Short CommentHurts Like Hell เจ็บเจียนตาย (2022)"ทุกคนรู้ว่าจมูกอยู่บนใบหน้าแต่ไม่มีใครมองเห็นนอกจากส่องกระจก ดีพอที่จะยกมาบอกต่อ ถึงฟอร์ม ถึงใจ ได้อารมณ์ แต่ยังไม่ถึงแก่น"หากท่านที่ติดตามอ่านงานเขียนของดูไปบ่นไปมานานคงพอทราบว่าน้อยมากที่ผู้เขียนจะเขียนถึงหนังหรือละครไทย อาจมีบ้างที่เป็นความชื่นชอบส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับคุณภาพแต่อาจเป็นสัมผัสที่ใกล้ตัวเลยออกมาขีดเขียนถึงด้วยเหตุผลส่วนตัวแต่ถ้าเป็นไปได้จะพยายามไม่แตะต้องเพราะเหตุผลส่วนตัวเช่นกัน แต่กับงานซีรีส์ NETFLIX Original สายพันธุ์ไทยเรื่องล่าสุดที่เพิ่งดูจบลงทำให้อดไม่ไหวต้องมาบอกต่อเพราะผู้เขียนคือชายไทยที่โตมากับวัฒนธรรมไทยคือมวยไทย ซึ่งต้องย้อนไปในวัยเด็กที่ตามบิดาไปดู (เล่น) มวยตู้จากทีวีขาวดำที่บ้านคนรวยในหมู่บ้านพร้อมเสียงเฮสนั่นทุ่งในบ่ายวันอาทิตย์ ทำให้การดูมวยไทยซึมซับอยู่ในตัวผู้เขียนและเมื่อผู้เขียนเป็นคนชอบอ่านข้อมูลและข่าวสารก็ได้ผ่านความทรงจำเกี่ยวกับวงการมวยทั้งไทยและสากล แม้ว่าในปัจจุบันผู้เขียนจะไม่ค่อยได้ดูเพราะเวลาเหลือเพียงจำกัดจำเขี่ยแต่เหตุผลที่เอือมระอาก็มาจากเหตุการณ์ที่ซีรีส์เรื่องนี้เล่าเช่นกันเรื่องราววงการมวยไทยกีฬาประจำชาติที่ถูกเล่าขานว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ แต่แท้จริงแล้วทุกอย่างอยู่ในมือคนกลุ่มที่เรียกว่า "เซียนมวย" เรื่องจึงเล่าเรื่องสองเรื่องใหญ่ที่เป็นโศกนาฏกรรมของคนมวยเมื่อเซียนหนุ่มอย่างพัฒน์ (ณัฎฐ์ กิจจริต) ที่ไปปีนเกลียวกับเซียนใหญ่คือเฮียคม (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) จนสุดท้ายต้องสังเวยชีวิต แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นคือส่วนปลายของเรื่องเมื่อก่อนจะถึงจุดนั้นคือไม่ต่างจากการเล่นเกมเฉือนคมกันในการพนันมวยคู่เอก ทุกเหลี่ยมกลถูกนำมาใช้รวมถึงวิรัตน์ (วิทยา ปานศรีงาม) กรรมการบนเวทีนั่นคือหนึ่งเหตุการณ์ กับอีกเหตุการณ์หนึ่งคือความสูญเสียนักมวยเด็กอายุน้อยจากการชกเมื่อแรงผลักที่แรงกว่าทำให้อีกฝ่ายสูญเสียถึงชีวิต จนมีการตั้งคำถามต่อความเหมาะสมและเรื่องทางกฎหมายของมวยเด็กที่เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของวงการมวยไทย แต่สุดท้ายใครกันแน่ที่ได้รับผลประโยชน์และจุดเริ่มต้นทั้งหมดคืออะไรสิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือการเขียนบทที่ถ้าจะบอกว่าคนไทยก็มีดีเพราะนี่คือการเล่าเรื่องไม่ต่างจากซีรีส์ฝรั่งชั้นดีก็คงไม่ผิด ที่เล่าเหตุการณ์ที่ดูเหมือนแยกจากกันแต่ความจริงเกี่ยวพันกันทำให้สื่อออกมาได้ถึงความแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกันของคนในวงการมวย และสิ่งที่ทำให้คนนอกวงการได้มองเข้าไปจนเห็นภาพชัดคือความฉลาดเลือกเรื่องที่เอามาเล่าและการเสนอตัวเป็นซีรีส์กึ่งสารคดีทำให้เห็นภาวะเป็นจริง เพราะถ้าคนนอกมองเข้าไปในวงการมวยจะเห็นว่าในซอกหลืบของหน้าฉากที่เห็นนักมวยขึ้นชกบนเวทีมีอะไรมากกว่าที่เห็นและไม่ใช่ทุกเรื่องจะเป็นเรื่องน่าพิสมัย และการที่คนในวงการมวยตัวจริงมาบอกเล่ามันจึงเป็นข้อยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีพื้นฐานแบบนั้นจริงจนพัฒนามาเป็นเหตุการณ์แบบนั้นจริงที่อาจไม่ใช่เรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็อ้างอิงจากเหตุการณ์จริง เหมือนกับเป็นจมูกบนใบหน้าที่เจ้าของจะมองไม่เห็นนอกจากส่องกระจกหรือคนอื่นเท่านั้นที่จะมองเห็นด้วยบทที่ดีทำให้สามารถเกาะกุมหัวใจคนดูที่จะรู้สึกมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งอาจเพราะในสายเลือดคนไทยก็มีมวยไทยมีความผูกพันรวมถึงเรื่องบางเรื่องก็เคยผ่านตา ทำให้พื้นฐานของเหตุการณ์อยู่ในความทรงจำคนดูแล้วจึงไม่ยากที่จะทำให้จับใจและมีอารมณ์ร่วมแบบถึงใจไปกับเหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้นในเรื่อง และบทอีกเช่นกันที่ขีดเส้นแบ่งทางหัวใจคนดูให้เลือกมีใจให้ตัวละครจากพื้นฐานการชอบมวยรองของมนุษย์ กับตัวละครอย่างพัฒน์หรือเชียรนักมวยเด็กที่พื้นฐานทางครอบครัวเป็นแบบนั้นและยอมเอาร่างกายเข้าแลกความเจ็บปวดเพื่อจะพาแม่ออกมาจากขุมนรก เรื่องดราม่าแบบนี้มันคือเรื่องที่ได้ใจคนดูแน่นอนเป็นของตายแต่บทก็ดีพอที่ทำให้คนดูลืมจุดนั้นเพราะคนดูสงสารเห็นใจไปหมดแล้ว หรือตัวละครของพัฒน์ที่ความจริงอาจไม่ใช่คนดีแต่บทก็มีดีที่ใช้ชีวิตของเขาเป็นตัวเรียกร้องความเห็นใจในชะตากรรม แม้เหตุการณ์นั้นเขาก็เป็นคนเริ่มมันส่วนหนึ่งอีกสิ่งที่ทำให้เรื่องออกมาดีจนต้องหยิบมาเล่าคือการแสดง แม้ว่าผู้เขียนเองไม่ได้ติดตามวงการบันเทิงไทยมานานแต่ก็ดูหนังไทยอยู่เรื่อยๆ สิ่งที่เห็นคือการแสดงของนักแสดงจากเรื่องนี้ตั้งแต่แถวแรกจนถึงแถวสามคือการแสดงที่เนียนตา เพราะส่วนใหญ่ในหนังไทยหลายๆเรื่องนักแสดงสมทบตั้งแต่แถวสองลงไปมักกลายเป็นจุดอ่อนพูดเหมือนท่องบทพร้อมการแสดงที่ไม่เรียบร้อย แต่กับเรื่องนี้ดูดีทุกมิติแต่กับนักแสดงที่คุ้นหน้ากันดีนั้นคงไม่ต้องสาธยายมากเพราะแม้ว่าจะเคยเห็นเล่นแข็งมาแต่วันหนึ่งก็ต้องเจอบทแบบนี้ที่ส่งให้การแสดงออกมาดูดีกว่าที่เป็น แต่กับนักแสดงหน้าใหม่อย่างแม่ของเชียรหรือตัวเชียรเองที่เชื่อว่าเป็นนักมวยเด็กจริงๆแต่ให้การแสดงที่เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าได้ เพราะพื้นฐานการมาเป็นนักมวยของเด็กไทยได้ถูกสื่ออกมาอย่างขัด และเห็นว่ามีแรงผลักและแรงกดทั้งภายนอกและภายในจากการแสดงของสองแม่ลูกจริงๆทั้งที่ไม่เคยผ่านตามาก่อนจากเรื่องไหนเลยกับอีกความดีงามที่ผิดหูผิดตาคือการตัดต่อกับงานด้านแสงและเสียงที่อาจจะดูมืดหม่นแต่ก็พอเข้าใจว่าตั้งใจจะสื่อถึงด้านมืด และอย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ถูกเล่าให้เป็นคนละเรื่องเดียวกันการตัดต่อจึงสำคัญให้เรื่องทั้งสี่ตอนที่มีรากเหง้าเดียวกันเป็นเหตุการณ์สัมพันธ์กันที่ถูกเล่าในคนละมุมเชื่อมกันได้สนิท และกับเรื่องนี้ก็ดูเนียนดีไม่เห็นว่าเชื่อมกันไม่ติดหรือโดดในส่วนของเรื่องเล่า แม้จะเห็นชัดว่าส่วนของสารคดีที่เอาคนในวงการมวยจริงๆอย่างเสี่ยโบ๊ท เพชรยินดี , เขาทราย แกแล็กซี่ , สมจิตร จงจอหอ หรือสมิงขาวรวมถึงเซียนมวยตัวจริงมาบอกเล่าเรื่องจริงให้เป็นรากฐานที่หนักแน่นแต่กลับดูลอยออกมา แต่นั่นก็ไม่เป็นไรเพราะถือว่าเป็นเชิงอรรถที่จะมาช่วยให้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละเหตุการณ์ในแต่ละตอนให้มีน้ำหนักแม้ว่าลึกๆแล้วไม่มีก็ไม่น่าจะเสียหาย แต่เมื่อมาแล้วก็ดีไปเพราะคนที่ไม่ได้สนใจวงการมวยเลยจะเข้าใจได้และดูได้อย่างถึงอารมณ์ถ้าจะมีอะไรขัดใจคงจะเป็นเรื่องของฉากเวทีมวยที่เห็นเลยว่าถูกเซ็ตขึ้นมาไม่เหมือนกับที่เคยเห็น กับเกมการชกบนเวทีที่ความจริงก็ดูดีเพราะคนที่มาชกกันบนเวทีก็คงเป็นนักมวยตัวจริง การออกอาวุธมวยการบังการโต้เป็นธรรมชาติเป็นความทรงจำของกล้ามเนื้อจริงๆที่ไม่ใช่การแสดง เพียงแต่เกมการชกมันเปาะแปะไม่ดุเดือดเหมือนเสียงเชียร์ที่กระหึ่มแต่ได้การตัดต่อที่ดีทำให้รู้สึกเร้าใจได้จริงจนถ้าคนที่ไม่เคยดูการชกจริงๆมาอาจจะติดใจได้ แต่ก็อย่างว่าบทอาจสื่อให้เห็นว่าทำไมคนที่คุ้นชินกับการดูกีฬาสากลอย่างผู้เขียนมากมายถึงหันหลังให้การดูมวยไทยเพราะต่อยกันจริงๆแค่ยกสามกับสี่ และมีหลายครั้งที่การตัดสินค้านสายตาคนดูกีฬาสากลเพราะการให้คะแนนอาจไม่อิงกติกาแต่อิงความรู้สึกหรืออิงกับเสียงเชียร์ของเซียน จนปัจจุบันเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงวงการมวยไทยคือเซียนมวยแบบที่เรื่องบอกจนกลายเป็นรากที่หมักหมมเกินกว่าจะกอบกู้ศิลปะป้องกันตัวที่พยายามชูในทุกคนภูมิใจแต่ในสายตาคนทั่วไปนอกวงการอาจมองว่ามันไม่ใช่กีฬาไปเสียแล้วแต่หากมองด้วยความเป็นซีรีส์ฝีมือคนไทยแม้จะแปะป้าย NETFLIX Original ก็ถือว่าเอาดีได้ ซึ่งถ้ามองจากเรื่องนี้คือมีดีที่ไอเดียที่หยิบเอาเรื่องของกีฬาที่ป่าวประกาศว่าเป็นกีฬาประจำชาติแต่แท้จริงแล้วเป็นของคนทั้งชาติหรือคนบางกลุ่ม ซึ่งจุดนี้ถือว่าชัดเจนได้ใจเพราะขีดเส้นให้เห็นว่าคนในและคนนอกวงการมองกีฬานี้อย่างไร แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่สำหรับคนที่ดูมวยตู้มาตั้งแต่เด็กได้อ่านหนังสือมวยมาตั้งแต่ขนหน้าแข้งยังไม่ขึ้นกลับยังเห็นว่ามันโดนแต่ไม่เจ็บพอ เพราะแม้เรื่องจะบอกว่า "เจ็บเจียนตาย" แต่สิ่งที่หยิบมาเล่าที่อาจเป็นมุมมืดก็จริงแต่ไม่ใช่มุมซ่อนเร้นอะไรเพราะเรื่องที่เล่าก็เป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้และน่าสนใจ แต่ยังมีหลายเรื่องที่สะกิดแค่ผิวๆหรือไม่เอ่ยถึงเลยซึ่งคนในวงการมวยจริงๆคงรู้ดี แต่เท่าที่เป็นแบบนี้ถ้านับกันที่งานสร้างและไอเดียก็ถือว่าถึงฟอร์มเพราะเล่าได้แบบเข้าถึงทั้งทางสายตาอารมณ์และความรู้สึกพอให้เร้าอะดรีนาลีนหลั่ง งานเทคนิคที่เป็นสากล และแน่นอนไม่เห็นการเขียนบทที่ดูดีแบบนี้มานานจนแอบคิดว่าคนไทยถ้าได้วัตถุดิบดีๆแรงสนับสนุนดีๆก็สร้างงานดีๆแบบนี้ได้...ส่วนตัวแล้วนับว่านี่คือซีรีส์ดราม่ากีฬาชั้นดีที่เทียบชั้นได้กับงานของต่างประเทศดูไปบ่นไป์https://www.facebook.com/NetflixTH/videos/4965195540258200ขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 จาก Facebook Wanneewandee Studioภาพที่ 2 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 8 และ VDO จาก Facebook Netflix อ่านบทความงานแนวดราม่ากีฬาของ "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่รีวิวจัดเต็ม Weightlifting Fairy Kim Bok-Joo : นางฟ้านักยกน้ำหนัก คิมบ๊กจู (2017) "ทุกสิ่งในโลกมีราคาที่ต้องจ่าย ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น" สนุก และดูสบายรีวิวจัดเต็ม Twenty Five Twenty One : ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (2022) "ความรัก ความฝัน แรงบันดาลใจ ยุคสมัย และความจริงของชีวิต"ความเห็น(พิเศษ)หลังชม Twenty Five Twenty One (2022) "นาฮีโด - โกยูริม เกียรติแห่งคู่แข่งที่รัก"รีวิวจัดเต็ม Racket Boys (2021) มิตรภาพ หัวใจ ความรัก แรงผลักดัน ที่เล่าได้ "ดีต่อใจ"ความเห็นหลังชม King Richard (2021) "สองบ่าที่แบกความฝันที่ยิ่งใหญ่ ไม่หวือหวาแต่ว่าคู่ควร"ความเห็นหลังชม Going to You at a Speed of 493km (Love All Play (2022)) ดราม่ากีฬาที่ดูเพลินดีมีเสน่ห์ แต่ยังธรรมดาเกินไปความเห็นหลังชม American Underdog (2021) "หนึ่งในหนังกีฬา NFL ที่ดีที่สุดที่คนรักกีฬาชนิดนี้ต้องรัก"รีวิวจัดเต็ม Hot Stove League : ผู้จัดการเหล็กทีมดรีมส์ (2019) "เข้มข้นเหลือกำลังลากในซีรีส์กีฬาที่ไม่ใช่แค่การแข่งขัน"*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565