Movie ReviewLumberjack The Monster (2023)เข้มข้นขึงขังเร้าใจท้าทายมโนสำนึกเมื่อชั่วปะทะชั่วโดยมีหัวใจคนดูเป็นตัวประกันอยู่ตรงกลางจะมีหนังอยู่ประเภทหนึ่งที่สารภาพว่าผู้เขียนไม่ค่อยถูกโฉลกถ้าไม่น่าสนใจจริงๆจะไม่เปิดดูนั่นคือหนังสยองขวัญอันนี้รวมถึงหนังผีและหนังสยองชวนแหวะทั้งที่เมื่อก่อนตอนอายุยังไม่มากก็ดูได้หมด อาจเพราะการดูหนังของผู้เขียนในปัจจุบันที่อายุอานามปาเข้าไปสูงวัยและมีอะไรให้คิดให้ทำมากมายจนกลายเป็นสมองรกก็เริ่มจะหาความบันเทิงมาหล่อเลี้ยงสมอง เพราหนังสยองขวัญมักมีภาพที่ชวนหดหู่หัวใจเลือดสาดแขนขาขาดกระจายส่งผลถึงอารมณ์ทำให้กลายเป็นไม่บันเทิงเอายิ่งดูยิ่งหดหู่ใจทำให้ผู้เขียนค่อนข้างจะเลี่ยงแต่ก็ใช่ว่าจะปิดประตูใจไม่ดูเอาเสียเลย ซึ่งก็กลายเป็นว่าถ้ามีหนังที่น่าสนใจก็ยังดูแต่ก็ต้องมีอะไรมาดึงดูดใจพอสมควรเช่นเดียวกับหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ที่เพิ่งมีโอกาสได้ดูกับหน้าหนังที่เป็นหนังสยองขวัญฆาตกรโรคจิต ซึ่งที่จริงแล้วทางญี่ปุ่นนี่แหละตัวดีที่ถ้าเป็นหนังแนวเลือดสาดล่ะก็ไม่เสียดายน้ำแดงเลือดเทียมกันเลยทีเดียวแต่แรงดึงดูดมันดันมีมากพอให้ลองดูสักหน่อยนั่นคือไอเดียของหนัง เพราะการเอาความชั่วมาปะทะความชั่วแล้วให้คนดูเป็นคนกลางตัดสินระหว่างการห้ำหั่นกันของสองปีศาจในเรื่องนี้ที่น่าดูอย่างยิ่งเปิดหัวมาที่การบุกทลายรังของนักวิทยาศาสตร์ที่จับเด็กไปทดลองอย่างโหดเหี้ยมที่กลายเป็นโศกนาฏกรรม แล้วสามสิบปีต่อมาก็มีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสะเทือนขวัญเมื่อฆาตกรใช้ขวานทำร้ายเหยื่อจากด้านหลังและควักสมองของเหยื่อออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายวิเคราะห์พฤติกรรมคนร้ายรันโกะ โทชิโระ (นานาโอะ) ก็พบจุดเชื่อมโยงของคดีที่ว่าเหยื่อมาจากบ้านเด็กกำพร้าและสังคมรังเกียจเหมือนกัน ในขณะเดียวกันทนายความอากิระ นิโนมิยะ (คาสึยะ คาเมนาชิ) ก็ตกเป็นเป้าหมายต่อไปของฆาตกรที่แต่งกายเหมือนมาจากหนังสือภาพอสุรกายคนตัดไม้ (Lumberjack The Monster) ที่โด่งดัง ทว่าความจริงก็คือทนายอากิระ นิโนมิยะที่รอดมาได้ก็เป็นฆาตกรโรคจิตเช่นกันด้วยการเป็นคนที่มีอาการไซโคพาธที่ฆ่าคนโดยไม่สะทกสะท้าน แต่เมื่อโดนโจมตีแล้วรอดไปเขาจึงได้เข้ารับการรักษาผลการตรวจก็พบว่าในสมองของเขาถูกฝังชิประบบประสาทไว้โดยที่เขาไม่รู้ตัวและนั่นอาจเป็นสาเหตุของการถูกฆาตกรปองร้าย แล้วฆาตกรอสุรกายคนตัดไม้จะเป็นใครจะเกี่ยวกับอดีตของอากิระ นิโนมิยะอย่างไรคดีนี้จึงต้องถูกไขให้กระจ่างเข้มข้นขึงขังเร้าใจโดยไม่ต้องตั้งท่ามาหลอกหรือซับซ้อนเล่นท่ายากแต่พลิกแพลงได้อย่างน่าทึ่ง ถ้าว่ากันที่มาตรฐานงานแนวนี้คืองานทริลเลอร์ระทึกขวัญที่เล่าเรื่องของฆาตกรต่อเนื่องหรือฆาตกรโรคจิตแบบนี้สิ่งที่ต้องมีคือความซับซ้อนซ่อนเรื่องในเรื่อง นั่นคือตั้งใจมาหลอกสองสามชั้นก็ว่ากันไปแต่เรื่องนี้เลือกจะไม่ไปทางนั้นแค่เลือกที่จะเปิดหน้าไปตรงๆด้วยไอเดียเริ่มต้นที่เข้าท่า เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของตำรวจตามสืบหาเพื่อหยุดยั้งฆาตกรต่อเนื่องแต่เป็นเรื่องของฆาตกรต่อเนื่องที่ตามล่าเหยื่อที่เป็นพวกโรคจิตแล้วฆาตกรโรคจิตที่เป็นเหยื่อก็ต้องการเอาคืน โดยที่ให้ตำรวจอยู่ตรงกลางเพื่อสืบหาว่าใครคือฆาตกรและมีมูลเหตุจูงใจอะไรที่เป็นของมันต้องมีในหนังแนวนี้และเรื่องนี้ก็เล่าเรื่องได้ลงรายละเอียดไม่มีหลุดหรือลอยมา กระนั้นก็อย่างที่ว่าคือไม่ได้พยายามซ่อนอะไรเรื่องแรงจูงใจหรือมูลเหตุแห่งการฆาตกรรมก็เฉลยออกมาเรื่อยๆตามเวลาอันสมควรทำให้เรื่องไปข้างหน้าอย่างลื่นไหล แต่แม้จะเหมือนไม่พยายามมาเล่นท่ายากก็ยังมีความพลิกผันพลิกแพลงที่ความจริงก็แค่เรื่องง่ายๆพื้นๆแต่หนังไหลลื่นไปจนคนดูลืมนึกถึงไปอย่างน่าทึ่งเลือกเล่นกับสมองด้วยความสงสัยแล้วเดินหน้าไปด้วยการสะกดอารมณ์ ในส่วนของไอเดียเริ่มต้นที่ว่าเข้าท่าก็คือการหยิบเอาเรื่องเล่าเรื่องความชั่วและความดีมาเดินเรื่องด้วยการให้ความชั่วร้ายมาปะทะกันแล้วดูว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ แต่แม้จะเป็นเรื่องของการปะทะกันระหว่างฆาตกรต่อเนื่องกับเหยื่อที่เป็นฆาตกรโรคจิตไซโคพาธที่ก็ไม่ต่างกันแต่การปะทะกันหาใช่การต่อสู้ทางกายภาพไม่ ทำให้ถ้าหวังจะเอาฉากต่อสู้มันส์ๆเลือดสาดแขนขาขาดเลือดสาดกระจายเรื่องนี้อาจไม่มีให้มากนักแต่เป็นการปะทะกันทางความคิดเชิงไหวชิงพริบกันระหว่างคนดูกับบทหนังมากกว่า หนังจึงเน้นบทสนทนาและอาการน่าสงสัยตั้งแต่เริ่มต้นแล้วให้บทสนทนาและเหตุการณ์ที่ค่อยๆขมึงตึงมาเป็นตัวกดอารมณ์อย่างขึงขังแข็งแรง และก็เป็นแบบนี้ทั้งเรื่องโดยไม่มีจังหวะเวลาหย่อนอารมณ์เลยซึ่งโชคดีที่นี่คือหนังญี่ปุ่นที่จะออกแนวเรียบเรื่อยค่อยๆเล่าทำให้อารมณ์ไม่ถูกกดจนอึดอัดเกินไป ซึ่งก็หมายถึงความพอดีที่จะพาคนดูที่อารมณ์ถูกกดไว้ติดตามไปว่าเรื่องจะลงเอยยังไปใครจะเป็นฆาตกรและสุดท้ายใครจะรอดชีวิตแล้วตำรวจจะจับคนร้ายได้ยังไงตามแนวคงไม่ใช่ความตื่นเต้นแต่เป็นความเร้าใจเมื่อเรื่องมีแรงดึงดูดไปได้เรื่อยๆจนเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง จะว่าไปการดูเรื่องนี้แบบยาวไปเพราะหนังมีแรงดึงดูดให้ติดตามไปเรื่อยๆอาจเรียกว่าความตื่นเต้นไม่ได้เพราะหนังไม่เน้นความโฉ่งฉ่างหรือมาเพื่อให้ตกใจ แต่เป็นความเร้าใจที่เป็นความฉลาดลึกล้ำที่เอาหัวใจคนดูไปเป็นตัวประกันอยู่ตรงกลางระหว่างปีศาจสองตนที่ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน แต่ถ้าลองพินิจให้ดีคนดูจะอยู่ทางฝ่ายตำรวจที่ต้องสืบหาความจริงขุดคุ้ยมูลเหตุของคดีฆาตกรรมครั้งนี้มากกว่าทำให้เป็นความเร้าใจที่แรงพอ แล้วเมื่อหนังสามารถกดอารมณ์คนดูได้เพราะจะมองซ้ายก็ฆาตกรจะมองขวาก็ฆาตกรความเร้าใจที่ว่าจึงทำให้เหมือนหายใจไม่ทั่วท้องทั้งที่ไม่ได้มีฉากให้ลุ้นหรือสะดุ้งตกใจเลย นั่นเพราะสมองของคนดูเลือกข้างไม่ได้ด้วยสาเหตุที่ว่าจึงไม่ต้องลุ้นว่าใครจะฆ่าใครแต่อยากรู้ความเป็นไปและจุดสิ้นสุดเท่านั้นที่เมื่อถึงเวลาความพลิกผันก็ทำงานของมันได้อย่างดี สุดท้ายเมื่อหัวใจคนดูที่เป็นตัวประกันอยู่ได้รับรู้เรื่องราวที่เฉลยความรู้สึกที่มีต่อฆาตกรทั้งสองก็อาจเปลี่ยนไปไม่ต่างจากเหตุการณ์ในเรื่องเมื่อไม่ต้องซ่อนเร้นในเรื่องบางอย่างการแสดงก็ออกมาได้อย่างที่ต้องการโดยสมบูรณ์ เพราะบทหนังไม่ได้ซ่อนเร้นอะไรคือเปิดหน้ากันไปเลยว่าใครเป็นใครที่อาจมีชี้นำบ้างแต่ถ้าเอาตามตรงก็คือเดาไม่ยากว่าใครเป็นฆาตกรสวมหน้ากากอสุรกายคนตัดไม้ แต่ที่เจ๋งคือหนังสามารถพาให้คนดูคิดตามไปได้ว่าไม่เป็นอย่างที่คิดหรืออาจจะเป็นคนนี้ที่ใช่ฆาตกรทั้งที่ความจริงแล้วคนดูมีอยู่ในใจแล้ว และในส่วนของฆาตกรโรคจิตที่ไม่ได้สวมหน้ากากอสุรกายแต่สามหน้ากากเป็นตัวเองอย่างทนายความโรคจิตก็ถูกถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์และน่าสะพรึงของคาสึยะ คาเมนาชิ ทำให้จะว่าไปนี่กลายเป็นหนังของเขาแทบจะคนเดียวเพราะเปิดหน้าเขาว่าเป็นฆาตกรโรคจิตไซโคพาธเลยเปิดโอกาสให้เขาได้โชว์ของเต็มที่ทำให้ไม่เหลือพื้นที่ความเห็นใจแม้แต่น้อย ส่วนนักแสดงหญิงที่มีบทเด่นที่น่าจะเด่นคู่กันแต่บทไม่ได้ให้มิติตัวละครที่ลึกนักก็ทำให้บทตำรวจนักวิเคราะห์จิตใจฆาตกรของนานาโอะกลายเป็นโดนคาสึยะ คาเมนาชิข่มมิด ยังไม่ต้องไปเอ่ยถึงบทคู่หมั้นของริโกะ โยชิโอกะที่ถ้าไม่มีก็อาจไม่เสียหายอะไรด้วยซ้ำเหมือนเดิมที่อาจไม่ใช่ความบันเทิงเพราะอารมณ์เหมือนจะดิ่งแต่ก็ไม่ถึงกับต้องเบือนหน้าหนีเป็นหนังดีที่ดูสนุก สำหรับผู้เขียนแล้วอย่างที่ออกตัวไว้ว่าการดูหนังแบบนี้บางทีก็ไม่ใช่ความบันเทิงและหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นแต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าเป็นหนังที่ดูสนุก แล้วถ้ามองกันที่คุณภาพการสร้างตั้งแต่บทหนังไปถึงการเล่าเรื่องหรือการคุมโทนให้อยู่ในความพอดีไม่ตึงเกินไปและไม่หย่อนยานจนรู้สึกน่าเบื่อหนังเรื่องนี้จัดว่าอยู่ในระดับงานดี ที่ว่าพอดีนั่นคือแม้หนังจะเหมือนกดอารมณ์จนดิ่งแต่ก็ไม่ได้ดิ่งลึกมากนักมีอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้องบ้างแต่สิ่งเร้าที่จะทำให้ทนไม่ไหวจนเบือนหน้าหนีหรือหยุดดูก็ไม่มีเลย อาจเพราะเจตนาที่ชัดที่จะมาเล่นกับอารมณ์เป็นหลักไม่ได้มาเพื่อบีบคั้นหรือสยองแบบฉาบฉวยเอาจริงความสยองนั้นแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่หนังเดินหน้าด้วยความสงสัยในใจคนดูเต็มที่และคนดูเหมือนกับอยู่ตรงกลางระหว่างปีศาจสองตนที่หนังสามารถดึงคนดูไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ได้ทั้งที่ไม่ได้มีใจฝักใฝ่ฝ่ายใดเลย แน่นอนในความเป็นหนังญี่ปุ่นก็จะไม่เร่งรีบแต่หนังมีดีที่รายละเอียดจึงจัดเป็นงานที่คุ้มค่ากับเวลาที่ดูดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก X 映画『怪物の木こり』公式เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !