บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 2
คุ้มนางครวญตอน 2
บทประพันธ์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ เรื่อง คุ้มนางครวญ ของ สรรัตน์ จิรบวรสุทธิ์
บทโทรทัศน์วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
บนเวทีเปิดตัวแพทกับพิมพ์ดาวคือคนโฑแก้วเจียระไนเดินกรายตัวสวนกันไปสวนกันมา ม่านแหวกออกตรีภพในชุดมหาราชายืนหล่ออยู่ บรรดาไฮโซไฮซ้อ คนดู นักข่าวกิ๊วก๊าว ปรบมือ เป่าปากกัน ตรีภพก้าวมาที่อ่างอาบน้ำแก้วขนาดใหญ่กลางเวที 2 แดนเซอร์โปรยปรายกลีบดอกไม้ลงอ่าง เจ้เบิร์ดให้สัญญาณทีมงานหลายคน เดินเอาน้ำหอมที่เป็นซิกเนเจอร์ของสปาเดินฉีดให้คนดูเคลิบเคลิ้ม แต่มีบางคนสำลัก บางคนอุดจมูก ตรีภพยืนกางแขนให้แพทและพิมพ์ดาวช่วยกันถอดเสื้อคลุมผ้าโพกออกเห็นตรีภพใส่กางเกงพองเนื้อบาน ท่อนบนมีเสื้อกั๊กอาหรับตัวเล็กเห็นแผงอกล่ำ บรรดาไฮโซ คนดูลืมตัวคิดว่าดูชิปเพนเดลร้องตะโกน “ถอดเลย ถอดเลย ถอดอีก ถอดอีก” เจ๊เบิร์ดยิ้มร่าปรบมือดีใจ
ตรีภพอึ้งไป แพททำเคลิบเคลิ้ม พิมพ์ดาวอาการหมั่นไส้ทับทวีขึ้น 2 นางแดนเซอร์มาหมอบราบทำอาการเชื้อเชิญตรีภพลงอ่าง ตรีภพก้าวไปแช่ตัวลงในอ่าง ใบหน้าแหงนเงยดูมีความสุข แพทเดินไปคว้าคนโฑแก้วเดินกรายมาข้างอ่าง นักข่าวถ่ายรูปถ่ายวิดิโอกันพรึ่บพรั่บ เจ้เบิร์ดนั้นฟินกว่าใครหมด พิมพ์ดาวคว้าคนโฑแก้วขึ้น ดวงตาวาววับ เดินกรายมาข้างอ่าง ตรีภพหรี่ตาดู พิมพ์ดาวยกคนโฑแก้วขึ้นบรรจงเทน้ำลงไปบนหัวตรีภพ บรรดาไฮโซไฮซ้อ คนดู นักข่าวอึ้งแต่ก็นึกว่ามีอยู่ในสคริปท์ เจ๊เบิร์ดตาเหลือก ”ว้าย แม่มึง ฉิบหายแล้ว”
ตรีภพหัวเปียกลู่กลีบกุหลาบหลายกลีบแปะอยู่บนหัว ตรีภพตาวาวแล้วยื่นมือไปตวัดคว้าพิมพ์ดาวลงมาในอ่าง พิมพ์ดาวเซหงายลงในอ่าง น้ำกระฉอกกระจายน้ำมวลใหญ่กระฉอกรดไฮโซไฮซ้อแถวหน้า ผมเปียกลู่ ขนตาหลุด คิ้วไหล เจ๊เบิร์ดเรอเอิ้กเซซวน
ตรีภพคว้าตัวพิมพ์ดาวไว้ พิมพ์ดาวดิ้น แต่ตรีภพรัดแน่น
“คุณ! ปล่อยนะ”
“เดอะ โชว์ มัสท์ โก ออน”
ตรีภพเสียงเข้ม พิมพ์ดาวได้สติว่าตนกำลังทำงานพังหยุดดิ้น ตรีภพลุกขึ้นดึงพิมพ์ดาวมาไว้ในวงแขน ชุดของพิมพ์ดาวและตรีภพเปียกแนบเนื้อเป็นอภิมหาเซ็กซี่ บรรดาคนดู ไฮโซไฮซ้อ นักข่าว ชาวบ้าน ถ่ายรูป ถ่ายคลิปกันวุ่นตรีภพดึงพิมพ์ดาวให้แหวนเงยแล้วก้มลงจูบ แต่ไม่ได้จูบจริง
“คุณ”
“อยู่นิ่งๆ”
ตรีภพและพิมพ์ดาวตระกองกอดคล้ายท่าจบ แพทและ 2 แดนเซอร์ได้สติรีบถลามา แพทเข้าไปคุกเข่าเกาะอ่าง 2 นางทำหมอบราบ เจ๊เบิร์ดใกล้จะเป็นลม ร้องสั่งคนคุมแสงดับไฟ ไฟดับวูบลง คนดูฮือฮาปรบมือกันใหญ่
———————————————————————————————-
ที่ห้องแต่งตัว ตรีภพ พิมพ์ดาว เจ๊เบิร์ดยืนประจันหน้า มีแพทช่างแต่งหน้า ทำผม 2 แดนเซอร์ยืนดู
“นี่มันอะไรกันยะ แม่พิมพ์ดาว ทำไม เธอเอาน้ำไปราดหัวน้องตรี”
ตรีภพยังคงตาเขียวเอาผ้าขนหนูขยี้ผม พิมพ์ดาวทำไม่แยแส “อ๋อ หนูอิมโพรไวส์ขึ้นมาน่ะค่ะ”
“ต้าย สคริปท์ฉันเขียนมาดิบดี หล่อนมาแหกสคริปท์ฉัน”
“อ้อ แล้วที่คุณพระเอกของพี่ดึงหนูตกน้ำละคะ”
“อ๋อ นั่นผมก็อิมโพรไวส์ขึ้นมาเหมือนกัน”
พิมพ์ดาวตาเขียวบ้าง ตรีภพยิ้มยั่ว
โชคดีที่เจ๊ไฮซ้อเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน เจ๊ฉีกยิ้มโผเข้ากอดเจ๊เบิร์ด
“อู้ย คุณเบิร์ดขา เจิด เริดล้ำมากค่ะ ใครต่อใครชอบกันใหญ่ เร้ว เปลี่ยนชุดเสร็จยังค่ะ ออกไปเร็วค่ะ คุณตรีขาเก่งมาค่ะ น้อง…น้องอะไรนะคะ”
“พิมพ์ดาวค่ะ”
“น้องพิมพ์ดาวก็เลิศค่ะ เร้ว ออกไปกันค่ะ”
“ค่ะ คุณสปาทิพย์” เบิร์ดรับคำ
“ฉันชื่อชบาทิพย์ย่ะ”
บนเวที เจ๊เบิร์ดรับอีกจ๊อบเป็นพิธีกร คุณชบาทิพย์นั่งยิ้มแก้มปริ ตรีภพนั่งขนาบข้างด้วยพิมพ์ดาว และแพท ให้สัมภาษณ์อย่างสนิทสนม เหมือนรักใคร่กันดี พอนักข่าวเผลอตรีภพและพิมพ์ดาวก็หันมาแอบถลึงตาใส่กันแวบหนึ่ง แล้วหันไปยิ้มแย้มใหม่
———————————————————————————————–
คืนนั้น พิมพ์ดาวสะดุ้งตื่นขึ้นมา เห็นหยือกน้ำที่โต๊ะหัวเตียงว่างเปล่าจึงคว้ามันขึ้นมาแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง กลับพบว่ารอบกายกลายเป็นทางเดินในเรือนใหญ่ 2 ด้านเป็นฝาไม้สักงาม พื้นเป็นกระดานแผ่นใหญ่ที่ผนังเรือนมีไม้สลักฉลุเป็นลายประดับอยู่ระยะ พิมพ์ดาวก้าวผ่านม่านปัก ชุดที่สวมกลับกลายเป็นซิ่นมีเชิงงดงาม เสื้อแขนกระบอกเป็นผ้าบางมีผ้าคลองแขน มือนั้นถือขันน้ำใบใหญ่ พิมพ์ดาวก้มลงมอง เงาน้ำในขันสะท้อนภาพตนเองแต่เกล้ามวยผมสูง แต่ก็ยังมีปอยผมทิ้งมาเคลียไหล่ แสดงว่าผมนั้นยาวอย่างยิ่ง บนมวยผมปักดอกไม้สด
พิมพ์ดาวในชุดเจ้านางน้อยถือขันน้ำก้าวมาจากซุ้มไม้ที่ออกดอกแพรวพราว เสียงซึงดังกังวานไพเราะแสดงถึงฝีมือคนเล่น พิมพ์ดาวมองไปบนศาลาใหญ่ ตกแต่งด้วยม่านบางเบาและพวงเครื่องแขวนดอกไม้สด ไกลออกไปเห็นแม่น้ำปิงกว้างใหญ่ ลมพัดพลิ้วเป็นระลอก
บนศาลานั้นมีร่างระหงในชุดเจ้านางแต่ประดับศีรษะด้วยเครื่องทองวูบวาบนั่งหันหลังให้พิมพ์ดาวมือกำลังเล่นซึงที่วางอยู่บนตัก ที่แทบเท้ามีหญิงสองนางแต่งตัวแบบนางข้าไทหมอบอยู่กับพื้น ตรงข้ามร่างระหงนั้นมีร่างชายหนุ่มผู้หนึ่ง แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาว นุ่งโจง เนื้อผ้าดูมีราคา นั่งก้มหน้าราวใจจดใจจ่อฟังเพลงซึง
ร่างนั้นเงยหน้าขึ้นเป็นใบหน้าหล่อเหลาของตรีภพ แต่ผมเผ้าดูโบราณ ตรีภพมองดูร่างระหงตรงหน้าอย่างชื่นชม
พิมพ์ดาวอ้าปากค้าง รู้สึกพิศวงที่เห็นชายหนุ่มที่นี่ ตรีภพเบือนสายตามาเห็นพิมพ์ดาวเข้าก็ตกตะลึงไป พิมพ์ดาว อกใจสั่นระทึก ตรีภพขยับตัวทำท่าเหมือนจะผุดลุกขึ้น เสียงซึงพลันชะงักหาย
“อันใดหรือเจ้า พี่เทพ” ร่างระหงที่เล่นซึง หันขวับมาอย่างไม่พอใจ เสียงที่พูดวางอำนาจ “นั่นใคร” ใบหน้านั้นคือใบหล้ายอดหล้าที่งดงามพิลาสพิไล แต่ระคนไปด้วยความน่ากลัวบางอย่าง
พิมพ์ดาวลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง อกใจไหวระทึก ทั้งที่ความฝันนั้นไม่ได้น่าสะพรึงกลัว พิมพ์ดาวเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียง ไฟสว่างขึ้น มือปัดโดนนิตยสาร 4-5 เล่มที่วางซ้อนอยู่ตกลง พิมพ์ดาวคว้ามันขึ้นมา พบว่าเป็นนิตยสารบันเทิง หน้าปกเป็นตรีภพวางท่าหรูเท่อยู่ พิมพ์ดาวหน้าหงิก
“อีตาบ้านี่ ใครใช้ให้นายมาอยู่ในความฝันฉัน” พิมพ์ดาวคว่ำหนังสือลง ใจยังครุ่นคิดถึงฝันประหลาด
———————————————————————————————–
เช้ารุ่งขึ้น คุณจันทรากำลังเตรียมอาหารเช้าอย่างง่ายๆ อยู่ที่แพนทรี่ พิมพ์เดือนนักศึกษาคณะโบราณคดีปีสุดท้ายนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ใบเฟิร์นสาวใช้ประจำบ้านเป็นสาวบ้านนอกที่มาทำงานเพราะเป็นแฟนคลับพิมพ์ดาวเมื่ออยู่นานเข้าก็ทำตัวราวเป็นผู้จัดการส่วนตัวพิมพ์ดาว กำลังปิ้งขนมปังอยู่ พิมพ์ดาวเดินตาปรือลงมาในห้องโถง
จันทราปิดเตายกจานพวกเบคอนไข่ดาวมาที่โต๊ะ พิมพ์ดาวมานั่งลง พิมพ์เดือนเลื่อนถ้วยกาแฟให้ พลางสบตาจันทรา พิมพ์ดาวจิบกาแฟ ใบเฟิร์นเอาจานขนมปังกับผลไม้มาวางแล้วนั่งลง
“งานเมื่อคืนเป็นยังไงบ้างคะ” พิมพ์เดือนถาม
“งานอีเวนท์สปาน่ะหรือ ไม่มีอะไรนี่ ไปเดินๆ ยิ้มๆ แป๊บเดียวก็ได้เช็กมาแล้ว”
พิมพ์ดาวเอาเช็กธนาคารมาโบก พิมพ์เดือนดึงมาดูตัวเลข
“เอาเข้าแบงก์ให้พี่ด้วยนะ ยายเดือน”
จันทราถามย้ำ “แค่เดินๆ ยิ้มๆ แค่นั้นหรือจ้ะ”
“ค่ะ”
“แล้วตัวเอกในงานนี่ใครลูก หนูบอกแม่ว่าคุณอ้นไม่ใช่หรือ”
พิมพ์ดาวทำจมูกย่น “ตอนแรกกะนังอ้นค่ะ แต่นางกลัวออกงานแล้วไม่เด้งก็เลยไปเติมโบท็อกซ์ แล้วเกิดผิดพลาด หน้าเบี้ยวไปแถบนึง ก็เลยไปเอานายพระเอกโรบ็อทมาแทน”
“แหม…แค่เรื่องแรกหรอกค่ะ เรื่องที่สองก็ดีขึ้นแล้ว” พิมพ์เดือนแก้แทน
พิมพ์ดาวค้อนน้องสาว
“แล้วหนูสนิทชิดเชื้ออะไรกับคุณตรีนี่แค่ไหน” จันทราซัก
“สนิทอะไรคะ ไม่รู้จักกันเลยไปเจอกันหน้างาน”
“แล้วเค้าเป็นยังไงบ้างคะ” พิมพ์เดือนถาม
“ไม่เห็นมีอะไรเลย หล่อก็ไม่หล่อ ทำเริ่ดๆ เชิดๆ เหมือนเป็นดาราใหญ่ เชอะ”
“ทำไมต้องทำท่าไม่ชอบเขาขนาดนั้น” จักทราชักสงสัย
“ก็นายนี่เป็นพวกเพลย์บอยเป็นเสือผู้หญิงนะซีคะ คิดว่าตัวเองหว่านเสน่ห์เข้าหน่อย
ผู้หญิงก็คงอ่อนระทวยโผเข้าวงแขนกันหมดซีนะ”
“ถ้าเป็นหนูไม่ต้องหว่านหรอกค่ะ หนูยอม หนูช็อบชอบ” ใบเฟิร์นเผลอตัว
“ใบเฟิร์น” พิมพ์ดาวตาเขียว ใบเฟิร์นทำคอหดแต่ไม่ได้กลัวเกรงอะไร จันทราคว้ารีโมทมาเปิดทีวี
“อือม์..งานเมื่อคืนไม่มีอะไร พระเอกใหม่ก็ไม่รู้จักกัน งั้นหนูดูข่าวนี่หน่อยซิลูก”
พิมพ์ดาวมองดูข่าวที่ตัดต่อมาจากงานอีเวนท์สปา ว่าพระเอกตรีภพจุมพิตนางร้ายแสนสวยพิมพ์ดาวดูดดื่มกลางงานอีเวนท์ เล่นเอาพิมพ์ดาวถือส้อมจิ้มไส้กรอกค้าง ในคลิปข่าวยังมีช่วงสัมภาษณ์ ตรีภพ “อ๋อเป็นแฟนคลับน้องมานานแล้วครับ” ส่วนพิมพ์ดาวกลับพูดว่า “อ๋อ ตามสคริปท์เท่านั้นละค่ะ”
พิมพ์ดาวหันมาแก้ตัวกับทุกคน “ไม่ได้จูบจริงนะคะ แค่มุมกล้องปากห่างกันเป็นคืบ” พอดีกับที่พิธีกรในข่าวพูดว่าคนในวงยืนยันว่าทั้งคู่คบหากัน พิมพ์ดาวชะงักหันขวับมามองทีวี เห็นเจ๊เบิร์ดฉีกยิ้มกับกล้อง “น้องกำลังดูๆ กันอยู่ฮะ..แหม..ไม่งั้นจะแสดงได้สมจริงขนาดนี้หรือค่ะ”
พิมพ์ดาวทำหน้าจะร้องไห้ “ไม่จริงนะคะ ไม่จริงนะคะแม่ ยายเดือนเชื่อพี่นะ ใบเฟิร์นเธออย่ามาทำหน้าแบบนั้น”
จันทราปลง “ยายพิมพ์นะยายพิมพ์ วันนี้ฉันคงไม่เป็นอันสอนหนังสือหรอก ทุกคนต้องถามฉันเรื่องนี้”
พิมพ์เดือนหัวเราะคิก “แต่รับรองเพื่อนหนูทุกคนต้องกรี๊ดสลบแน่ อิจฉาพี่พิมพ์”
“อย่าปากแข็งเลยค่ะ คุณพิมพ์ ฮิ ฮิ ฮิ หนูช๊อบ ชอบ” ใบเฟิร์นตอกย้ำ
พิมพ์ดาวเกือบลุกขึ้นเต้นเร่าๆ
———————————————————————————————
ฐาปกรณ์นั่งอยู่ที่โซฟาตรงหน้ามีหนังสือพิมพ์บันเทิง 2-3 ฉบับ มีรูปตรีภพจุมพิตพิมพ์ดาว ที่โต๊ะทำงานมาดามสุนั่งทำงานเคร่งอยู่ ตรงหน้าก็มีหนังสือพิมพ์อีกชุดหนึ่ง
“น้องตรีนะน้องตรี ไปรับงานของนังเบิร์ดได้ยังไงนะ”
“สนุกดีออกครับ” ตรีภพตอบ
“แต่มันเสียเกรดเราหมด เหมือนเป็นตัวสำรองยังไงก็ไม่รู้ ที่จริงมันต้องดีลกัน ต้องมีสัญญาให้รัดกุม
รู้ไหมนังเบิร์ดมันเขี้ยวจะตาย”
ตรีภพมองสุชาดารำพึงเบาๆ “ฮะ แต่น้อยกว่าเจ๊”
มาดามสุลุกพรวดขึ้น “นี่ไม่ได้แล้วนะคะ น้องตรีไม่มีผู้จัดการตั้งสามเดือนแล้ว น้องตรีต้องหาผู้จัดการคนใหม่ได้แล้ว”
“ผมกลัวคนใหม่จะมา…เอ้อ ลวนลามผมอีกนะซี”
มาดามสุมานั่งบนพนักโซฟาเอามือวางแปะที่ไหล่ แล้วเริ่มลูบไล้
“อุ้ยตาย…ถ้ากลัวพวกนั้น ก็หาผู้หญิงซีคะ เอาไหมคะ พี่สุจะเป็นผู้จัดการให้น้องตรีเอง”
“แล้วเธอแน่ใจหรือว่าเธอจะไม่ปล้ำไอ้ตรีมันเข้า” ฐาปกรณ์พูดแทงใจ
มาดามสุค้อนผัวลุกถอยมา “นี่ อย่ามาพูดแบบนี้นะ อ้อแล้วอีกเรื่องนึง เรื่องเธอกับนังพิมพ์ดาวนี่ยังไง
ไปแอบคบกันตั้งแต่ตอนไหน”
ตรีภพอมยิ้ม “อย่าว่าแต่คบเลยครับ เจอกันครั้งแรกก็ในงานนั้นแหละครับ แต่เจ๊เบิร์ดแกกลัวไม่มีใครตีข่าว แกก็เลยด้นสดขึ้นมา”
“ต้าย พี่บอกแล้วไงอีนี่มันหน้าด้าน น้องตรีไม่น่ายอมมัน เอ๊ะ แต่บางที อาจเป็นฝีมือนังพิมพ์ดาวก็ได้”
“ยังไงฮะ”
“นังนี่มันหวังจะเกาะน้องตรีดังน่ะซีคะ มันดึงให้นังเบิร์ดพูดไปแบบนั้น นังนี่มันร้ายจะตาย”
“รู้จักเขาด้วยหรือ” ฐาปกรณ์ถาม
“ถึงไม่รู้จัดตัวก็รู้กิติศัพท์มันค่ะ ดูตอนที่มันมีเรื่องกับเจ๊จิ๋มซีคะ”
“อ้าวก็อีเจ๊จิ๋มไปโกงเงินเด็กมันจริงๆ ไม่ใช่หรือ”
มาดามสุชะงัก “ถ้านังนี่มันไม่ร้าย นังจิ๋มมันคงไม่โกงหรอกค่ะ”
“นี่เลิกพูดถึงชาวบ้านเถอะ เรื่องงานน่ะว่ายังไง วันนี้ไอ้แก้วมันนัดส่งเรื่องย่อแล้วไม่ใช่หรือ”
———————————————————————————————-
จอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุค มีคำว่า เรื่องย่อ แล้วจากนั้นคือความว่างเปล่า โน๊ตบุคนั้นถูกวางทิ้งอยู่บนโต๊ะกาแฟ ส่วนแก้วนั้นนอนหงายอยู่บนเตียงมีท่าทางหมดอาลัยตายอยาก บนเตียงรกไปด้วยจดหมายเรียกเก็บเงิน เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งจดหมายยื่นคำขาดของบริษัทเครดิต มีโทรศัพท์เข้า แก้วเอาขึ้นมาดูเบอร์แล้วคอหด รีบกดปิดเครื่อง แล้วถอนใจโล่งอก ทันทีทันใดมีเสียงเจ้าหนี้ทุบประตูห้องดังสนั่น
“ไอ้แก้ว ไอ้แก้ว”
แก้วลุกพรวดมายืนเก้กังกลางห้อง
“กูรู้ว่ามึงอยู่ข้างใน มึงเปิดประตูมาซะดีๆ”
แก้วย่องไปเอาหน้าแนบฟังเสียงที่ประตู แล้วผงะเมื่อประตูถูกทุบแรงกว่าเดิม
“มึงจะเปิดหรือจะให้กูพังเข้าไป”
แก้วผงะถอยออกมายืนเหลียวซ้ายแลขวาแล้ววิ่งไปที่ระเบียง
ซอยเปลี่ยวถนนคอนกรีต สองข้างทางเป็นป่าหญ้า แก้วเดินอย่างเร่งรีบมาตามทางก้มหน้าเอามือป้องหัวเหมือนจะบังแดด มีรถยุโรปคันใหญ่ติดฟิล์มดำมืดสวนมา รถแล่นผ่านแก้วไป แก้วเหลือบมองดูรถอย่างโล่งใจแล้วเดินต่อ ทันใดนั้นรถคันนั้นเบรคเอี้ยดแล้วตีวงกลับ คนขับรถเลื่อนกระจกลงถาม “คุณแก้ว คุณแก้วใช่ไหม”
แก้วร้องออกมาคำหนึ่งเริ่มออกวิ่ง รถคันนั้นขับไล่ตามจนทัน กระจกรถอีกด้านถูกเลื่อนลง เห็นชายแต่งตัวภูมิฐานร้องเรียก “คุณแก้ว!”
แก้วยังไม่หยุด คนขับเร่งเครื่องแล้วหักขวาง แก้วเบรกไม่ทันชนรถโครมแล้วหงายลงก้นจ้ำเบ้ากับพื้น คนขับรถ ชายภูมิฐานลงมายืนค้ำ แก้วยกมือไหว้ท่วมหัว “อย่าทำผมเลย ตอนนี้ผมไม่มีจริงๆ” ประตูรถตอนหลังเปิดออก ตาทองก้าวลงมาอีกคน “คุณแก้ว โธ่ ลุกขึ้นก่อนครับ”
“พวกเรามาจากคุ้มเวียงแก้ว ผมเป็นทนายของตระกูล”
“พวกเรามาเชิญคุณกลับไปที่คุ้มครับ” ตาทองเสริม
แก้วยังคงงงเป็นไก่ตาแตก
ฐาปกรณ์ยืนหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มาดามสุนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟา ตรีภพยืนอยู่กลางห้องมีอาการหนักใจ “ทางอพาร์ทเม้นท์เขาว่ายังไงครับ”
“ไอ้แก้วไปเชียงใหม่ แล้วมันเสือกไปอะไรตอนนี้” ฐาปกรณ์หงุดหงิด
“มองในแง่ดี มันอาจจะไปหาข้อมูล เขียนเรื่องให้พี่ก็ได้”
ตรีภพถอนใจนั่งลง มาดามสุพูดเยาะๆ “เห็นไหมล่ะ ฉันเตือนแล้ว ว่าไอ้แก้วนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน ละครยาวบางเรื่องมันเขียนอยู่ตั้ง 2 ปี ไอ้ที่จะมาเขียนเดือนเดียวเสร็จน่ะ ฝันไปเถอะ”
ฐาปกรณ์พูดกับตรีภพ “ไง นายเป็นตัวตั้งตัวตีอยากให้มันมาเขียนไม่ใช่หรือ”
ตรีภพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แต่มันรับปากผมเป็นมั่นเป็นเหมาะนะครับ”
“เฮ้อ ฝีมือมันดีจริง แต่ไอ้เรื่องติสท์แตกเกินเหตุนี่มันไม่ไหวจริงๆ” ฐาปกรณ์บ่น
“ติสท์เติ้ดอะไร ขี้เกียจน่ะไม่ว่า” สุชาดาไม่เห็นด้วย
“ยังไงก็รอดูมันก่อนเถอะครับ ไอ้แก้วมันไม่น่าจะทิ้งงานหรอก” ตรีภพขอร้อง
———————————————————————————————-
ที่คุ้มใหญ่ ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แก้วนั่งตรงข้ามกับทนายความ ที่พื้นตาทองและสายใจนั่งอยู่ ทุกคนแต่งกายไว้ทุกข์ แก้วยังคงมองดูรอบๆตัว
“คุณทราบมาก่อนไหมครับว่าเกี่ยวดองเป็นญาติกับแม่เจ้าท่าน”
“ผมทราบว่าท่านเป็นน้องสาวคนสุดท้องของคุณปู่ผม แต่ว่าคุณปู่ก็ไม่ติดต่อกับทางคุ้มนี้มาหลายสิบปีแล้ว ผมเคยได้ยินดีมาว่า เจ้าพ่อของคุณปู่ คุณทวดผมประกาศตัดขาดกับคุณปู่ ชนิดเอ้อ…ไม่มีวันญาติดีกันได้ไม่ใช่หรือครับ”
“ครับ”
“แต่ญาติห่างๆ แบบผมก็ยังมีอยู่อีกตั้งหลายคน”
“ผมทราบ แต่ว่าแม่เจ้าระบุไว้ในพินัยกรรมว่า คุ้มเวียงแก้วกับทรัพย์สินทั้งหมดให้ยกให้คุณเพียงคน
เดียว”
แก้วยังคงงุนงงมากกว่าดีใจ
ในห้องสมุด มีรูปถ่ายของเจ้าเก็จถวาที่ถ่ายไว้ราว 10 ปีก่อนติดอยู่ สายตาที่มองมาดูเศร้าสร้อย แก้ววางพวงมาลัยลงบนพานแก้วหน้ารูป ตาทองและสายใจยืนดูอยู่ สายใจซับน้ำตา ห่างออกไปที่พื้นมีสาวใช้วัยสาว 2 คนคุกเข่าอยู่
“ท่านป่วยเป็นอะไรหรือครับ”
“ท่านสุขภาพดีมาตลอด ไม่เคยมีวี่แววเจ็บป่วยอะไรเลย แต่จู่ๆ เราก็เจอท่านนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้” ทองชี้
ภาพย้อนกลับไปในคืนที่เจ้าเก็จถวาจากไป ตาทองผลักประตูห้องสมุดเข้ามา นาฬิกาข้างฝาบอกเวลาตีห้า “มหาจรวยไม่อยู่ครับ แม่เจ้า เห็นว่าพาคณะปฏิบัติธรรมไปเมืองลาวหรือพม่านี่แหละครับ”
ตาทองมองดูเห็นที่โต๊ะเขียนหนังสือ เจ้าเก็จถวานั่งอยู่บนเก้าอี้พนักสูง หน้าเอียงซบกับพนัก อีกทั้งใบหน้าอยู่ในเงามืด มือยังคงถือปากกาบนโต๊ะมีกระดาษ เขียนข้อความด้วยลายมือ ปากกายังคงจ่ออยู่ที่ลายเซ็น
“แม่เจ้าขอรับ แม่เจ้า” ตาทองเริ่มรู้สึกผิดปรกติก้าวเข้าไปใกล้ “แม่เจ้า” เจ้าเก็จถวายังคงนั่งไม่ไหวติง ตาทองเริ่มหวาดหวั่น จดๆ จ้องๆ ยื่นมือไปจับเก้าอี้ให้หมุนมา ใบหน้าเจ้าเก็จถวาในเงามืดหันมารับแสงจากโคมตั้งโต๊ะ ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวดวงตาเบิกโพลง ปากอ้ากว้าง ใบหน้าดูผิดรูปเหมือนไม่ใช่มนุษย์ ตาทองผงะหงาย ถอยหลังกรูดไปนั่ง ก้นกระแทกกับพื้น มือเจ้าเก็จถวาเมื่อเก้าอี้ถูกดึงก็ตกลงบนตัก กระดาษปลิวหล่นร่อนมาตรงหน้าทอง ตาทองตัวสั่นหยิบมันมาดูเห็นว่าเป็นพินัยกรรมเขียนด้วยลายมือมีลายเซ็นเจ้าเก็จถวา และลายมือของสาวใช้เป็นพยานครบถ้วน
แก้วรับฟังอย่างแปลกใจ ตาทองชี้ไปยังสาวใช้ 2 คน “ระริน กับเฟื่องฟ้า บอกว่าแม่เจ้าให้มาเซ็นชื่อเป็นพยานก่อนหน้านั้นนิดเดียว”
“ใช่เจ้า ตอนข้าเจ้าสองคนออกมาจากห้อง ก็ได้ยินเสียงเครื่องรถตาทองเข้ามาพอดีเจ้า” ระรินบอก
“ตอนนั้นแม่เจ้าก็ยังดูปกติดีอยู่เจ้า” เฟื่องเสริม
“ไม่ปกติเท่าใดหรอกเจ้า แม่เจ้าดูมึนๆ ซึมๆ ยังไงไม่รู้เจ้า”
สายใจหลุดปากออกมา “จะปกติได้อย่างใด ก็ผีม้าบ้องมาเอาตัวแม่เจ้าไป”
“สายใจ พูดอะไร” ตาทองอุทาน
“อะไรนะ” แก้วถามย้ำ
“จริงๆ นะเจ้า ข้าเจ้าเห็นผีม้าบ้องตามันลุกจ้า ขนคอเป็นเปลวไฟลากรถม้าสีดำมารับตัวแม่เจ้าไป”
“เหลวไหล แกฝันไปน่ะไม่ว่า”
“แต่..”
“ไม่ต้องแต่ แกน่ะหยุดพูดได้แล้ว”
สายใจก้มหน้างุด
“ไปเถอะครับคุณแก้ว ผมจะพาคุณไปห้อง”
———————————————————————————————
แก้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงใหญ่ปูลาดด้วยผ้าคลุมที่ดูแพงระยิบระยับ แก้วกวาดตาดูรอบๆ ห้อง เพดานสูงมีโคมไฟฟ้าราคาแพงอีกหลายสิ่ง แก้วลุกขึ้นเดินดูรอบๆ ห้อง คว้ารีโมทมาเปิดทีวีจอใหญ่ แล้วปิดเสียง หันไปเปิดเครื่องเสียงอีกอย่าง แล้วเดินไปเปิดดูตู้เสื้อผ้าที่คนรับใช้นำเสื้อผ้ามาแขวนให้แล้วดูไม่สมกับตู้ แก้วยิ้มกับตัวเอง
แก้วเดินออกไปยังระเบียงของห้องนอน แล้วมองดูอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลของคุ้ม สวนเต็มไปด้วยไม้ใหญ่เก่าแก่อยู่รอบๆ สวนดอกไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดี ดัดไปยังศาลารับรองมหึมา มองไปเห็นแนวต้นไม้ใหญ่ติดต่อกันเป็นพืดที่สุดสายตา มียอดสิ่งก่อสร้างเก่าโผล่ขึ้นมาดูมืดมนแม้เป็นยามกลางวัน ลมพัดแรงพัดมาเสียงกระดิ่งลมดังก้องฟังดูวังเวง แก้วรู้สึกสังหรณ์ประหลาด
ที่ห้องคอนโดของตรีภพ ตฤณกำลังรื้อหาของกินและน้ำจากตู้เย็น
“เอ็งกะพิมพ์ดาวมีอะไรคืบหน้าหรือยังวะ”
“คืบหน้าบ้าอะไร ถือว่าไม่รู้จักกันก็ยังได้โว้ย”
“โห ขนาดยังไม่รู้จักยังจูบกันแนบแน่นขนาดนั้น ทำไมเขาใจถึงนักวะ”
“ไอ้บ้า รู้จักมุมกล้องไหม ปากห่างกันตั้งเป็นคืบ”
“ไอ้แก้วนี่มันยังไงกันวะ” ตรีภพลองกดโทรศัพท์หาแก้ว “หือม์ ติดแล้วว่ะ ฮัลโหล”
แก้วใส่เชิ้ตดำกับเสื้อนอกกำกำลังขับรถ พูดโทรศัพท์มือถือราคาแพงไปด้วย
“ฮัลโหล ไอ้ตรี มีอะไรวะ”
“ถามได้มีอะไร นี่เอ็งหายหัวไปไหนกันแน่ ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“แบตหมดโว้ย ชาร์เจอร์ก็ลืมเอามา วันนี้ตอนแรกจะไปซื้อชาร์เจอร์ ดูไปดูมาเลยซื้อมือถือใหม่ซะเลย”
“เออก็ดีแล้ว แล้วเรื่องงานบทเอ็งจะเอายังไง”
“บทอะไรวะ”
“ไอ้บ้า ถามมาได้บทอะไร ก็บทเรื่องทางเหนือน่ะซี ตอนนี้พี่ฐากับมาดามสุจะเป็นบ้าแล้วนะโว้ย”
แก้วยิ้มสะใจ “ตอนนี้ข้ารวยเป็นพันล้าน ใจคอเอ็งจะให้ข้าไปเป็นขี้ข้าให้ไอ้ผู้กำกับซาดิสม์กับนังเมียจอมงกโขกสับอีกหรือ”
ตรีภพขมวดคิ้ว “เฮ้ย ไม่ได้นะโว้ย เอ็งรับปากเขาแล้วเป็นมั่นเป็นเหมาะ”
“เออ ต้องวางแล้วว่ะ” แก้วตัดบทวางหู
แหล่งบันเทิงยามราตรีของเชียงใหม่ แก้วขับรถยุโรปหรูแล่นเข้ามาจอด แก้วลงมาส่งกุญแจให้พนักงานขับรถ ที่เหนือบันไดทางเข้า พ่อเลี้ยงธาดาวัย 40 ปี เจ้าของคอมเพลกซ์ ยืนอยู่พร้อมบอดี้การ์ด 2 คน พ่อเลี้ยงธาดายิ้มร่า “ยินดีต้อนรับครับเจ้า”
“เรียกผมแก้วเฉยๆ เถอะครับ พ่อเลี้ยง”
“โอเคครับ เชิญคุณแก้วข้างในดีกว่าครับ”
พ่อเลี้ยงธาคาโอบไหล่แก้วเดินเข้าผับ พนักงานสาวในชุดราตรี 4 นางยืนพนมมือไหว้เป็นทิวแถว
พ่อเลี้ยงธาดาพยายามเอาอกเอาใจแก้ว เพราะหวังผลบางอย่าง
“เห็นว่าคุณแก้วยังมีที่ดินริมน้ำอีกผืนติดกับคุ้มเวียงแก้ว”
“อ๋อ คุ้มร้างน่ะหรือครับ”
“ครับ”
“เห็นว่าทรุดโทรมมากแล้วก็รกเป็นป่าเลย”
“คุณแก้วมีแผนการจะจัดการอะไรกับที่ดินแปลงนี้หรือเปล่าครับ”
“ผมยังไม่มีแผนอะไรหรอกครับ ตอนนี้ยังมีเรื่องต้องจัดการก่อนอีกตั้งหลายเรื่อง”
“แต่ว่าผมสนใจอยู่นะครับ ไว้วันไหนคุณแก้วว่างๆ ผมอยากขอไปดูซักหน่อย”
“ได้เลยครับพ่อเลี้ยง”
มาม่าซังพาสองสาวมานั่งดริ๊งค์เป็นเพื่อนแก้ว พ่อเลี้ยงมองอย่างพอใจ
คืนนั้น แก้วหลับบนเตียงอย่างหมดสภาพ ขนาบข้างด้วยสองสาว ที่นอกระเบียงมีลมพัดมาจนประตูสู่ระเบียงเปิดออกจากกัน ที่สุดสายตาเห็นยอกหลังคาคุ้มร้างโผล่จากแนวต้นไม้ มีเงาดำเคลื่อนมาในอากาศแล้วร่อนลงเกาะขอบระเบียง มันเป็นกาใหญ่มหึมาดวงตาเรืองแสงเป็นสีแดง หมอกมากมายไหลระเรื่อยมาตามพื้น
แก้วลุกจากเตียง 2 สาวนอนหลับใหลไม่แม้ขยับตัว แก้วแต่งตัวลวกๆ กึ่งรู้ตัวกึ่งถูกสะกด ม้าปีศาจวิ่งมาจากกลุ่มควัน ดวงตาแดงก่ำราวถ่านไฟ ขนแผงคอลุกเป็นเปลว แก้วยังคงตะลึงจังงัง ม้าปีศาจลากรถม้าสีดำมาจอดลง ประตูรถม้าเปิดออกเอง
ม้าปีศาจวิ่งเต็มฝีเท้าพารถแล่นไปอย่างรวดเร็ว ล้อใหญ่ดูวาววับบดกับพื้นถนน ที่สุดทางเป็นกำแพงของเถาไม้เลื้อยที่รกทึบ หนาแน่นจนไม่มีทางใดฝ่าไปได้ ในรถแก้วนั่งอยู่มองออกไปตรงหน้า ม้าปีศาจพารถพุ่งเข้าหาเถาไม้เลื้อย ราวจะพุ่งชน ทันใดกำแพงไม้เลื้อยพลันแยกออกเป็นช่องให้รถม้าวิ่งผ่านไป แก้วหวาดหวั่น หันไปมองทางท้ายรถ ช่องแยกนั้นพลันปิดลงกลายเป็นกำแพงไม้เลื้อยหนาทึบดังเดิม
———————————————————————————————-
ในคุ้มร้าง แก้วค่อยๆ คุกเข่าลงหน้ายกพื้น มองดูภาพตรงหน้าอย่างหวาดหวั่นและตื่นตะลึง บนเติ๋นมีตั่งทอง ยอดหล้านั่งอยู่ดูงดงามมลังเมลืองเหนือมนุษย์ นางผัน นางเผื่อน หมอบราบอยู่แทบเท้า ยอดหล้ามองดูแก้วพลางยิ้ม แก้วยิ้มตอบความกลัวกลับแฝงความหลงใหลขึ้นมา
“เจ้าคงไม่รู้ซีนะว่าข้าคือใคร”
แก้วส่ายหน้า “ครับ”
“ข้าคือย่าทวดของเจ้าเก็จถวา ย่าของเจ้า แต่เจ้ามิต้องนับญาติกับข้าก็ได้”
“ครับ”
“เจ้ารู้หรือไม่ ทำไมเก็จถวาย่าของเจ้าจึงเลือกเจ้าให้เป็นผู้สืบทอดคุ้มเวียงแก้ว”
“ผมไม่ทราบเลยครับ”
“เก็จถวาไม่ได้เป็นคนเลือกเจ้า แต่คือข้าต่างหากเป็นคนเลือก”
แก้วพิศวง รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ “ทำไมครับ ทำไมต้องเป็นผม”
“เพราะสิ่งที่เจ้าทำไง เจ้าคือช่างเขียนเรื่อง”
“ผมไม่เข้าใจ”
“ข้าปล่อยให้เจ้าสำเริงสำราญมาหลายวัน ตอนนี้จงพอได้แล้วข้ามีเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง จงฟังทุกถ้อยทุก
คำของข้า และจดจารจารึกลงในใจเจ้า”
“ครับ”
ยอดหล้าเหม่อมองไปไกล ดวงตายังคงผูกพันแรงกล้ากับเรื่องในหนหลัง
“ข้าจะเล่าเรื่องความรักอันแสนเศร้าของเจ้านางผู้เลอโฉมแห่งคุ้มเวียงแก้วกับขุนนางหนุ่มจาก
เมืองใต้ที่ถูกทำลายโดยนังน้องสาวแพศยา นังงูพิษที่ทรยศข้า”
พิมพ์ดาวนอนหลับอยู่บนเตียง จมลงสู่ความฝัน ได้ยินเสียงเรียก “นังดาราราย” พิมพ์ดาวกระสับกระส่าย กลุ่มควันหมุนวนรวมกันเป็นดวงหน้ายอดหล้า “นังงูพิษ นังแพศยา ทรยศ เจ้าพรากพี่เทพของข้าไป” พิมพ์ดาวอึดอัดหายใจไม่ออก ใบหน้ายอดหล้าแปรเปลี่ยนเป็นซากศพ
“ไม่ว่าเจ้าไปอยู่ที่ใด ข้าจะขอผูกเวร ล้างเจ้า ผลาญเจ้า ไปทุกชาติทุกภพตลอดไป”
ใบหน้ายอดหล้ากลายเป็นอสูรกาย ปากแสยะเขี้ยวงอก พุ่งมา
พิมพ์ดาวผวาลุกขึ้น ใจเต้นแรงจนต้องเอามือกุมอก พิศวงกับความฝัน
“ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว”
————————————————————————————————
เวลาเดียวกัน ตรีภพผวาลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แล้วเปิดโคมไฟที่โต๊ะหัวเตียง พลางครุ่นคิดกลุ่มควันรวมตัวกันเป็นใบหน้างามพิลาสของยอดหล้า “พี่เทพ ยอดดวงใจของข้า” ตรีภพนิ่งอั้น
“พี่คือดวงตะวัน ข้าเจ้าคือจันทรา” ยอดหล้าโศกเศร้า น้ำตาไหลพราก “พี่พรากจากข้าเจ้าไปนานนัก ไม่ว่าพี่ไปอยู่แห่งใดหนใด ข้าเจ้าจักรักพี่ไป ไม่มีวันเสื่อมคลาย” ตรีภพถอนใจยาว “ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว”
ฐาปกรณ์รู้จากตรีภพว่าแก้วไม่ยอมเขียนบทต่อ จึงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตรงข้ามกับสุชาดาที่เปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“ไอ้แก้วได้มรดกรวยเป็นพันหลานเลยหรือ ว้ายตายแล้วดีจังเลย โชคดีอะไรอย่างนี้ ต๊าย มิน่าพี่ถึงว่ามันมีสง่าราศีผิดจากเราๆ”
ตรีภพทำตาปริบๆ ฐาปกรณ์มองเมียพลิกลิ้นตาขวาง
“วันก่อนยังด่ามันขี้เกียจตัวเป็นขนอยู่เลย”
“น้องแก้วคงรู้ล่วงหน้าล่ะซีว่าต่อไปจะได้นั่งกิน นอนกิน ต๊าย มีบุญจริงๆ”
“อ้อ แล้วทีมันสร้างความฉิบหายให้กะเราล่ะ เสียเวลาไปสิบวันกลับมานับหนึ่งใหม่”
“ผมว่านับศูนย์มากกว่าครับ” ตรีภพหลุดปาก ฐาปกรณ์ตาขวาง ตรีภพรีบหุบปาก
“เพราะนายคนเดียวไอ้ตรี เสือกแนะนำไอ้บ้านี่มา ต่อไปถ้าเจอไอ้ห่าแก้วที่ไหน จะด่ามันให้เช็ดเม็ด
แล้วกระทืบมันให้จมตีนเลย”
“อู้ย ก็ดี คุณจะได้โดนบอดี้การ์ดน้องแก้วยิงไส้แตก”
“เรียกมันน้องแล้วหรือ”
“มีเงินเขาว่าเป็นน้อง มีทองเขานับเป็นพี่ น้องแก้วกลายเป็นเจ้าไฮโซเมืองเหนือไปแล้ว
ยิ่งต้องสนิทชิดเชื้อไว้”
“เธอนับญาติกับมันไปคนเดียวเถอะ”
“วุ้ย คนเขียนบทน่ะหาเอาใหม่ได้ คิดดูซีน้องแก้วกลายเป็นไฮโซเมืองเหนือ มีเส้นมีสาย เป็นเจ้าของคุ้ม
ดีไม่ดีอาจให้เรายืมคุ้มถ่ายฟรีๆ ก็ได้” มาดามสุนึกไปไกลด้วยความงก
“หาคนเขียนบทใหม่…หาง่ายนักนี่ หรือว่าเธอจะเขียนเอง”
“อย่ามาท้าฉันนะ”
“โธ่พี่ ใจเย็นๆ ก่อนมาช่วยกันคิดเถอะครับว่าจะหาใครมาเขียนบทใหม่ดี” ตรีภพแนะ
ขณะที่กำลังถกเถียงกันว่าควรจะหาใครมาเขียนบทแทนดี ก็ปรากฏว่า แก้วส่งเมล์เข้ามาให้ ฐาปกรณ์เปิดไฟล์ที่แนบมา
“เรื่องย่อหรือครับ” ตรีภพถาม
“ไม่ใช่เรื่องย่อ…แต่เป็นบทเลย”
ฐาปกรณ์ ตรีภพ สุชาดา มองหน้ากัน
คุ้มใหญ่ดูมืดทะมึนผิดเคยมีแสงสว่างจากระเบียงห้องนอนแก้วเพียงจุดเดียว เบื้องบนมีเมฆฝนฟ้าพยับโพยม ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะ แก้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าซูบหมองคล้ำหนวดเคราขึ้นรก ดวงตานิ่งแน่วแน่ พรมนิ้วรัวลงบนคีย์บอร์ดไม่ขาดระยะ ฟ้าแลบสว่างทาบมาบนตัวแก้ว ในวินาทีหนึ่งใบหน้าแก้วเหมือนถูกทาบซ้อนด้วยดวงหน้ายิ้มเคียดแค้นของยอดหล้า
บทละคร ค้มนางครวญ ตอนที่ 3 | บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 1 |
ชมทีวีออนไลน์ช่อง 5 แบบสดๆ ได้ที่นี่ |
ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety |