวัน มีละคร ตื่นเช้าตั้งแต่ตีห้าในมีรายการ มีหลายๆ อย่างที่วันหนึ่งเราต้องทำแต่ ณ วันนี้ ตื่นขึ้นมาแล้วมันเหงา เราอยู่ที่ไหนแล้วทำไมตื่นมาแล้วเราอยู่ที่เดิมมันไม่มีอะไรทำเลย ทุกคนก็แนะนำว่าให้เราอยู่กับธรรมะ นั่งสมาธิ แต่ตอนนั้นเราอยู่กับธรรมะนั่งสมาธิอะไรไม่ได้เลย เราคุมจิตตัวเองแค่ว่าเราต้องหาอะไรทำ มันก็กลายเป็นการเรานั่งดูธุรกิจต่างๆ ว่ามันอยู่ได้ยังไง เขาทำอะไรถึงทำมาค้าขายกันได้ในยุคนี้โดยที่เราไม่ต้องออกจากบ้าน แล้วพอเรายิ่งอ่านเราก็กลุ้มทำได้หรือเปล่า แต่ของเรามันคืองานเอ็นเตอร์เทน”
ระหว่างที่กำลังเจอกับภาวะที่แย่ เจอปัญหาหนักๆ แทนที่จะได้กำลังใจ กลับเจอกลุ่มคนที่บูลลี่เราหนักกว่าเดิม กลุ่มคนพวกนี้มาทางไหน แล้วทำไมเราถึงเป็นเป้านิ่ง? “เชื่อมั้ยว่า ล่าได้คุยกับพี่อั๋น บ่อยครั้งจนลาล่ารู้สึกว่าใช่เพราะเราให้ความสนใจพวกเขามากเกินไปแล้วเขาทำสำเร็จ เรากลายเป็นแรงดึงดูดพอข่าวนี้ออกไป พอเรากระตุ้นหรือขยับทำอะไร หรือแค่คอมเมนต์เดียวที่เราเข้าไปตอบก็คือเขาทำสำเร็จแล้วที่พวกเขาต้องการ เราก็เลยมีความรู้สึกว่า ตอนนี้เขากำลังเริ่มสนุกแล้ว แต่ลาล่าก็มีเพื่อนที่ดี มีคนรอบข้างที่ที่คอยเตือนตัวเองตลอดว่าให้เห็นคุณค่าของตัวเอง กว่าเราจะสร้างตัวเองขึ้นมาได้มันไม่ใช่แค่ 1 ชั่วโมงนะ แต่เกือบ 20 ปีที่เราสร้างกันมาขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือผลงานต่างๆ วันนี้ลาล่าจะไม่ให้ใครมาดูถูกเราตรงนี้แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องไปพิมพ์ตอบโต้ เราไม่ต้องใช้แรงแต่ใช้สมองในการสู้ ในเมื่อทุกคนสนุกในการพิมพ์ เราพูด เราเตือนแล้วไม่ฟังเราก็ให้กฎหมายเป็นตัวตัดสินของเขาเอง แจ้งความค่ะ เพราะถ้าเขากล้าที่จะพิมพ์นั่นก็หมายถึงว่าเงินในบัญชีเขามากพอ งั้นเราก็ขอรับคำขอโทษเป็นเงินสดเป็นมูลค่า เราก็ตีมูลค่าเพราะสิ่งที่เราสร้างมาก็ไม่ใช่น้อย เพราะเขาก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาทำ”
เห็นว่าช่วงที่ผ่านมา ลาล่า เข้าไปอ่านคอมเมนต์หนักมาก จนถึงขนาดตัวเองต้องไปปรึกษาหมอเลย? “ตอนแรกก็ว่าจะไปปรึกษาหมอ แต่เราก็เช็คอาการตัวเองในเบื้องต้นก่อนว่าเราโอเคไหม อาการที่อยู่กับเพื่อนเราปกติ แต่พอเรากลับบ้าน เราไม่ปกติค่ะ มันรู้สึกเศร้าเหงาอยากร้องไห้มันหลายอย่าง เราก็รู้แล้วว่าการอยู่คนเดียวมากกว่า 3 ชั่วโมงมันผิดปกติ เราไม่สามารถอยู่ได้ จะทำยังไงก็ได้ก่อนที่เราจะเข้าบ้านทำให้เรารู้สึกง่วงหัวถึงหมอนก็ต้องนอนให้ได้ เราพยายามปรับจูนตัวเองให้เยอะที่สุดแล้วไปพบหมอ”
และอีกอย่างหนึ่งที่พูดได้เลยว่าเราเป็นคนกลัวตาย? “กลัวมาก เราเห็นแล้วว่าครอบครัวของเราตอนแรก (เสียงเริ่มสั่น) พอพูดถึงแล้วคิดถึงน้อง เพราะลาล่าอยู่กับน้องมาตั้งแต่เด็ก เราไม่เคยจากกันเลย ต้องบอกก่อนว่าหลายๆ ครั้งที่เรามีคนเข้ามาคุยด้วย เราเลิกกับเขาเพราะเรามีความรู้สึกว่าเขามาแทนที่ความรักของครอบครัวของเราไม่ได้เพราะเรารักมาก เรามีความรู้สึกว่าทำไมน้องเราเขาสามารถทำหน้าที่ตรงนี้แทนผู้ชายเหล่านี้ได้ทั้งกายและใจเขาทำด้วยความบริสุทธิ์ที่เขารักเราจริงๆ พอน้องไปอยู่ที่ฝรั่งเศสซึ่งทุกวันนี้เราก็นอนด้วยกันจนน้องแต่งงานไปแล้วย้ายไปอยู่ที่โน้น ณ วันนี้เราต้องเข้มแข็ง เราต้องอยู่คนเดียวให้ได้เพราะพ่อกับแม่ยังรอเราอยู่ น้องที่อยู่โน้นเขาก็ต้องเข้มแข็ง เขาอยากมาหาเราเขาก็กลับมาหาเราไม่ได้ เราอยากไปหาเขาเราก็ไปไม่ได้ ถ้าวันนี้เราล้ม ลาล่าเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียวนั่นหมายถึงลมหายใจทุกคนขาดไปพร้อมกับลาล่า เลย เราเลยเราล้มไม่ได้ เราจะปล่อยกับคอมเมนต์ ต่างๆไม่ได้ ลาล่าเลยต้องเช็คตัวเองทุกวันว่าไหวไหม แกต้องไหวนะ ใครด่าเราไม่สวยเราต้องยืนยันไปว่าเราสวย ใครว่าเราไม่เหมาะสมกับอะไรเราทำได้ ใครว่าเราไม่เซ็กซี่เราก็ไม่จำเป็นต้องเอาเราไปเปรียบเทียบกับนางงามจักรวาล ฉันยืนอยู่ตัวคนเดียว ฉันก็เซ็กซี่ตัวฉันเองได้ หนูให้กำลังใจตัวหนูเองทุกวัน เช็กตัวเองทุกวันทุกระยะ นาทีนี้โอเคไหมเราไม่สามารถเอาความทุกข์ไปฝากกับทุกคนที่อยู่รอบข้างเพราะทุกคนก็มีภาระของตัวเอง เราก็เลยบอกกับตัวเองว่าต้องแก้ไขตัวเองให้ได้แล้วบอกตัวเองว่าห้ามล้ม ห้ามเจ็บ ห้ามป่วยเพราะทุกลมหายใจอยู่ที่เราคนเดียวเลยตอนนี้”
ให้ ลาล่า ฝากแล้วกันว่าใครอยากติดตามช่องทางไหนได้บ้าง? “สามารถเข้าไปติดตามได้ที่ Lulaplarazapver – ลูลู่ลาล่าอาร์สยาม หรือใครที่อยากได้เห็นการพัฒนาการในการออกกำลังกายหรือการเปลี่ยนตัวเอง ลาล่าก็อยากเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คนที่โดยบูลลี่เรื่องรูปร่างหน้าตาพอเราได้รับมาเราก็อยากส่งต่อสิ่งดีๆจากตัวเราเป็นพลังไปให้เขาใน lala_bigflower”
https://www.youtube.com/watch?v=deBaE1dHEAg