รีวิวอนิเมะ "Record of Ragnarok Season 3 มหาศึกคนชนเทพ ภาค 3" ศึกเข้มข้นขึ้นและปมน่าติดตาม
ในที่สุดมหาศึกอันดุเดือดระหว่างเทพและมนุษย์ก็ได้สานต่อ! อนิเมะ Record of Ragnarok Season 3 มหาศึกคนชนเทพ ภาค 3 ได้ออกอากาศทาง Netflix เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะหยิบเรื่องนี้มารีวิวให้แฟน ๆ ได้ไปติดตามกัน เพราะการปะทะกันของศึกคู่ที่ 7-9 ในภาคนี้เต็มไปด้วยความเดือดดาลและยังได้เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์หลากหลายทำให้เราเต็มอิ่มกับความสนุกในทุกช่วงเลยทีเดียว
รูปแบบการดำเนินเรื่องยังคงเป็นไปตามที่แฟน ๆ เคยสัมผัสในสองภาคก่อนหน้า นั่นคือการเปิดศึกเอาชีวิตรอดของเหล่ามวลมนุษย์ โดยมี บรุนฮิลด์ วัลคีรีผู้จัดแจงคู่ต่อสู้ของฝั่งมนุษย์และคอยนำทัพเปิดฉากปะทะกับฝั่งเทพเจ้าอย่างเร่าร้อน เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเรื่องนี้คือการตัดสลับอารมณ์ในฉากการต่อสู้เพื่อพาผู้ชมไปทำความเข้าใจถึงภูมิหลังของตัวละครที่กำลังเผชิญหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เรื่องเล่าจากตำนาน หรืออดีตในวัยเด็ก แต่สิ่งที่น่าสนใจในภาคนี้คือนอกจากฉากต่อสู้และภูมิหลังตัวละครแล้ว เนื้อหายังมีการเกริ่นปมบางอย่างเกี่ยวกับตัวละครสำคัญให้เราได้รอติดตามกันแบบใจจดใจจ่ออีกด้วย
เราขออนุญาตมา Recap เนื้อหาของแต่ละคู่สักเล็กน้อย ว่ามีจุดไหนน่าสนใจและสร้างจุดหักเหทางอารมณ์บ้าง
ศึกคู่ที่ 7: ฮาเดส ราชาแห่งยมโลก ปะทะ จิ๋นซีฮ่องเต้ ราชาผู้เริ่มต้น
ศึกคู่นี้เริ่มต้นจากชนวนความแค้นของฮาเดสที่ต้องการล้างแค้นให้กับโพไซดอนทำให้เป็นการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง แต่ก็แอบจะดำเนินเรื่องช้าลงไปบ้างเนื่องจากการสอดแทรกเนื้อหาภูมิหลังตัวละครค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนตัวเราชอบเรื่องราวเบื้องหลังนะ แต่พอกลับมาดูฉากต่อสู้แล้วรู้สึกว่ามันสั้นไปหน่อย อย่างไรก็ตามการลงสนามของคู่นี้ถือว่าอยู่ในมาตรฐานกำลังดี แม้จะไม่ได้หวือหวาขั้นสุดแต่ก็ดึงดูดกว่าภาคก่อนพอสมควร
ศึกคู่ที่ 8: เบลเซบับ ปะทะ นิโคลา เทสลา
นี่คือคู่ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างลงตัวทั้งในแง่ของปมเบื้องหลังซับซ้อนและฉากการต่อสู้แสนตื่นเต้น ทั้งสองฝ่ายมีแง่มุมชวนให้เราสัมผัสเรื่องราวได้อย่างกลมกล่อม จุดเด่นของคู่นี้คือการดีไซน์งานแอนิเมชันของเทสลาที่แตกต่างจากตัวละครอื่น ๆ ในมุมมองของการเคลื่อนไหวระหว่างการต่อสู้ และการใช้สีของตัวละครคู่นี้ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามก็ทำให้ภาพรวมในสังเวียนการประลองดูลงตัวสุด ๆ แม้มุมมองระยะไกลและบางฉากมุมกล้องอาจจะทำร้ายตัวละครไปบ้างแต่ก็ยังพอรับไหวอยู่
ศึกคู่ที่ 9: อะพอลโล ปะทะ ลีโอนิดัส
เป็นคู่ที่การต่อสู้ค่อนข้างดุเดือดและจัดเต็มพอสมควร ทั้งอาวุธและเทคนิคดูมีกิมมิคใหม่ ๆ ให้เล่นมากกว่าคู่ก่อนหน้า การต่อสู้ดำเนินไปอย่างสง่างามสมกับการเป็นสุริยเทพ ในขณะที่ความตั้งใจของวีรชนแห่งสปาร์ตาก็ทำออกมาได้ทั้งความฮึกเหิมและความเท่มาก ๆ
ในด้านของงานผลิตภาพรวม เรายังคงรู้สึกว่าอยู่ในมาตรฐานพอเหมาะพอดี แม้บางจังหวะอาจจะไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแบบหวือหวาในทุกวินาที แต่เอฟเฟกต์ในการออกแบบการต่อสู้ก็ถือว่าสร้างความพึงพอใจในระหว่างการรับชมได้ดี สิ่งที่เราชอบเป็นพิเศษคือ การออกแบบคาแรกเตอร์ตัวละคร เพราะไม่ใช่แค่ตัวละครหลักในการลงสนามแต่ยังมีบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกด้วย ทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจในมุมมองประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก
โดยภาพรวมของสงครามในภาคนี้ถือว่าทำออกมาได้อยู่ในมาตรฐานกำลังดี แม้เอกลักษณ์ของการดำเนินเนื้อหาที่ตัดสลับไปมาจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อารมณ์ความต่อเนื่องระหว่างการประลองจางลงไปบ้าง แต่การได้ซึมซับประวัติศาสตร์ของตัวละครก็ช่วยให้เราได้เข้าใจและอินไปกับภูมิหลังของพวกเขามากขึ้น แม้งานแอนิเมชันจะยังไม่สามารถมัดหัวใจของเราได้แบบเต็มร้อย แต่ก็ถือว่าสร้างความเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดี อีกทั้งความสนุกแบบเบาสมองของคาแรกเตอร์ต่าง ๆ และปมปัญหาเบื้องหลังที่ถูกจุดประกายขึ้นก็ทำให้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง แฟน ๆ ไม่ควรพลาดและไปรับชมกันได้แล้วที่ Netflix
ขอบคุณภาพจาก X @ragnarok_PR และ Facebook : Netflix