รีเซต

ยอมพูดที่แรก!! อ๋อม สกาวใจ เปิดใจชีวิตรัก 19 ปีกับ เอ อาทิตย์ ไม่ง่าย ใจกว้างอนุญาตสามีลงอ่าง

ยอมพูดที่แรก!! อ๋อม สกาวใจ เปิดใจชีวิตรัก 19 ปีกับ เอ อาทิตย์ ไม่ง่าย ใจกว้างอนุญาตสามีลงอ่าง
Entertainment Report_3
8 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:44 )
4.1K

ข่าวบันเทิงวันนี้

เป็นนักแสดงที่ความสวยยังคงที่แม้เวลาเปลี่ยนไปก็ทำอะไรเธอคนนี้ไม่ได้ สำหรับ "อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์" ที่ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ "Club Friday Show" ผลิตโดย CHANGE2561 พร้อมกับเปิดใจทุกเรื่องราวในชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักครั้งแรกที่คิดว่าจะเป็นรักเดียวแต่แล้วกลับไม่เป็นตัวของตัวเอง จนในที่สุดก็ได้มาเจอรักแท้กับ "เอ อาทิตย์ ศรีพาเพลิน" แต่ก็ใช่ความรักจะไม่เจออุปสรรคอะไร เพราะรักแท้นี้แรงหึงแรงมากจนเกือบไม่รอด พร้อมกับเปิดปมในใจที่มีต่อครอบครัวไม่ว่าตัวเองทำดีแค่ไหนก็ไม่เคยได้รับคำชื่นชมจากคุณพ่อคุณแม่

อ๋อม สกาวใจ เปิดใจชีวิตรัก 19 ปีกับ เอ อาทิตย์ ไม่ง่าย ใจกว้างอนุญาตสามีลงอ่าง 

อ๋อม สกาวใจ : คุณพ่อ คุณแม่ของอ๋อม จะไม่ค่อยแสดงความรักกับลูกสักเท่าไหร่ท่านจะแบบขี้อาย จะกอดเราคือจะไม่มีเลย จะบอกรักหรือภูมิใจในตัวลูก หรือว่าลูกทำแบบนี้ดีแล้วนะชม แบบนี้ไม่มีเลยทั้งที่เราเป็นลูกคนเดียว เขาจะตามใจเลย การที่เราเรียนโทจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะทำอะไรต่าง ๆ ตามสเต็ปอายุเราที่เราตั้งใจทำทุกอย่าง งานหรือว่าการเรียน ในใจ อ๋อมคิดเสมอว่าฉันจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจให้ได้เพราะว่าพ่อแม่ไม่เคยชม ทำไมบ้านอื่นเขายังกอดกัน บอกรักกัน ทำไมเขายังดูเฮฮาแต่ทำไมบ้านเรา (เขารักเราแหละ) เขาไปบอกคนอื่นว่าลูกเราดีแบบโน้นนี่ แต่ต่อหน้าเราเขาไม่พูด เราก็พยายามไปกอดเขาแต่เขาก็ไม่ให้กอดเพราะเขาจะเขิน (ตอนเด็ก ๆ เขาก็กอดนะคะ แต่โตมาเขาคงเขินเลยไม่กอด) 

แล้วมีวันไหนไหมที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราได้แล้วคำชม ฉันได้แล้วกับความภูมิใจที่ฉันเฝ้ารอมาตลอด?
อ๋อม สกาวใจ : จริง ๆ ก็มีนะคะ แต่อ๋อม อยากให้เขาชมเราทุกวัน (เสียงสนั่นน้ำตาคลอ) อยากให้ชม อยากให้ภูมิใจว่าลูกคนนี้เก่งนะไม่ใช่อ๋อมทำอะไรแล้วไม่มีการพูดเลยว่าแบบอันนี้ดีแล้ว อันนี้ถูกแล้ว อันนี้อ๋อมทำดีแล้ว ส่วนใหญ่คุณพ่ออ๋อม เขาจะเป็นคนมองโลกตรงกันข้ามนิด เพราะอ๋อม เป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก แต่คุณพ่อเป็นคนมองโลกที่แบบว่าระมัดระวัง คือ ด้วยความที่เขาเป็นผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ซึ่งเขาถูกต้องเลยเขาจะเป็นคนที่เก่งในสายตาอ๋อมเป็นฮีโร่มากไม่ว่าพ่อจะทำอะไร อ๋อมจะรู้สึกภูมิใจมาก พ่อเราเก่งมากทำงานก็ดี แม่เราก็เป๊ะเนียบอะไรทุกอย่าง แต่ว่าความภาคภูมิใจ อ๋อม ไม่เคยได้แต่ อ๋อม ก็รู้ว่าเขาภูมิใจเราแหละแต่ก็บอกก็ได้ แบบอันนี้พ่อภูมิใจนะ อันนี้ อ๋อม เก่งมากเลยแค่นี้ อ๋อม ก็ภูมิใจแล้วค่ะ 

แต่เราก็มีความเข้าใจผิด คิดว่าคุณแม่ไปเอาลูกพี่ลูกน้องมาเลี้ยง แล้วเราเลยรู้สึกว่าทำไมแม่เลี้ยงน้อง รักน้อง?
อ๋อม สกาวใจ : อันนั้น คือ ว่าเป็นปมตอนเด็ก จริง ๆ แล้วคุณแม่อ๋อม เขาไม่ได้เลี้ยงอ๋อม เพราะคุณพ่อคุณแม่ทำงานที่หนังสือพิมพ์ คุณพ่อเป็นคอลัมนิสต์ คุณแม่ก็ต้องไปทำงานที่ออฟฟิศที่เดียวกัน แต่คุณพ่อจะทำงานอยู่ที่บ้านได้ เลี้ยงลูกได้ ส่วนคุณแม่จะไม่ได้เลี้ยงเราเลย พอเราโตขึ้นมาก็จะมีคุณอา คุณอาเขาก็ท้องแล้วคลอดลูกออกมา แล้วเป็นช่วงจังหวะที่งานคุณแม่สามารถกลับบ้านได้ไม่ต้องทำงานประจำแล้ว เขาก็มาช่วยดูแลน้องน้องเขาก็จะผูกพันกับแม่มาก แล้วแม่ก็จะรักน้องอ๋อมมาก แล้วคือเขาเลี้ยงน้องตั้งแต่แรกเลย แต่ว่าด้วยความที่เราเป็นพี่พอน้องร้องนิดนึงเราก็เอาแล้วโดนตีแล้ว เราก็รู้สึกว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเลยเรานั่งทำการบ้านอยู่ในห้องแล้วทำไมต้องมาตี แล้วอย่างซื้อของต่าง ๆ นานาก็จะให้น้องก่อนเราได้ทีหลัง เราเข้าใจนะคะ แต่ก็น้อยใจเพราะตอนนั้นเราก็เด็กมาก

ตอนนี้ ปมนี้มันผ่านพ้นไปแล้วไหม?
อ๋อม สกาวใจ : ผ่านพ้นค่ะ เพราะคุณแม่เขาก็ไม่รู้มาก่อนว่าเรารู้สึกแบบนี้ พอเราบอกว่าเรารู้สึกยังไงพอพูดจบ แม่เขาหันมาแล้วเขาก็ร้องไห้ใส่เรา เราก็ร้องทำไมแม่เขาก็บอกเราว่า อ๋อม รู้ไหมว่าแม่รักอ๋อมมาก (เสียงสนั่นน้ำตาคอล) เขาก็มากอดเรา ๆ ก็รู้สึกว่าแบบมันโล่งเลยค่ะ ทุกอย่างหายหมดเลย จากที่แบบเราน้อยใจอะไรต่าง ๆ นานา น้อยใจมากสุด ๆ ว่าเราเป็นพี่เราทำอะไรไม่เคยถูกเลยเหรอจนแม่มากอดวันนั้น เหมือนมันปลดล็อคหมดเลย มันเหมือนหายไปเลยความน้อยใจอะไรมันหายไปเลย อ๋อม ก็ร้องไห้ แม่ก็ร้องไห้ เราก็บอกแม่ว่าที่อ๋อมพูดมาทั้งหมดคือ อ๋อม เข้าใจทุกอย่างเลยนะ แต่แม่เขาก็บอกว่า แม่ไม่เคยรู้เลยว่า อ๋อม รู้สึกแบบนี้มาก่อน (ซึ่งกว่าเราจะพูดให้เคลียร์ใจนี้ได้คือ ทำงานแล้วเรียนปริญญาตรีแล้วตอนนั้น) สิ่งที่ อ๋อม อยากบอกกับคุณพ่อคุณแม่แล้วก็น้องคือ รักที่สุด รักเท้าฟ้า รักที่หนึ่งอยู่แล้วสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ส่วนน้องปราง อ๋อม ก็รักน้องตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยความเด็กตอนนั้นเราก็รู้สึกอิจฉา ทำอะไรก็ถูกไปหมด อย่างที่แม่บอกเราเคยคิดจะฆ่าน้องด้วย แต่อ๋อมก็รักทั้งหมดค่ะ 

สเปกของอ๋อม จะต้องเป็นแบบไหน?
อ๋อม สกาวใจ : หล่อ แล้วก็ฉลาด ดูดีค่ะ แต่ก็มีคนเข้ามาจีบเราด้วยวิธีหลาย ๆ แบบนะคะ อย่างมีคนหนึ่งเขาเป็นลูกครึ่งด้วย คือ สเปกอ๋อม ตอนเด็ก ๆ เราชอบตี๋ ๆ เหมือนพี่ดู๋ สัญญา เก่ง และอีกสเปกคือ ชอบลูกครึ่งฝรั่งลูกเกิดมาต้องน่ารักมาก ๆ เลย เพราะเป็นคนคิดไกล คิดถึงอนาคตตลอด แล้วลูกครึ่งคนนี้ เขาโทรมาบอกติดต่องานให้เราเหมือนไปเป็นหุ้น แล้วก็ไปเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย นัดไปคุยงาน (คุณพ่อคุณแม่ก็ไปด้วยกับเราตลอดอยู่แล้ว) เป็นโปรเจกต์ใหญ่มากเลยเป็นพันล้าน เราพอขึ้นรถก็บอกพ่อเรารวยแล้วนะ (หัวเราะ) เราจะมีเงินพันล้านแล้วนะ คุณพ่อ ก็บอกว่ามันง่ายไปไหม การคุยมันดูแปลก ๆ นะ เราก็รู้สึกว่าไม่เห็นแปลกเลย เขาก็โทรหาเราทุกวันเป็นเดือน ๆ เลย จนมีอยู่วันหนึ่งเขาบอกเราว่าน้องอ๋อม ทำไมไม่ไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง ให้พี่ไปส่งไหม เราก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ไม่ได้คุยงานคุยเรื่องส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าแปลกแล้ว แล้วโปรเจกต์พันล้านล่ะ (เพราะใจเราไม่ได้สนผู้ชายเลยสนเงินอย่างเดียว) ก็เลยพอคนนี้โทรมาคือ ให้คุณพ่อคุย ไม่คุยแล้วแปลก ๆ จนเขาหายไปเพราะว่าคุณพ่อเขาก็เป็นคนตรง ๆ (เขามาเสนอรถ บ้าน แถวสุขุมวิท ที่เขาบอกว่าเขามีหลายหลังเลย) เราก็บอกเขาว่าไม่จำเป็นไม่ต้องค่ะ เรารู้สึกว่าเขามาซื้อเราเราทำงานหาเงินเองได้ ไม่ต้องมาเป็นขี้ปากคนไหม

เป็นสาวสวยขนาดนี้ มีใครทำให้อกหักบ้างไหม?
อ๋อม สกาวใจ : จริง ๆ ชีวิตนี้มีแฟนแค่สองคนเองนะคะ มีแฟนแล้วก็สามีเลย

รักจริงจังที่เป็นแฟนครั้งแรก?
อ๋อม สกาวใจ : มันไม่เป็นตัวของตัวเอง ของติสท์มาก คือคนนี้ก็เป็นคนในสเปกเราเหมือนกันดูเซอร์ ๆ สุภาพเรียบร้อยดีตอนที่มาจีบเรา แต่ที่เรารู้สึกว่าเราไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะตอนที่เขาพูดแล้วอยากจะทำให้เขาพอใจ อย่างเขาดูทีวีอยู่แล้วเขาชมว่าคนนี้ใส่กางเกงตัวนี้สวยจังเราก็ไปซื้อกางเกงแบบนั้นมาใส่ เพื่อให้เขาชอบ (ถามว่าเราชอบเขามากไหม อาจจะเป็นความลุ่มหลงนะคะตอนนั้น) ไม่รู้ว่ารักหรือเปล่า แรก ๆ อยากจะทำให้เขารักเรามาก ๆ (ซึ่งสิ่งที่เราทำเราทำให้เขาเอง เขาไม่ได้บอกให้เราทำ) เขาไม่ได้ขอแต่เขาพูดเป็นนัยว่าทำแบบนี้ดี ทำแบบนั้นดี

ก็มาถึงตอนที่อึดอัดจนร้องไห้หน้ากระจก เหมือนตอนเด็ก ๆ อีกแล้ว?
อ๋อม สกาวใจ : เป็นมนุษย์ที่มีความอดทนสูง การที่จะเปลี่ยนใครคนหนึ่งต้องใช้เวลาเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเทคแคร์ดูแลเอาใจใส่ ซึ่ง อ๋อม บอกตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วว่าเป็นคนขี้เหงาต้องการคนมาดูแลเอาใจใส่ (ไม่ได้ขาดความอบอุ่น แต่ต้องการความอบอุ่นตลอดเวลา) ซึ่งเขาไม่มี เพราะเขาเป็นลูกคุณหนูมีแต่คนทำให้ ความเป็นสุภาพบุรุษมีความสำคัญต่อผู้หญิงเหมือนกัน อย่างเราถือของมากเยอะมากแต่ถ้าผู้ชายช่วยเราถือสักชิ้น สองชิ้นก็ได้ใจเราแล้ว แต่คนนี้ คือ ไม่ค่ะ เพราะเขาเป็นคุณหนูเราก็เลยรู้สึกว่าหรือไม่มีเขาก็ได้ แรก ๆ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะคะ แต่มันก็เป็นการเก็บเล็กผสมน้อยเรื่อย ๆ มาจนประมาณ 6 ปี เราก็มองกระจกทำไมไม่ตลกเลยช่วงนี้ เพราะปกติเราเป็นคนสนุก เฮฮา ร่าเริง หัวเราะ (เราก็มองหน้าตัวเองในกระจก อ๋อม ทำไมช่วงนี้) ไม่ตลกเลย ทำไมไม่ยิ้มเลย (เพราะ อ๋อม ฝังใจที่คุณพ่อคุณแม่เป็นแฟนคนแรกของกันและกัน เราก็อยากมีแฟน คือ ในชีวิตนี้ฉันอยากจะมีแฟนคนเดียว เราก็บอกเลิกหลายครั้งเลย บอกครั้งแรกเขาก็ขอโอกาสแก้ตัว เราก็ให้เวลา ให้โอกาส บอกครั้งที่สอง เราก็ให้เวลา โอกาส แต่ครั้งสุดท้าย เราอยู่กับคนนี้ทำไมเราไม่มีความสุขเลย เราไม่อยากเจอแล้ว เพราะเราเหมือนอดทนกับเขามาเรื่อย ๆ ทน ๆ จนไม่ไหว (แต่ อ๋อม คิดว่าเขารักเรานะคะ แต่ทัศนคติของเขากับเรามันไม่ได้เดินไปด้วยกันได้) เขาก็ไม่ผิดที่เขาเป็นแบบนั้นเพราะมันเป็นตัวของเขาเอง แต่เราดันไปเปลี่ยนตัวเองเอง ครั้งสุดท้ายที่เราบอกเลิกคือเราไม่ร้องไห้แล้วเพราะเรารู้สึกพอ เขาก็เงียบไปเลย เราก็รู้สึกอกหักเพราะเราจะไม่ได้ใช้ชีวิตตลอดชีวิตกับคนนี้แล้ว เพราะเราอยากมีแฟนคนเดียว เพราะร่างกายเราอยากให้คนคนเดียว ไม่อยากให้มันไปซ้ำ เพราะจะไปมีแฟนใหม่เริ่มใหม่อีกแล้วเหรอ บทเรียนที่เราได้รับจากความรักครั้งแรกที่ อ๋อม ได้รับคือ การเป็นตัวของตัวเองสำคัญมาก หมายความเราเปลี่ยนแปลงเพื่อใครคนหนึ่งมันก็เปลี่ยนได้ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เราต่อไปเราจะเจอใครสักคนเราจะเป็นตัวของตัวเองแล้วนะ อ๋อม เราก็จะบอกกับตัวเองในกระจก (หัวเราะ) เพราะเราไม่มีพี่น้อง  (เพราะทุกครั้งที่เราเปล่งเสียงออกมา ตอนที่เราอยู่หน้ากระจก) เพราะไม่ไหวแล้วจริง ๆ

ก่อนจะอยู่กันมายาวนาน 12 ปีนี้ก็ผ่านอะไรมาโดนเฉพาะความหึงจนเกือบจะไปไม่ถึงการเป็นสามีกันด้วย หึงถึงขั้นจะเลิกเลย?
อ๋อม สกาวใจ : ถึงขั้นจะเลิกเพราะว่ามันทะเลาะกันทุกวัน แต่ก็หลาย ๆ เรื่องปนกันนะคะ เพราะว่าเขาเป็นคนแบบอารมณ์ขึ้นๆลง ๆ บางทีก็เงียบเหมือนเขาคิดงานอยู่เขาก็จะเงียบ แต่บางทีเราไม่เข้าใจถ้าโทรมาต้องรับ แล้วมีอยู่งานหนึ่งที่พัทยาเราไปเป็นพิธีกรกับน้าเน็กนะคะ แล้วงานเลี้ยงมันเลตในใจเราตอนนั้นคิดแล้วว่าเลตทำไงดี พี่เอ โทรมาแล้วไม่ได้รับแล้วโทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับตัว (ทะเลาะแน่นอน) เป็นแบบนั้นจริง ๆ เลยค่ะ เพราะพอเราดูมือถือตายแล้ว 100 กว่า Misscalls เราก็แบบตายแล้ว อ๋อม ตายแน่ เราก็บอกพ่อว่าไปเร็วพ่อกลับบ้านเร็ว ๆ เลย (ซึ่งเวลา อ๋อม ไปงานคือ ไปกับพ่อมาตลอดชีวิต) จากคุณพ่อ เขาก็ส่งไม้ต่อมาเป็น พี่เอ เลยเราไม่เคยไปไหนคนเดียว (เราก็ไม่เข้าใจว่าเขาหึงทำไม) แล้วก็โทรไปก็ไม่ติดเพราะเขาปิดมือถือ แล้วก็อยู่ ๆ มีข้อความขึ้นมา เราเลิกกันเถอะ เราก็พยายามโทรไปก็ไม่รับเขาก็ปิดมือถือ เราก็ทำยังไงมันไม่เคลียร์ เราก็ไปหาเขาซึ่งพ่อเห็นว่ามันดึกแล้วพ่อก็ไปด้วยกันเรา แล้วพอคุณแม่เห็นว่าเราจะออกไปคุณแม่ก็ไปด้วย คือ ไปกันทั้งครอบครัวเลยค่ะ (หัวเราะ) พอถึงบ้านเขาเซอร์ไพรส์มากเพราะเขาไม่อยู่บ้าน เราก็ไม่กลับรออยู่หน้าบ้านเขา 2 ชั่วโมง (ก็รออยู่ในรถพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย) แล้วพอ 2 ชั่วโมงผ่านไป คุณเอ เขาโทรมาถามว่าอยู่ไหน เราก็บอกว่าอยู่หน้าบ้านเอ เขาก็ถามเราว่ามาทำไม (ก็บอกเลิกเราก็ต้องมาอธิบาย แล้วก็โทรไปไม่ติด) เขาก็บอกว่าให้เรากลับบ้าน เราก็ไม่กลับรออยู่หน้าบ้านกับพ่อกับแม่ เขาก็บอกว่ากลับบ้านเลยเพราะเขาอยู่ กาญจนบุรี เราก็ยอมกลับแล้วก็ไปโทรศัพท์เคลียร์กับเขาที่บ้าน เราก็อธิบายให้เขาฟังเขาก็เข้าใจแฮปปี้ กลับมาคบกันต่อ แล้วมีครั้งหนึ่งขับรถไปด้วยกันเราเคยทะเลาะกันเพราะความเงียบของเขาความไม่เข้าใจต่าง ๆ นานา เรื่องเดิม ๆ แล้วเขาก็เงียบไปพอเราหันมาคือ เขาเปิดประตูรถแล้ววิ่งไปเลย เขาก็ทิ้งรถไว้เลยเราก็ต้องข้ามเกียร์ไปขับรถกลับบ้านเอง พอเขาถึงบ้านก็โทรมาหาเราว่าไปไหน ก็กำลังขับรถกลับบ้าน เราก็ถามว่าจะวิ่งลงรถไปทำไมวิ่งไม่ทัน (แต่ว่าตอนนั้นไม่ได้อารมณ์สนุก เครียด) เราก็มาคุยกันปรับความเข้าใจกันเรื่องที่ทะเลาะ

แต่ก็มีที่อ๋อม ลงจากรถเหมือนกัน?
อ๋อม สกาวใจ : ใช่ค่ะ เพราะวันนั้นเรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว จะเลิกแน่นอน เพราะรู้สึกว่าทะเลาะทุกวันเลย เหนื่อย แล้ววันนั้นก็ทะเลาะกันในรถจนไม่ไหวแล้ว พอดีติดไฟแดงพอดีเราก็เปิดประตูแล้วก็เดินลงไปเลย เขาก็ขึ้นมาเราก็บอกว่าไม่ขึ้น แล้วบังเอิญมีรถสองแถวอยู่ข้างหน้าแล้วคนในรถเยอะมากแล้วหันมามองเราทั้งคันเลย เพราะเราเสียงดังมาก แล้วเราก็รู้สึกว่าทำไงดี เราก็เลยกลับขึ้นรถ แล้วพอไปส่งบ้านแล้ว อ๋อม ก็ตัดสินใจว่าครั้งนี้ ถ้าเกิดคุยกันไม่รู้เรื่องอีกเลิกแน่ ๆ เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะเราจะเป็นคนง้อ แต่ครั้งนี้เราปิดมือถือเลยแล้วนอน ตื่นเช้ามาเขาก็โทรมาบอกว่าเมื่อวานขอโทษนะ เราก็ปรับความเข้าใจกันอีกครั้งหลังจากนั้นเราก็ไม่ทะเลาะกันอีกเลยค่ะ แล้วมาทะเลาะกันอีกครั้งที่ตอนที่เรามีลูกแล้วเพราะอารมณ์คนท้องมันเซนซิทีฟด้วย ฉันจะต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหรอ (ซึ่งเราคิดไปเอง) ฉันจะต้องเลิกกับสามีเหรอคือ คิดไปเองล้วน ๆ

พอแต่งงานกับสามีแล้ว อ๋อม คือคนที่ใจกว้างมากเปิดโอกาสให้สามีลงอ่างได้?
อ๋อม สกาวใจ : ได้เลย เพราะถ้าเราอนุญาตแล้วไปจะไม่ผิด ถ้าไปลับหลังแล้วเรามารู้เราจะรู้สึกว่า โกหก แต่เขาก็ไม่ไป เราพูดให้เขาไปจริง ๆ

คิดว่าอะไรที่ทำให้คู่ที่ทะเลาะกันบ่อย ๆ มากแต่ยังรักกันถึงทุกวันนี้?
อ๋อม สกาวใจ : คิดว่าเรารักเขาที่เขาเป็นเขา แล้วเขาก็รักเราที่เราเป็นเราแล้วก็หมั่นเติมความรักให้กันทุกวัน และทัศนคติต่าง ๆต้องไปในทิศทางเดียวกันด้วย 19 ปีถามว่าเบื่อไหม อ๋อม บอกได้เลยว่าไม่เคยเบื่อเลย เขาบอกเหมือนกันว่าไม่เคยเบื่อเลย เหมือนรักมันเพิ่มขึ้นทุกวันอะไรที่สามารถพูดคุยกันได้ในเรื่องของความไม่เข้าใจกันก็ต้องปรับไม่ต้องมีทิฐิหรอก ถ้าเรื่องไหนเราไม่ผิดก็ขอโทษไปเถอะ เราก็ต้องเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ คือ คู่ที่ใช่มันก็คือใช่ จริง ๆ อ๋อม ไม่ค่อยออกสื่อด้วยค่ะ เรื่องส่วนตัวนี่เป็นรายการแรกเลยที่ได้มาพูดความในใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก เรื่องครอบครัว เรื่องทุกอย่างเลยไม่ค่อยมีมุมนี้เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะดูแล้วว่าเป็นคนตลกสนุกสนาน นี่เป็นรายการแรกเลย

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :