ถือเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกสำหรับจักรวาลภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จสูงสุดอย่าง Marvel Cinematic Universe หรือ MCU จากการดำเนินเรื่องราวอันร้อยเรียงในจักรวาลมาเป็นเวลากว่า 10 ปี และตอนนี้ได้ปิดเรื่องราวของเฟส 4 (Phase 4) ไปอย่างสมบูรณ์กับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดในปีที่ผ่านมาอย่าง Black Panther: Wakanda Forever (2022) ที่ซึ่งถึงแม้จะต้องยอมรับว่า เรื่องราวในเฟสนี้อาจเดินทางไปได้ไม่ค่อยสวยงาม(ทั้งผลตอบรับจากฝั่งผู้ชมเองหรือรายได้บนบ็อกซ์ออฟฟิศ)เหมือนอย่างเฟสที่ผ่านมานัก แต่ก็ต้องบอกว่า มันได้สร้างจุดเปลี่ยนที่สำคัญและน่าสนใจต่อจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ได้อย่างไม่น้อยเลยทีเดียวhttps://www.youtube.com/watch?v=QdpxoFcdORIสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Phase 4 (2021-2022) มีความพิเศษที่สุด คือ การขยับขยายความสามารถในการเล่าเรื่องในจักรวาลมาเป็นรูปแบบทีวีซีรีส์ โดยมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันกับฉบับภาพยนตร์ ซึ่งมีเนื้อหารวมกันแล้วทั้งหมด 18 เรื่อง ที่จะมาทำหน้าที่แตกแขนงเรื่องราวของตัวละครต่าง ๆ และขยายเรื่องราวในจักรวาลให้กว้างไกลขึ้นไปอีก รวมถึงความพยายามในการค้นหาสูตรใหม่ ๆ ในการนำเสนอเรื่องราวด้วยหลากหลายสไตล์ และหลากหลายรสชาติ เพื่อก้าวข้ามธรรมเนียมเดิม ๆ ที่เคยทำไว้ ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในการทดลองที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยของ Marvel Studioshttps://www.instagram.com/p/BxnWWcxHYGm/และถึงแม้จะมีหลายตัวละครของ MCU ที่ได้หมดบทบาทของตัวเองลงไปหลัง INFINITY SAGA แต่กระนั้นเรื่องราวส่วนหนึ่งของ Phase 4 ก็ไม่ได้เบี่ยงเบนไปไหนไกล เพราะ ถ้าหากเราลองมองให้ถ้วนถี่ Phase 4 ก็คือ การสานต่อเรื่องราวบทต่อไป ที่ว่าด้วยความเศร้าโศก ความรู้สึกผิด และผลที่ตามมาจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame (2019) ที่ซึ่งทำให้หลายตัวละครที่ผ่านมาต่างต้องพบเจอกับปัญหาหรือภาระใหม่ที่ต้องแบก จนนำไปสู่การพัฒนาการของตัวละครไปสู่ขั้นที่มากกว่า รวมไปถึงการทำหน้าที่เป็นการเปิดตัวตัวละครใหม่ ๆ ให้กับผู้ชม พร้อมทั้งขยายทั้งมุมมองและขอบเขตใหม่ ๆ ให้กว้างขึ้นกว่าที่จักรวาลแห่งนี้เคยนำมาด้วยเรื่องราวอันมากมายที่เชื่อมโยงกันของ MCU แน่นอนว่า ทุกการกระทำของทุกตัวละครย่อมส่งผลต่อภาพรวม และการปูทางเพื่ออนาคตของจักรวาล จึงเป็นโอกาสอันดีหากเราจะมีเวลาย้อนกลับไปดู และทบทวนภาพรวมเหล่านั้น รวมถึงลองวิเคราะห์ผลกระทบของ Phase 4 ที่จะเกิดขึ้นในเฟสถัดไปครอบครัวสุขสันต์กับละครซิตคอมของ Wanda - WandaVision (2021)"I have everything under control."(ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา)- Wanda Maximoff -ตัวละคร Wanda Maximoff ของ Elizabeth Olsen ได้ผ่านเรื่องราวอันร้ายดีมามากมายนับตั้งแต่ Avengers: Age of Ultron (2015) จนเรียกได้ว่า เรื่องราวชีวิตของเธอเป็นอะไรที่น่าสนใจและเหมาะที่จะถูกสำรวจมากที่สุด ดังนั้น WandaVision จึงได้เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ขอชิมลางจาก Marvel Studios ด้วยการนำเสนอรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร โดยที่แต่ละตอนจะแสดงถึงความเป็นละครซิตคอมชื่อดังออกมา แต่แฝงไปกับโครงเรื่องอันร่างใหญ่ในโลกแห่ง MCU ตัวซีรีส์เล่าเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame (2019) Wanda กับ Vision (Paul Bettany) กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งอย่างเป็นปริศนา จนราวกับเป็นภาพในความฝัน แต่ความเป็นจริงกลับเป็นเรื่องราวอันแสนโศกเศร้าที่ลิขิตให้ Wanda ต้องกลายมาเป็น Scarlet Witchอย่างที่แฟน ๆ รู้กัน WandaVision ไม่ได้แค่มอบเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของ Wanda ที่เรายังไม่เคยรู้ แต่ทำหน้าที่เป็นเส้นทางอันสำคัญที่ทำให้ Wanda อดีตอเวนเจอร์ได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นวารร้าย Scarlet Witch แม่มดแดงผู้ถูกลิขิตให้ทำลายโลกด้วยผลพ่วงจากคัมภีร์ Darkhold แห่งศาสตร์มืด (ที่ซึ่งเธอได้ไปปรากฏตัวต่อใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022)) รวมไปถึงการแนะนำเรื่องราวความสำคัญของตัวละคร Monica Rambeau (Teyonah Parris) เด็กสาวตัวน้อยจาก Captain Marvel (2019) ที่ตอนนี้กลายเป็นกัปตันประจำการแห่งหน่วย S.W.O.R.D. (Sentient Weapon Observation and Response Division) ที่ซึ่งเราจะได้เห็นเรื่องราวต่อยอดของเธอมากขึ้นใน The Marvels ภาคต่อของ Captain Marvel นอกจากนี้ การเปิดตัวแม่มดคนใหม่อย่าง Agatha Harkness (Kathryn Hahn) ก็ได้ทำให้เรื่องราวทางฝั่งเวทย์มนต์คาถาเป็นอะไรที่น่าสำรวจต่อไปในจักรวาล MCU ซึ่ง Agatha จะมีซีรีส์เดี่ยวของเธอเองอย่าง Agatha: Coven of Chaos ในเฟสต่อไปการสืบทอดตำแหน่งกัปตันอเมริกาของ Sam - The Falcon and the Winter Soldier (2021)"The legacy of that shield is complicated."(การสืบทอดโล่นั่นมันซับซ้อน)- Sam Wilson -แม้ Steve Rogers (Chris Evans) ได้(หมดบทบาท)จากไปแล้ว แต่ตำนานของโล่ยังคงอยู่ ทั้ง Sam Wilson/Falcon (Anthony Mackie) และ Bucky Barnes/Winter Soldier (Sebastian Stan) รู้ถึงข้อเท็จจริงข้อนั้น แต่การสืบทอดโล่และตำแหน่งกัปตันอเมริกามีความซับซ้อนกว่าที่คิด ทั้งภัยคุกคามครั้งใหม่จากกลุ่มต่อต้าน Flag Smashers การปรากฏตัวของกัปตันคนใหม่หัวรุนแรงอย่าง John Walker (Wyatt Russell) และความลับอันดำมืดของโล่ใบนี้ที่ทำให้ Sam ตัดสินใจได้ยาก The Falcon and the Winter Soldier จึงถูกจัดเรื่องราวให้อยู่ในแนวแอ็กชั่นทริลเลอร์ที่มีกลิ่นอายคล้าย Captain America: The Winter Soldier (2014) ในระดับนึง แต่ยังคงเสริมด้วยเรื่องราวชีวิตและปัญหาส่วนตัวของ Sam และ Bucky นั่นจึงเป็นส่วนที่แสดงให้เห็นว่า เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ก็มีชีวิตไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาตัวซีรีส์ได้พาเราไปสำรวจยังเส้นทางต้นกำเนิดของการรับตำแหน่งกัปตันอเมริกาของ Sam Wilson ที่แฝงมาด้วยความคิดเห็นทางเชื้อชาติและการเมือง ที่ซึ่งคิดว่าเป็นแรงจูงใจอันสำคัญของเขา และจะถูกสำรวจเพิ่มเติมต่อไปใน Captain America: Brave New World ทำให้เชื่อได้ว่า เขาจะเป็นหนึ่งในแกนหลักคนสำคัญของอเวนเจอร์กลุ่มใหม่ใน MCU อย่างแน่นอน รวมไปถึงตัวละคร Bucky Barns และตัวละครหน้าใหม่อย่าง John Walker ที่ซีรีส์ได้ทำให้ตัวละครทั้งสองต่างมีโมเมนต์ฉายแสงเป็นของตัวเอง ก้าวผ่านปัญหาคาใจ และช่วยผลักดันพวกเขาสู่การทำงานเป็นทีมจนสร้างความน่าตื่นเต้น และนั่นจึงทำให้พวกเขาทั้งสองจะกลับมาร่วมทีมกันอีกครั้งในหนังรวมทีมฮีโร่เดนตายในเฟสต่อไปอย่าง ThunderboltsLoki กับการผจญภัยบนเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ - LOKI (2021)https://www.instagram.com/p/CPDpyOMgf8Y/"Glorious Purpose." (ลิขิตอันทรงเกียรติ)- Loki -ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งของวารร้ายที่ทุกคนหลงรัก เทพเจ้าแห่งความเจ้าเล่ห์อย่าง Loki (Tom Hiddleston) ที่ในครั้งนี้กลับมาเล่นใหญ่กว่าทุกที ซีรีส์ LOKI (SS1) เล่าเรื่องราวต่อจาก Endgame ตัวแปรของโลกิจากปี 2012 สามารถหลบหนีการจับกุมจากเหล่าอเวนเจอร์มาได้ แต่การกระทำนั้นได้นำพาเขาไปพบกับองค์กรควบคุมเส้นเวลา TVA หรือ Time Variance Authority ที่คอยควบคุมและดูแลเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Timeline) ณ ที่นั่น การผจญภัยเพื่อกอบกู้เส้นเวลาของโลกิจึงได้เริ่มต้นขึ้น และได้ทำให้ LOKI ถือเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่มีความสำคัญ และส่งผลกระทบต่อจักรวาล MCU มากที่สุดซีรีส์ LOKI สามารถทำหน้าที่ได้ดี SS2 จึงถูกประกาศสร้างต่อทันที ตั้งแต่การพัฒนาตัวละครของโลกิให้กลายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเขา เมื่อพบกับเจ้าหน้าที่ TVA มากความสามารถ Mobius M. Mobius (Owen Wilson) และ Sylvie (Sophia Di Martino) ตัวแปรของโลกิจากอีกเส้นเวลา แต่สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้ คือ การพาแฟน ๆ ทุกคนไปสำรวจเรื่องราวใหม่ ณ นอกเขตเส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ โดยการขยายขอบเขตของจักรวาลให้กว้างมากขึ้นกว่าที่เคย ซึ่งจากตอนจบของ LOKI (SS1) การกระทำของ Sylvie ก่อให้เกิดการแตกแขนงของเส้นเวลาจนทำให้เกิดความเป็นจริงมากมายนับไม่ถ้วน อันเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่ซีรีส์แอนิเมชั่น What If…? (2021) และจากการปรากฏตัวของหนึ่งในตัวแปรของ Kang the Conqueror (Jonathan Majors) ซีรีส์นี้จึงเป็นกุญแจสำคัญแรกเริ่มของสงครามครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในมหากาพย์ต่อไปอย่าง The Multiverse Sagaปิดฉากเรื่องราวของ Natasha พร้อมส่งต่อตำนาน - Black Widow (2021)"We have unfinished business."(เรายังมีธุระที่ต้องสะสาง) - Natasha Romanoff -เป็นที่ทราบกันดีถึงชะตากรรมที่เกิดขึ้นใน Endgame ของ Natasha Romanoff (Scarlett Johansson) สายลับสาวฉายา Black Widow อเวนเจอร์รุ่นแรก อย่างไรก็ตามตำนานก็ยังคงต้องสืบต่อไป หนังเรื่องนี้จึงพาเราย้อนกลับไปในช่วงหลังเหตุการณ์ Captain America: Civil War (2016) เพื่อให้เราได้รู้จักเรื่องราวและอดีตของเธอมากขึ้น เมื่อ Natasha พบเจอว่าอดีตที่เธอวิ่งหนีกำลังจะกลับมา ทำให้เธอต้องกลับมาสะสางภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น และนั่นทำให้เธอต้องกลับไปเผชิญหน้ากับสมาชิกในครอบครัวเก่าที่เธอจากมา พร้อมกับเปิดตัวตัวละครใหม่ที่จะรับไม้ต่อจากเธออย่าง Yelena Belova (Florence Pugh)การมาถึงของ Yelena Belova คือ จุดที่ทำให้เรารู้ว่า เฟสใหม่กำลังจะเริ่มต้นแล้ว ยิ่งหนังเรื่องนี้ที่ได้ทำให้ตัวละครตัวนี้กลายเป็นตัวละครม้ามืดที่มีความสำคัญ ก็เป็นเครื่องการันตีได้แล้วว่า Yelana จะเป็นหนึ่งในหมากตัวสำคัญต่อเรื่องราวในอนาคตของ MCU และดังจะเห็นได้ว่า หนังเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องราวเริ่มต้นที่จะส่งผลไปสู่หนังรวมทีมฮีโร่เดนตายอย่าง Thunderbolts ที่จะมี Yelena Belova, Alexei Shostakov/Red Guardian (David Harbour) และ Antonia Dreykov/Taskmaster (Olga Kurylenko) เป็นสมาชิกในทีมด้วย ซึ่งก่อตั้งโดยตัวละคร Valentina Allegra de Fontaine (Julia Louis-Dreyfus) ตัวละครใหม่ที่เต็มไปด้วยปริศนาที่น่าจะสร้างคลื่นลูกใหญ่ให้กับจักรวาลไม่น้อยกำเนิดฮีโร่กังฟูแห่งเอเชีย - Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (2021)"It's time to show the world... who I really am."(ถึงเวลาจะแสดงให้ทั้งโลกเห็น...ว่าฉันเป็นใคร)- Shang-Chi -ด้วยความต้องการขยายฐานแฟน ๆ ให้มากขึ้น Marvel Studios จึงขอเปิดตัวซุปเปอร์ฮีโร่เชื้อสายเอเชียคนแรกในจักรวาลอย่าง Shang-Chi (Simu Liu) พร้อมทั้งใส่อัตลักษณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างกังฟู (Kang-Fu) เข้ามาใน MCU เรื่องราวของ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings นอกจากจะพาเราไปรู้จักกับตัวละครทางฝั่งเอเชียหลายคน หนังยังพาไปสำรวจโลกใหม่ที่หลบซ่อนอยู่ในโลกของเราอย่าง Ta-Lo เมืองแห่งสรรพสัตว์ในตำนานของจีน มิหน้ำซ้ำพาเราย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของจักรวาลด้วยการทำความรู้จักกับองค์กรก่อการร้ายจาก Iron Man (2008) อย่าง The Ten Rings ที่นำโดยบุรุษผู้น่าเกรงขามในตำนาน Xu Wenwu/The Mandarin (Tony Leung) ที่ซึ่งนับได้ว่า เป็นหนึ่งในตัวร้ายที่ดีที่สุดของ Phase 4 ก็ว่าได้สามารถพูดได้เต็มร้อยว่า ตัวละคร Shang-Chi จะกลายเป็นฮีโร่คลื่นลูกใหม่ของ MCU ที่มีโอกาสสูงมากที่จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในอเวนเจอร์รุ่นใหม่ พร้อมกับเป็นแกนนำในการสำรวจถึงพื้นที่หรือเรื่องราวทางฝั่งเอเชียมากขึ้นในจักรวาล อย่างเช่น การมาถึงของทีมรวมตัวเหล่าฮีโร่จากเอเชีย Agent of Atlas ที่แฟน ๆ หลายคนคาดหวังว่าจะมีโอกาสได้ถูกพัฒนาต่อไป รวมไปถึงบทบาทขององค์กร The Ten Rings ที่จะได้ถูกเล่าต่อไปในอนาคต นอกจากนี้การเปิดตัวไอเทมใหม่ชิ้นสำคัญที่น่าจะมาแทนที่ Infinity Stones ในจักรวาลอย่างแหวนสิบวง (Ten Rings) ที่ในตอนท้าย Shang-Chi และเพื่อน ๆ พบว่า มันทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปให้บางสิ่ง สัญญาณที่ว่านั่นอาจจะใบ้ถึงสงครามครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาก็เป็นได้ภารกิจปกป้องโลกกับอุดมการณ์ที่ขัดแย้งของกลุ่มฮีโร่พลังเทพเจ้า - Eternals (2021)"Throughout the years we have never interfered..., until now."(ผ่านทุกยุคสมัย พวกเราไม่เคยเข้าแทรกแซง...จนกระทั่งครั้งนี้)- Ajak -หากจะถามว่าหนังเรื่องใดใน Phase 4 ที่ฉีกกรอบจาก MCU มากที่สุด ก็คงต้องยกให้หนังรวมฮีโร่พลังเทพเจ้า Eternals เป็นคำตอบนั่น เพราะด้วยฝีมือการสร้างสรรค์ และวิสัยทัศน์ที่ไม่เคยมีในจักรวาลจากผู้กำกับดีกรีออสการ์อย่าง Chloé Zhao จึงทำให้หนังเรื่องนี้ถูกนำเสนอออกมาให้แตกต่างจากแนวขนบการทำหนังแบบเดิม ๆ ของ MCU ไปหมดกับการนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มฮีโร่หน้าใหม่ แต่แฝงมาด้วยปรัชญาเชิงลึกที่ยากจะตัดสินใจ พร้อมทั้งการยกระดับการเล่าเรื่องผ่านภาพให้เป็นพิเศษมากขึ้นจนมีความสดใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก Eternals เล่าเรื่องราวของกลุ่มฮีโร่ที่เดินทางมายังโลกตั้งแต่ในสมัยอดีตกาล และในปัจจุบัน พวกเขามีเวลาแค่ 7 วันกับภารกิจที่จะต้องปกป้องโลกจากหายนะภายในที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจจะต้องยอมรับว่า ถึงแม้ Eternals จะไม่ได้เป็นที่ถูกใจของใครหลายคน แต่ทั้งเหตุการณ์และตัวละครภายในเรื่องต่างส่งผลกระทบต่อจักรวาล และช่วยเปิดทางถึงเรื่องราวใหม่ ๆ มากมายที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวหรือชะตากรรมของเหล่า Eternals ที่เหลือ, เบื้องลึกเบื้องหลังกับแผนการของเหล่า Celestial อ้างอิงจากการที่ Arishem the Judge ได้โผล่มาในช่วงท้ายเรื่อง ทำให้เป็นที่น่าสนใจมากว่า หากฮีโร่คนอื่นรับรู้ถึงการมีอยู่ของ Celestial จะส่งผลอย่างไรต่อพวกเขา และการปรากฏตัวของตัวละครใหม่ที่เราต่างคาดหวังว่าจะมีการผจญภัยเป็นของตัวเองอย่าง Dane Whitman/Black Knight (Kit Harington) และ Eros/Starfox (Harry Styles) น้องชายของธานอสที่เรื่องราวสามารถถูกสำรวจได้มากขึ้น ไม่แน่ว่าการมาถึงของฮีโร่กลุ่มนี้อาจจะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการรับมือกับสงครามที่กำลังจะมาถึง หรือไม่ก็ตรงกันข้ามรู้จักกับความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุด - What If...? (2021)"Space. Time. Reality. It's more than a linear path."(ปริภูมิ เวลา ความเป็นจริง มันเป็นมากกว่าเส้นตรง)- The Watcher -นอกเหนือจากซีรีส์คนแสดง Marvel Studios ยังได้ขอลองฝีมือกับการก้าวมาทำซีรีส์แอนิเมชั่นเรื่องแรกอย่าง What If...? อันเป็นผลกระทบโดยตรงจากซีรีส์ LOKI บอกเล่าเรื่องของความเป็นไปได้นับอนันต์ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาที่สำคัญใน MCU จนก่อเกิดเป็นเรื่องราวที่แตกต่าง เช่น จะเป็นอย่างไร...? หากโลกได้เสียผู้พิทักษ์ไป (ซึ่งเป็นตอนที่ผู้เขียนชอบที่สุดในซีซั่นนี้) ผ่านการบอกเล่าและเฝ้ามองของ The Watcher (ให้เสียงโดย Jeffrey Wright) เผ่าพันธุ์ต่างดาวผู้เฝ้ามองความเป็นไปของมัสติเวิร์ส และปฏิเสธที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันสิ่งที่ทำให้ What If...? กลายเป็นรูปแบบการเล่นแบบใหม่ที่น่าสนใจของ MCU คือ การนำเสนอเรื่องราวอย่างไร้ข้อจำกัดในเส้นเวลาที่มากมาย ไม่มีข้อผูกมัดจากเรื่องราวที่ผ่านมา มันจึงเป็นเหมือนโอกาสอันดีงามที่จะให้ผู้สร้างมากฝีมือลองเข้ามาสร้างสรรค์ผลงานในแบบของพวกเขาหรือเธอ เพื่อให้เราได้ลองตั้งคำถามว่า อะไรจะเกิดขึ้น...? หากบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า สิ่งที่ดูเหมือนเป็นการนำเสนอจินตนาการขำ ๆ นี้ มันกำลังจะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเล่าเรื่องของ The Multiverse Saga ต่อไปที่สุดแห่งเรื่องราวของไอ้แมงมุม - Spider-Man: No Way Home (2021)https://www.instagram.com/p/Ca5AP66Bimk/"With great power comes great responsibility."(พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง)- Peter Parker -เป็นอีกหนึ่งตัวละครจาก MCU ที่มีหนังเดี่ยวของตัวเองครบไตรภาคอย่าง Peter Parker/Spider-Man (Tom Holland) ที่ในครั้งนี้ได้มอบเซอร์ไพร์สและเซอร์วิสครั้งใหญ่ให้กับแฟน ๆ ชนิดที่ว่า "นี่คือหนังไอ้แมงมุมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" ซึ่งนอกจากจะเป็นหนังที่มอบการเดินทางอันยากลำบากที่สุดที่ Peter Parker จะต้องเผชิญแล้ว เรื่องราวยังนำพาเรากลับไปเห็นถึงรากเหง้าและตัวตนที่ควรเป็นที่แท้จริงของ Spider-Man อย่างที่ผ่านมา Spider-Man: No Way Home กลับมาสานต่อจากตอนจบของภาคที่แล้ว Spider-Man: Far From Home (2019) เมื่อตัวจริงของ Spider-Man ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน Peter จึงต้องทำทุกวิถีทางในการแก้ไขเรื่องนี้ นั่นจึงนำพาเขาให้ไปขอความช่วยเหลือจากผู้วิเศษ Dr. Strange (Benedict Cumberbatch) แต่ผลที่ตามมากลับเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมากกว่านั้น และอาจจะส่งผลกระทบขนานใหญ่ต่อจักรวาลที่เขาอยู่ ไม่อยากจะเชื่อว่า วันที่ตัวละครชื่อเดียวกันจากหลายเวอร์ชั่นมาอยู่ในหนังเดียวกันจะมาถึง และนั่นคือ สิ่งที่ทำให้ Spider-Man: No Way Home กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในโลกภาพยนตร์อย่างเป็นที่สุด ด้วยการนำตัวละคร Peter Parker/Spider-Man จากเวอร์ชั่นเก่าของ Tobey Maguire (Spider-Man 1-3) และ Andrew Garfield (The Amazing Spider-Man 1-2) กลับมาแจมกับเจ้าหนู Tom Holland จาก MCU แต่นอกเหนือจากนั้น คือ การเปิดประเด็นมัสติเวิร์ส (Multiverse) ในหนังเป็นครั้งแรก (ที่ซึ่งได้นำพา Dr. Strange ไปสัมผัสกับมันมากขึ้นใน Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022)) กับการนำพาตัวละครอื่นข้ามจักรวาลมา ซึ่งเชื่อว่าวิธีแบบนี้จะเป็นการเล่าเรื่องอันสำคัญสำหรับการนำเสนอตัวละครทั้งใหม่และเก่ากลับมา และนำไปสู่สงครามที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอย่าง Secret Wars รวมไปถึงการนำตัวละครที่ทุกคนต่างถามถึงกับ Matt Murdock/Daredevil พร้อมกับนักแสดงคนเดิมอย่าง Charlie Cox กลับมา ก็ได้ทำให้การสำรวจเรื่องราวชีวิตของซุปเปอร์ฮีโร่บนท้องถนน (Street-Level) เป็นอะไรที่น่าสนใจมากขึ้นClint รับบทเป็นครูฝึกฮีโร่สาวจำเป็น - Hawkeye (2021)https://www.instagram.com/p/CXOXW5NpJbF/"Ugh, this is some Christmas."(คริสต์มาสนี้วุ่นวายเป็นบ้า)- Clint Barton -เมื่ออดีตอันแสนโหดร้ายและสะเทือนใจจาก Endgame ได้กลับมา Jeremy Renner จึงต้องกลับมารับบทเป็นยอดพลธนู Clint Barton/Hawkeye หนึ่งในอเวนเจอร์รุ่นแรกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาต้องมาเป็นครูฝึกและคู่หูจำเป็นให้กับนักธนูสาวน้อย Kate Bishop (Hailee Steinfeld) ผู้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นฮีโร่พลธนูเหมือนกับเขา นั่นจึงทำให้ Hawkeye ซีรีส์เดี่ยวเรื่องแรกของเขามีธีมอยู่ในช่วงวันหยุด Christmas เพราะ นอกจากจะสื่อถึงการก้าวข้ามความละอายภายในจิตใจ และการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างครูและลูกศิษย์ ความอบอุ่นหัวจิตหัวใจในช่วงที่เวลากับครอบครัวนั่นสำคัญ คือ สิ่งที่เราจะเห็นได้ชัดเจนจากตัวละคร Clint Barton มากที่สุดซีรีส์ Hawkeye อาจจะบอกไม่ได้ว่าเป็นเรื่องราวอำลาของตัวละคร Clint Barton แต่ก็เป็นการละทิ้งความผิดในใจของตัวละคร และพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไป รวมไปถึงเป็นการส่งไม้ต่อครั้งสำคัญให้กับฮีโร่รุ่นใหม่ Kate Bishop ที่น่าจะมารับช่วงฉายาต่อ และจะเป็นตัวละครสำคัญที่จะช่วยปูทางไปสู่การรวมทีมอเวนเจอร์วัยรุ่นอย่าง Young Avengers ที่แฟน ๆ หลายคนต่างคาดหวังกับการมาถึงของทีมนี้ ซึ่งนอกจากการผจญภัยของ Hawkeye ซีรีส์ยังได้แนะนำตัวละครใหม่ที่ไม่ใหม่ขนาดนั้นอย่าง Wilson Fisk/Kingpin เจ้าพ่อแห่งอาชญากรรมในเมือง New York และยังได้นักแสดงคนเดิม Vincent D'Onofrio กลับมารับบทนี้อีกครั้ง เป็นอีกตัวละครหนึ่งที่แฟน ๆ ต่างรอคอยและคาดหวังว่า เขาผู้นี้จะมาสร้างความปั่นป่วนอย่างไรและมากมายขนาดไหนในจักรวาล MCU แห่งนี้กำเนิดใหม่ อัศวินจันทรา - Moon Knight (2022)"I can't tell the difference between my waking life... and dreams."(ผมแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นชีวิตตอนตื่น...และอันไหนเป็นความฝัน)- Steven Grant -เชื่อว่าบุรุษฮีโร่ผู้นี้คงจะเป็นตัวละครที่แฟน ๆ Marvel Comics หลายคนอยากเห็นในฉบับคนแสดง และในที่สุดมันก็เกิดขึ้นสำหรับซีรีส์ในจักรวาล MCU ที่ขยายฐานเรื่องราวไปไกลถึงประเทศอียิปต์กับ Moon Knight อัศวินจันทราพิฆาตอธรรม ที่เรียกว่าให้ความรู้สึกแบบ แปลก บ้า เดือด แบบสุด ๆ ว่าด้วยเรื่องราวของ Steven Grant (Oscar Isaac) ชายหนุ่มผู้อ่อนโยน ที่ค้นพบว่า ตนเองมีอาการแปลกประหลาดเป็น Dissociative Identity Disorder (DID) หรือ โรคหลายบุคลิก ที่ต้องใช้ร่างร่วมกับทหารรับจ้างอย่าง Marc Spector ในการผจญภัยร่วมปกป้องโลกจากภัยคุกคามจากน้ำมือของผู้นำลัทธิลึกลับอย่าง Arthur Harrow (Ethan Hawke) ผ่านตำนานเทพอียิปต์โบราณในฐานะตัวแทนแห่งดวงจันทร์ลงทัณฑ์ผู้ชั่วร้าย กำปั้นของเทพแห่งดวงจันทร์ Khonshu นามว่า Moon Knightซีรีส์ Moon Knight ถือเป็นซีรีส์ซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสและไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นใน MCU เพราะ ด้วยการเล่าเรื่องที่สับสนระหว่างตัวละคร Steven Grant และ Marc Spector จึงทำให้ตัวซีรีส์นั่นมีแนวทางใหม่ที่ไม่เหมือนใครและสามารถยกให้ Moon Knight เป็นซีรีส์ที่ดีที่สุดของ MCU ได้เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะทำให้เราได้รู้จักกับต้นกำเนิดของอัศวิน Moon Knight ซีรีส์ยังได้เปิดตัวฮีโร่หญิงคนใหม่แกะกล่องอย่าง Layla El-Faouly/Scarlet Scarab (May Calamawy) ที่แฟน ๆ หลายคนต่างอยากเห็นการผจญภัยของเธอต่อไปอีกมาก รวมไปถึงการพาเหล่าคนดูไปสำรวจถึงที่มหาพีระมิดกีซา ประเทศอียิปต์ กับการไปค้นพบเรื่องราวผ่านผืนทะเลทรายของกลุ่มของเทพเจ้าในตำนานอียิปต์อย่าง The Ennead ก็ถือเป็นการขยายขอบเขตของ MCU ให้กว้างขึ้นไปอีกเฉกเช่นเดียวกับที่ซีรีส์ LOKI (2021) เคยทำ นั่นจึงทำให้เรื่องราวบทต่อไปของ Moon Knight มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และอาจจะนำไปสู่การรวมทีมฮีโร่สายเหนือธรรมชาติอย่าง Midnight Sons ขึ้นมาในอนาคตก็เป็นได้ผจญภัยไปกับมัสติเวิร์สสุดบ้าคลั่ง - Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) "The Multiverse... is a concept about which we know frighteningly little."(พหุจักรวาล...สิ่งที่เรารู้จักมันน้อยมากจนน่ากลัว)- Dr. Strange -ภาคต่อที่แฟน ๆ ตั้งตารอนับตั้งแต่ประกาศชื่อภาคออกมากับ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่เราจะได้เห็น Dr.Stephen Strange (Benedict Cumberbatch) ศัลยแพทย์และจอมเวทย์ผู้ปกป้องโลกกลับมาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว ดึงตัวแม่มดแดงจากอเวนเจอร์อย่าง Wanda Maximoff/Sacrlet Witch (Elizabeth Olsen) มาร่วมวงด้วย กับการผจญภัยไปในพหุจักรวาลหรือ Multiverse อันแสนบ้าคลั่งและอันตราย ที่ถ้าหากก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว มันอาจจะนำไปสู่หายนะ Incursion อันเป็นการทำลายล้างหนึ่งหรือทั้งสองจักรวาลด้วยฝีมือการกำกับของชื่อคุ้นเคยอย่าง Sam Raimi จากไตรภาค Spider-Man (2002-2007) จึงทำให้ Doctor Strange in the Multiverse of Madness ได้รับการขนานนามว่า เป็นภาพยนตร์โทนสยองขวัญเรื่องแรกใน MCU และด้วยการเปิดประตูสู่มัสติเวิร์สแบบเต็มขั้นสูบ มันจึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความบ้าคลั่งและทะเยอทะยานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำกลุ่มฮีโร่สมาคมลับแห่ง Earth-838 อย่าง Illuminati ที่เราต่างคาดว่า นี่คงจะไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นพวกเขาในจักรวาลอันนับไม่ถ้วน หรือจะเป็นการเปิดตัวฮีโร่สาวหน้าใหม่ หนึ่งเดียวในมัสติเวิร์ส America Chavez (Xochitl Gomez) ที่มีพลังเปิดประตูดวงดาวข้ามจักรวาล ที่เรามั่นใจได้มากว่า เธอจะเป็นตัวละครที่สำคัญในเฟสต่อไป และอาจนำไปสู่การรวมทีมใหม่อย่าง Young Avengers รวมไปถึงการทำให้เราได้มองเห็นถึงความอันตรายของเหตุการณ์ Incursion ก็นับเป็นตัวอย่างเล็ก ๆ ของสงครามครั้งใหม่ที่กำลังจะมาพลิกผันชีวิตวัยรุ่นของฮีโร่สาว - Ms. Marvel (2022)"I'm a Super Hero."(ฉันเป็นซุปเปอร์ฮีโร่)- Kamala Khan -จากติ่ง Avengers ผู้ชื่นชอบฮีโร่พลังหญิง Carol Danvers/Captain Marvel (Brie Larson) สู่การเป็นฮีโร่ ผู้มีพลังพิเศษจากกำไลปริศนา สามารถสร้างโครงสร้างแสงแข็ง (Hard light) ขึ้นมาได้ นี่คือเรื่องราวชีวิตที่พลิกผันราวกับความฝันของสาวน้อยเชื้อสายปากีสถาน-อเมริกันจากเมืองนิวเจอร์ซีย์ (New Jersey) อย่าง Kamala Khan (Iman Vellani) ที่ ณ จุดนั้น Kamala ได้ค้นพบกลุ่มคน Clandestines จากมิตินอร์ (Noor) ที่มีพลังและความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จากประเทศของเธอ กับแผนการสุดแสนอันตราย Kamala จึงต้องเรียนรู้การเป็นซุปเปอร์ฮีโร่หน้าใหม่เพื่อปกป้องครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเธอจากภัยอันตรายซีรีส์ Ms. Marvel ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานจาก Marvel Studios ที่พยายามจะนำเสนอความหลากหลายทางเชื้อชาติเข้าสู่จักรวาล MCU ด้วยการนำเราเข้าสู่เบื้องหลังทางวัฒนธรรมของประเทศอินเดีย-ปากีสถานในชุมชนอเมริกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ทำให้ซีรีส์ Ms. Marvel เป็นที่ถูกใจของแฟน ๆ คอมมิค คือ เรื่องราวแนว Coming-of-age ที่ว่าด้วยชีวิตในช่วงวัยรุ่นของ Kamala ที่ซึ่งชีวิตของเธอที่คลั่งไคล้ซุปเปอร์ฮีโร่ก็ไม่ต่างอะไรกับเหล่าสาวกแฟน ๆ ในชีวิตจริง เธอกำลังจะได้พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชีวิต ที่จะต้องนำพาให้ Kamala ต้องก้าวข้ามปัญหาและเติบโตกลายเป็นฮีโร่ผดุงความยุติธรรม นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่ทำให้แฟน ๆ กรี๊ดแตกขั้นสุดกว่า คือ การบอกใบ้ถึงที่มาของพลังของ Kamala ที่ในซีรีส์ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า มันเกิดจากการ "กลายพันธ์ุ" (Mutation) ที่ซึ่งมีความแตกต่างจากฉบับคอมมิค ทำให้แฟน ๆ ต่างตกใจและตื่นเต้นสุด ๆ ว่านี่อาจจะเป็นสัญญาณของการนำพาเหล่ามนุษย์กลายพันธ์ุหรือ X-MEN เข้าสู่จักรวาล MCU ก็เป็นได้ ซึ่งเราคาดว่าจะได้รู้เรื่องราวพลังของเธอมากขึ้นกับการปรากฏตัวของเธอในภาคต่อของ Captain Marvel อย่าง The Marvels ในเฟสถัดไปThor กับการผจญภัยสุดจัดจ้าน - Thor: Love and Thunder (2022)https://www.instagram.com/p/CfC-Lhwhh3l/"I need to figure out... exactly who I am."(ข้าต้องค้นหา...แก่นแท้ของตัวตนข้า)- Thor -เมื่อการผจญภัยยังไม่สิ้นสุด ก็อย่าเพิ่งบอกลากับเทพเจ้าสายฟ้าสายฮารั่วแห่ง MCU อย่าง Thor Odinson (Chris Hemworth) ที่ใครจะไปคาดคิดว่า เขาผู้นี้จะกลับมาในภาพยนตร์ภาคที่สี่ของเขาเอง นับเป็นฮีโร่คนแรกในจักรวาลที่มีภาคที่สี่เป็นของตัวเองกับ Thor: Love and Thunder ที่เรียกได้ว่ามาพร้อมทั้งลูกบ้าลูกใหญ่ มุกตลกเฮฮา และสีสันที่โคตรจัดจ้าน เพราะ เมื่อภัยร้ายครั้งใหม่คุกคามมาถึงเหล่าทวยเทพทั่วจักรวาลด้วยฝีมือของผู้สังหารเทพ Gorr the God Butcher (Christian Bale) จึงทำให้ Thor ต้องออกเดินทางเพื่อหยุดยั้งแผนการอันชั่วร้ายนี้ร่วมกับเหล่ามิตรสหายของเขา ก่อนที่เผ่าพันธุ์ของเทพเจ้าทั่วจักรวาลจะถึงคราวดับสูญเสียงตอบรับจาก Thor: Love and Thunder เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อะไรบางอย่างที่มันดูมากเกินไปก็ใช่ว่าจะเป็นที่ถูกใจของผู้ชมเสมอ และเราอาจจะต้องยอมรับในเรื่องนี้ แต่กระนั้นเรื่องราวใน Love and Thunder ก็ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการตัวละครของ Thor ไปอย่างไม่น้อยเลย ดังที่เห็นในตอนท้ายที่เขาต้องรับหน้าที่ดูแลสาวน้อยชื่อ Love (India Rose Hemsworth) ที่ซึ่งเราคาดหวังว่าเธอจะเป็นตัวละครที่มีความสำคัญในอนาคตต่อไป นอกจากนี้บทบาทของ Jane Foster/Mighty Thor (Natalie Portman) ที่เราต่างรู้ชะตากรรมของเธอในภาพยนตร์ แต่ใครจะไปรู้ นี่อาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นเธอกลับมาก็เป็นได้ รวมไปถึง Valkyrie (Tessa Thompson) และเมือง New Asgard ของเธอที่นับวันจะกลายเป็นสถานที่ที่สำคัญใน MCU เทียบเท่ากับประเทศ Wakanda เลยทีเดียว แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ การแนะนำดินแดนแห่งเหล่าทวยเทพจากหลากหลายตำนานอย่าง Omnipotence City นำโดยเทพเจ้ากรีกอย่าง Zeus (Russell Crowe) และการบอกใบ้การมาถึงของ Hercules (Brett Goldstein) ก็อาจเป็นชนวนจุดแรกของสงครามระหว่างเหล่าทวยเทพครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาI am Groot! - I Am Groot (2022)"I am Groot."(ไอ แอม กรู้ท)- Baby Groot -ดูเหมือนว่านอกจาก What If...? ที่เป็นผลงานซีรีส์แอนิเมชั่นแล้ว Marvel Studios ยังไม่ยอมที่จะหยุดลองสร้างสรรค์การเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ที่จะมาขยายเรื่องราวของตัวละครอันเป็นที่รักในจักรวาลให้รู้จักมากขึ้นไปอีก นั่นจึงทำให้ I Am Groot เรื่องราวขยายต่อจากตัวละครสุดน่ารักแห่งทีมพิทักษ์จักรวาล Guardians of the Galaxy อย่าง Baby Groot เจ้าต้นไม้พูดได้(แค่ประโยคเดียว) (ให้เสียงโดย Vin Diesel) ถูกนำเสนอในรูปแบบของซีรีส์แอนิเมชั่นสั้น ๆ แบบจบในตอนประมาณตอนละ 5 นาที ที่จะมาบอกเล่าการผจญภัยเล็ก ๆ อันแปลกใหม่ของเจ้าต้นไม้ต้นนี้เราสามารถพูดได้ว่าซีรีส์ I Am Groot ไม่ได้เป็นโปรเจคที่ใหญ่โตหรือหวือหว่าอะไรขนาดนั้น แต่ก็นับว่าเป็นผลงานที่น่าสนใจไม่น้อยกับการนำเสนอเรื่องราวแปลกใหม่ในเวลาอันสั้น ๆ คล้ายกับแอนิเมชั่นของดิสนีย์ในช่วงแรก ๆ เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์เบาสมองที่เด็กน้อย หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่เองก็สามารถรับชมได้เหมือนการ์ตูนตอนพิเศษทั่วไป และถ้าหากจุดประสงค์ของซีรีส์เรื่องนี้ คือ การนำพาผู้ชมได้พบเห็น และตกหลุมรักกับความน่ารักน่าชัง และอารมณ์ขันของเจ้า Baby Groot ละก็ ผลงานเรื่องนี้ก็ทำได้ดีทีเดียวทนายสาวสุดแกร่งกับเรื่องราวสุดวายป่วง - She-Hulk: Attorney at Law (2022)"I just want to be a normal..., anonymous lawyer."(ฉันแค่อยากเป็นทนายธรรมดา...ไม่ต้องอยู่ในแสง)- Jennifer Walters -จากการประกาศว่า Bruce Banner (Mark Ruffalo) จะไม่ได้เป็น Hulk (ฮัลก์) เพียงคนเดียวใน MCU อีกต่อไป ก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจกับแฟน ๆ เป็นอย่างมากกับการมาใหม่ของครอบครัวตัวเขียวที่ครั้งนี้ Marvel Studios ขอทดลองลงมาเล่นในแนวกฎหมายกับซีรีส์ She-Hulk: Attorney at Law เมื่อชีวิตที่สุดแสนจะธรรมดากลับกลายเป็นอะไรที่โคตรซับซ้อนของ Jennifer Walters (Tatiana Maslany) ทนายสาวผู้มากความสามารถ ที่ซึ่งได้กลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ตัวเขียวร่างยักษ์ She-Hulk และจะนำพาเราไปพบกับมุมมองทางด้านกฎหมายที่มีต่อเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ และยังไม่เคยได้สำรวจและกล่าวถึงใน MCUShe-Hulk: Attorney at Law ถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่น่าตาจับมองตั้งแต่การประกาศออกมา เพราะ นับตั้งแต่หนังเดี่ยวของฮีโร่สายเขียวที่ออกมาตั้งแต่เฟสแรกอย่าง The Incredible Hulk (2008) เราก็ไม่ได้เห็นโปรเจคเดี่ยวของฮีโร่สายเขียวผู้นี้เลย จนกระทั่งการมาถึงของซีรีส์เรื่องนี้กับเรื่องราวของฮีโร่สายเขียวอีกคนหนึ่งที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ Bruce Banner อย่าง Jennifer Walters ได้ออกมาโลดแล่น และในเมื่อ Jennifer มีอาชีพเป็นทนายความ มันจึงอดไม่ได้ที่เราจะได้เห็นเรื่องราวของเธอเป็นแนวซิตคอมด้านกฎหมายที่พร้อมขนตัวละคร Cameo ต่าง ๆ ที่เรารู้จักมาวาดลวดลายในชั้นศาลกัน ที่ซึ่งนอกจากจะได้เห็นการต่อสู้อันแนวบู๊แหลกพร้อมกับการแหกตาคนดูในฐานะ She-Hulk แล้ว เรื่องราวการประชันฝีมือกันในห้องศาลก็เป็นที่ต้องตาไม่แพ้กัน รวมไปถึงการนำเสนอของสองตัวละครทั้งเก่าใหม่ในจักรวาลที่คาดว่าต้องจับตามองกันสุด ๆ กับลูกชายของฮัลก์จากดาว Sakaar นามว่า Skaar และทนายความตาบอด Matt Murdock/Daredevil (Charlie Cox) ที่ครั้งนี้เราจะได้เห็นอีกมุมที่ไม่คาดคิดของเขาและได้โชว์เสน่ห์กันแบบเหลือ ๆ เพื่อต้อนรับซีรีส์เดี่ยวของเขาเองอย่าง Daredavil: Born Again ในเฟสถัดไปเปิดพื้นที่ใหม่แห่ง Monster World - Werewolf by Night (2022)"Please don't do this!"(อย่าทำแบบนี้เลย)- Jack Russell -ซีรีส์คนแสดงลองไปแล้ว ซีรีส์แอนิเมชั่นก็ลองไปแล้ว แต่ Marvel Studios ก็ไม่ได้ลดละความพยายามในการสร้างสรรค์เรื่องราวของเขาเองในรูปแบบใหม่ เพื่อหาความลงตัวของการนำเสนอเลย ด้วยการเปิดตัว Marvel Studios Special Presentation หรือ รายการโทรทัศน์พิเศษแบบจบในตอนที่เรามักจะได้เห็นกันตามช่วงเทศกาลต่าง ๆ ประจำปี และเพื่อต้อนรับเทศกาลในช่วง Halloween ประจำปี 2022 รายการโทรทัศน์พิเศษเรื่องแรกจึงพาเราไปค้นพบกับอีกมุมหนึ่งของโลกที่เรื่องเล่าของอสุรกายไม่ได้เป็นแค่ตำนานกับ Werewolf by Night เล่าเรื่องราวของกลุ่มนักล่าสัตว์ประหลาดลึกลับที่เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อแย่งชิงวัตถุโบราณทรงอำนาจนามว่า Bloodstone แต่พวกเขากลับพบว่า ในหมู่พวกเขาได้มีอสุรกายแฝงตัวเข้ามาร่วมกลุ่มด้วยWerewolf by Night ถือเป็นโปรเจคม้ามืดที่เรียกได้ว่ามาเหนือความคาดหมาย เพราะ นอกจากการนำเสนอในรูปแบบภาพขาวดำที่สะท้อนถึงหนังอสุรกายในยุคคลาสสิคได้อย่างแปลกใหม่แล้ว ยังได้นำเสนอตัวละครและเรื่องราวใหม่ ๆ ที่น่าสนใจในโลกมุมใหม่แห่งอสุรกาย เริ่มตั้งแต่ Jack Russell (Gael García Bernal) หรือ Werewolf by Night ผู้มีคำสาปติดตัวที่ทำให้เขากลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ที่เรื่องราวของเขาเป็นที่ตั้งคำถามต่อแฟน ๆ มากว่า มีที่มาอย่างไร เหตุใดเขาถึงเป็นเช่นนี้ ซึ่งเราเชื่อได้ว่านี่คงจะเป็นที่ที่การผจญภัยในโลกมุมใหม่ของเขาได้เริ่มต้นขึ้น ถัดมาที่ตัวละครสาว Elsa Bloodstone (Laura Donnelly) ที่ในเรื่องราวก็ได้โชว์ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ Jack ที่ได้ก่อตัวขึ้นอย่างน่าสนใจและน่าติดตาม อีกหนึ่งตัวละครที่ต้องพูดถึง คือ อสุรกายแห่งหนองน้ำ Man-Thing ที่แฟน ๆ ต่างคาดว่า การมาถึงของอสุรกายตนนี้จะต้องมีความสำคัญเป็นอย่างมากแน่นอน รวมไปถึงวัตถุโบราณทรงอำนาจอย่าง Bloodstone ที่อาจจะเป็นไอเทมชิ้นสำคัญชิ้นใหม่ที่มีผลสำคัญต่อจักรวาล และอาจจะนำไปสู่การรวมทีมเหนือธรรมชาติอย่าง Midnight Sons ก็เป็นได้บททดสอบสุดยิ่งใหญ่ของ Wakanda - Black Panther: Wakanda Forever (2022)"Show them... who we are."(สำแดงให้โลกเห็น...ว่าเราคือใคร)- Queen Ramonda -แฟน ๆ และนักแสดงทั้งหลายต่างรู้สึกเศร้าโศกและสะเทือนใจไม่น้อยกับการจากไปของนักแสดงเจ้าของบทบาทกษัตริย์ T'Challa หรือ Black Panther อย่าง Chadwick Boseman ที่ซึ่งได้นำพาความสูญเสียอันใหญ่หลวงสู่จักรวาล MCU เป็นอย่างมาก และเหลือไว้เพียงแต่คำถามที่ว่า แล้วเรื่องราวของ Black Panther และประเทศ Wakanda จะเป็นเช่นไรต่อไป และดูเหมือนว่า เพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติแก่ Chadwick อย่างถึงที่สุด Marvel Studios จึงขอตัดสินใจที่จะไม่รีแคสนักแสดงคนใหม่มารับบทเป็น T’Challa พร้อมทั้งขอสานต่อตำนานแห่ง Wakanda กับ Black Panther: Wakanda Forever ที่ซึ่งประเทศที่ทรงอำนาจมากที่สุดกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด เมื่อกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่วายชนม์ พร้อมทั้งต้องรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหม่ที่เคลื่อนพลมาจากใต้ผิวน้ำ นำโดยคู่ปรับที่น่าเกรงขามอย่าง Namor (Tenoch Huerta) แห่งเมือง Talokanเราสามารถพูดได้ว่า ถึงแม้ Black Panther: Wakanda Forever จะไม่ได้เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบนัก แต่ก็นับว่าเป็นภาพยนตร์ส่งท้าย Phase 4 ได้อย่างสมภาคภูมิ เพราะ นี่คือผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรัก ความคิดถึง และการสดุดีแด่ Chadwick ผู้จากไป และมาพร้อมกับความรู้สึกอันอัดแน่นจนทรงพลังจากนักแสดงทั้งปวงโดยเฉพาะจากตัวละคร Queen Ramonda (Angela Bassett) และ Shuri (Letitia Wright) มารดาและน้องสาวของ T'Challa ที่ต่างต้องน้อมรับและก้าวข้ามชะตากรรมของพวกเธอที่กำลังเผชิญอยู่ และอย่างยิ่งกับ Shuri เองในบทบาท Black Panther คนใหม่ที่เราต่างคาดหวังว่า เธอจะนำพาบทบาทนี้ได้อย่างเหมาะสมและคู่ควร ซึ่งนอกจากเรื่องราวใน Wakanda จะเป็นอะไรที่ MCU ไม่อาจละเลยไปได้ ทำให้เชื่อได้ว่าเราคงจะได้เห็นความสำคัญและตัวละครจากประเทศนี้กันต่อในอนาคต พร้อมทั้งสาวน้อยที่ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกกับ Riri Williams (Dominique Thorne) ที่เรื่องราวของเธอได้ส่งต่อไปยังในซีรีย์แยกเดี่ยวของเธอเองอย่าง Ironheart ในเฟสถัดไป แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ เรื่องราวของ Namor เทพผู้นำของชาวเผ่าใต้มหาสมุทรแห่งเมือง Talokan ที่แฟน ๆ ต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นเรื่องราวของ Talokan ที่มากขึ้นในอนาคตของ MCUอบอุ่นหัวใจในช่วงคริตส์มาส - The Guardians of the Galaxy Holidays Special (2022)"You're coming with us... as a Christmas present."(ไปกับพวกเรา...เป็นของขวัญคริสต์มาส)- Drax -หนึ่งสิ่งที่สำคัญของการขยับขยายการเล่าเรื่องมาเป็นในรูปแบบที่สามารถมอบความบันเทิงให้แก่ผู้ชมได้ง่ายขึ้น คือ Marvel Studios สามารถสร้างสรรค์เรื่องราวสุดพิเศษที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบภาพยนตร์และสนุกสนานร่วมกันได้ในครอบครัว นั่นจึงทำให้ The Guardians of the Galaxy Holidays Special เกิดขึ้น อีกหนึ่งผลงานจาก Marvel Studios Special Presentation เพื่อต้อนรับเทศกาล Christmas ประจำปี 2022 บอกเล่าเรื่องราวการเฉลิมฉลองเทศกาลวันคริสต์มาสของเหล่าทีมนักสู้พิทักษ์จักรวาล โดยที่ Drax (Dave Bautista) และ Mantis (Pom Klementieff) ได้ออกตามหาของขวัญที่ดีที่สุดให้กับ Peter Quill/Star-Lord (Chris Pratt)The Guardians of the Galaxy Holidays Special ผลงานอันอบอุ่นหัวจิตหัวใจที่สร้างสรรค์โดยผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์ Guardians of the Galaxy เองอย่าง James Gunn ก็มั่นใจได้ว่านี่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ควรค่าแก่การรับชม เพราะด้วยการออกผจญภัยแบบเบาสมองไปกับคู่จิ้นของทีมจนแทบจะเรียกได้ว่า นี่คือเรื่องราวภาคแยกของ Drax และ Mantis เอง ประกอบกับการได้ดาราระดับตำนานอย่าง Kevin Bacon มาเป็นเล่นตัวเองในจักรวาล MCU ก็เป็นอะไรที่สร้างสีสันไม่น้อยเลยสำหรับวันคริสต์มาส คิดซะว่า นี่ถือเป็นโอกาสได้ทบทวนความสัมพันธ์ของเหล่าผู้พิทักษ์จักรวาลกัน ก่อนที่เราจะได้ไปปิดตำนานร่วมกับพวกเขาใน Guardians of the Galaxy Vol. 3จากทั้งหมดข้างต้น ที่ซึ่งต้องยอมรับอีกครั้งว่า ถึงแม้ MCU Phase 4 จะถูกมองว่ามีปัญหาทางด้านคุณภาพของเนื้องานไม่มากก็น้อย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะปริมาณผลงานที่รีบเร่งผลิตออกมาจนเยอะเกินไปในช่วง 2 ปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เฟสนี้ Marvel Studios ได้ทดลองอะไรใหม่ ๆ และเจ๋ง ๆ ไปไม่น้อย เพื่อหาความเหมาะสมของการนำเสนอและแผ่ขยายสไตล์การเล่าเรื่องแบบใหม่ ๆ เข้าสู่ผู้ชมและแฟน ๆ มากขึ้น เพื่อที่จะนำพาเราไปพบกับมุมมองและขอบเขตใหม่ ๆ ที่มากขึ้นกว่าที่จักรวาลเคยนำมา และรอต้อนรับการมาถึงของ Phase 5-6 ที่จุดปลายของเรื่องราว คือ การปิดฉากเรื่องราวสุดยิ่งใหญ่ The Multiverse Sagaขอบคุณข้อมูล และรูปภาพข้อมูลและ ภาพปก จาก Official Website Marvel.comคลิปวิดีโอจาก YouTube: Marvel Entertainmentภาพประกอบที่ 1 จาก Official Instagram avengersภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 | ภาพประกอบที่ 8 | ภาพประกอบที่ 11 | ภาพประกอบที่ 12 | ภาพประกอบที่ 13 | ภาพประกอบที่ 15 | ภาพประกอบที่ 16 | ภาพประกอบที่ 17 | ภาพประกอบที่ 18 | ภาพประกอบที่ 19 จาก Image Gallery ใน Official Website Marvel.comภาพประกอบที่ 4 จาก Official Instagram officiallokiภาพประกอบที่ 9 จาก Official Instagram spidermanmovieภาพประกอบที่ 10 จาก Official Instagram hawkeyeofficialภาพประกอบที่ 14 จาก Official Instagram thorofficialคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน