เข้า Netflix แล้วกับ Black Mirror Season 6 ที่มีความยาว 5 ตอนตอนละ 1 ชั่วโมง ซึ่งปอกเปลือกด้านดาร์กของเทคโนโลยีและดำดิ่งลงไปในจิตใจด้านมืดของมนุษย์ สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านซับไทยก็มีพากย์ไทยในเรื่องด้วย เรื่องย่อ https://www.facebook.com/NetflixTH/videos/719013636891045 ในตอนแรกนั้นเล่าเรื่องของชีวิตของมนุษย์ที่ถ้าหากว่าสามารถนำไปสร้างเป็นหนังเรื่องหนึ่งได้จริงๆได้ และใครก็ตามก็สามารถเข้ามารับชมได้ จะเป็นยังไงในตอนที่ 2 นั้น ว่าด้วยเรื่องของการทำสารคดีอาชญากรรมเกี่ยวกับนักศึกษาที่กลับมาบ้านเกิดเพื่อทำสารคดีเกี่ยวฆาตกรต่อเนื่องที่จบชีวิตของตัวเองตอนที่ 3 นั้นเล่าเรื่องของนักบินอวกาศ 2 คนที่กลับมาใช้ชีวิตร่วมกัน หลังจากที่ออกไปปฏิบัติภารกิจยาวนานและสามารถเชื่อมโยงจิตใจให้เข้ากับหุ่นยนต์จำลองได้ตอนที่ 4 นั้นเล่าเรื่องของดาราที่หายหน้าไปจากสื่อหลังจากข่าวฉาวและปาปารัซซี่ต้องการเงินดังนั้นจึงเป็นสงครามระหว่างปาปารัซซี่และดาราตอนที่ 5 นั้น เล่าเรื่องของผู้หญิงอินเดียที่มาใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษ และเผชิญหน้ากับปัญหาบูลลี่และความรุนแรงมากมายจึงทำให้เธอตัดสินใจทำสัญญากับปีศาจเพื่อปกป้องตัวเอง ความรู้สึกที่ดู https://www.facebook.com/NetflixTH/videos/2360115224007757 เป็นซีรีส์ที่ไม่ได้ดูยากมากนะสำหรับปีนี้ แล้วทำให้เราตั้งคำถามกับประเด็นต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นบนเรื่องซึ่งสามารถตีความได้หลายทาง และนักแสดงที่ส่งบทบาทก็ถ่ายทอดสื่อและสื่ออารมณ์ของตัวละครในเรื่องออกมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีทั้งการโยนและการรับระหว่างความรู้สึกของตัวละครและทำให้คนดูรู้สึกได้เป็นอย่างดี ถึงความบีบคั้นและความตึงเครียดรวมไปถึงการตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ในเรื่องของความสนุกนั้นต้องขอบอกว่าในตอนที่ดูนั้น รู้สึกน่าเบื่อหรืออยากหลับตามสไตล์การเล่าเรื่องของซีรีส์เรื่อง Black Mirror ที่เล่าเรื่องแบบเรียบๆง่ายๆ เน้นการค่อยๆสร้างอารมณ์ร่วมระหว่างคนดูและตัวละครในเรื่อง แต่หลังจากดูจบแล้ว กลับรู้สึกสนุกมาก และลืมไม่ลงในสิ่งที่ซีรีส์พยายามนำเสนอ หรือแสดงออกมา ซึ่งในตอนที่ผู้เขียนชอบที่สุดนั้นคงยกให้กับตอนที่ 4 เพราะรู้สึกว่ามันใกล้ตัวดี เพราะมันก็มีดาราที่รำคาญเหล่าบรรดานักข่าวและนักข่าวหรือปาปารัซซี่ที่หิวเงินอยู่และทำได้ทุกอย่างทั้งการใส่ไข่ตีสีเพื่อให้ยอดวิวในข่าวของตัวเองเพิ่มมากขึ้น มีคนสนใจเรื่องของตัวเองมากขึ้น เพื่อฐานะและการกินการอยู่ที่ดีมากขึ้นของตัวเอง ในขณะที่อีก 4 ตอนที่เหลือนั้น แม้จะเสียดสีสังคมในยุคสมัยนี้ แต่ผู้เขียนกลับมีความรู้สึกเข้าไม่ถึงมากกว่า แน่นอนว่าในซีรีส์ Black Mirror นั้นยังคงรักษาความสยองขวัญและความน่ากลัวเอาไว้ในแบบฉบับของซีรีส์ ที่ทำให้เราต้องขบคิดและตั้งคำถามต่อหลังจากที่ดูจบคะแนนรีวิว 7.5/10 โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนพบว่าเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันนั้นเป็นแค่เครื่องมือ และคนหรือมนุษย์ก็เป็นคนใช้งาน มันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือทำลายชีวิตเราก็ขึ้นอยู่กับมือเราเองนะไม่ใช่ความผิดของเทคโนโลยี มันคือดึงมุมดาร์กหรือมุมมืดที่ซ่อนอยู่ในใจคนออกมาได้ง่ายดายมากขึ้นก็แค่นั้น บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิว Wednesday (2022) พบกับความสยองขวัญสุดเพี้ยนของน้อง Wednesday จากบ้าน Addams จากบ้าน Addamsรีวิว The Crown Season 5 กลับมาอีกครั้งกับครอบครัวราชวงศ์จากประเทศอังกฤษรีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่รีวิว Do Revenge (2022) เจ็บลึกกับบาดแผลเหมือนรอยสักของคนที่โดนเพื่อนแกล้งเลยวางแผนซ้อนแผนรีวิว Sky Castle (2018) เสียดสีเรื่องตลกร้ายของวงการการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่ 1 โดย Netflixรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 โดย Netflixคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน