แตงโม ห่วง เติ้ล ป่วยซึมเศร้า-อาการน่าเป็นห่วง แจงเหตุผลขอให้ลบคลิปเท้าเขี่ยหน้า
แตงโม นิดา ห่วง เติ้ล ธนพล ป่วยซึมเศร้า-อาการน่าเป็นห่วง แจงเหตุผลขอให้ลบคลิปเท้าเขี่ยหน้า ชื่นชม นิวนิว ดูแลไม่ทอดทิ้ง
แม้จะขาดการติดต่อกันไปพักใหญ่ แต่มิตรภาพยังเหมือนเดิม เมื่อดาราสาว แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ แสดงความห่วงใยไปถึง เติ้ล ธนพล พระเอกชื่อดัง หลังมีอาการป่วยซึมเศร้าจนไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้ แถมล่าสุดพระเอกหนุ่มได้โพสต์คลิปใช้เท้าเขี่ยหน้าแฟนสาว ทำให้ สาวแตงโม รีบเข้าไปคอมเมนต์ขอให้ลบทันที
ทั้งนี้ แตงโม นิดา ได้เปิดใจกับทาง “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ถึงความเป็นห่วงที่มีต่อพี่ชายร่วมวงการว่า “โมเป็นห่วงพี่เติ้ลมาก ดูแล้วโมน้ำตาไหลร้องไห้ โอ้โหแบบ! เป็นห่วงมากเป็นห่วงทั้งสองคนเลย โมไม่รู้จักกับน้องนิวนะคะแต่โมมีความรู้สึกว่าน้องคนนี้อยากจะรักษาพี่เติ้ลจริงๆ แล้วมันหาได้ยากมากๆ เลยคนที่พยายามจะรักษาคนที่ไม่สบาย แล้วมีความอดทน ให้อภัย ที่สำคัญเป็นลูกผู้หญิงด้วย”
“เลยรู้สึกว่ามีความเป็นห่วงทั้งคู่เลย อยากให้เขาเข้มแข็งทั้งคู่ แล้วก็อยากให้เขาทั้งสองคนมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น สู้กับโลกใบนี้ให้ได้ บางคนอาจจะสงสัยว่าโมไปเสื-กอะไรกับเขา ต้องอธิบายก่อนว่าโมกับพี่เติ้ลร่วมงานกันมาหลายเรื่องมากตั้งแต่เด็กๆ เลย พี่เติ้ลเข้ามาเรื่องแรกก็เล่นกับโมเลย หลังจากนั้นพอเราสนิทสนมกันก็มีโอกาสได้พูดคุยกันเรื่องพวกนี้ ในเรื่องของการเป็นโรคซึมเศร้า แนะนำการในเรื่องของการรักษา เราคุยกันเรื่องพวกนี้ตลอด”
“แล้วก็อยู่ในช่วงที่วันหนึ่งเราขาดการติดต่อกันไป ทีนี้พอจะติดต่อกลับไปเราหาไลน์เขาไม่เจอติดต่อไม่ได้ พอเห็นคลิปก็ช็อก ไม่รู้จะพูดยังไงใจหล่นเลยเหมือนแบบเพื่อนรักเราคนหนึ่งที่เคยปรับทุกข์กับเราแล้วเข้าใจว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้มันเกิดจากอะไร แล้วเห็นเขาพูดว่าบางครั้งสิ่งที่เราทำไปสติเขาหลุด เขาจำไม่ได้ แสดงว่าอาการค่อนข้างที่จะแบบน่าเป็นห่วงเหมือนกัน”
ตัดสินใจนานไหมก่อนที่จะเข้าไปคอมเมนต์? “ไม่นานเลยค่ะ คิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้พี่เติ้ลลบให้ได้ แต่กดไลน์หาชื่อเท่าไหร่ไม่เจอ ทำไมหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ โมจึงส่งข้อความไปบอกเลยว่า พี่...หนูขอโทษ หนูไม่ได้อยากที่จะออกสื่อหรือเตือนพี่แบบนี้เลย แต่ว่าหนูขอให้พี่ลบได้ไหม โมก็จำไม่ได้ว่า ณ เวลานั้นเขียนอะไรไปบ้าง ด้วยความที่หัวใจเต้นแรงมาก อยากให้ลบเดี๋ยวนั้นเลย คือโมเป็นห่วงคนอื่นที่จะมองเขาว่ามันอะไรกันอีก”
เหตุผลหลักที่อยากให้เขาลบคลิป? “ผลเสียมันก็อยู่ที่ทุกฝ่ายอ่ะค่ะ อยู่ทั้งผู้ที่โพสต์ด้วย ผู้ที่อยู่ในโพสต์ด้วย และผู้ที่รับสารด้วย ผู้ที่เสพสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ประโยชน์จากคลิปนี้เลย”
ที่บอกว่าเคยปรึกษาพูดคุยกันเรื่องโรคซึมเศร้ามาก่อน แสดงว่าพี่เติ้ลป่วยมานานแล้วเหรอ? “เอ่อ…โมจำไม่ได้ว่าเราเปิดใจคุยกันเมื่อไหร่ แต่โมจำได้ว่าช่วงที่ร่วมงานกันเรื่องสุดท้าย พี่เติ้ลมีอาการมือสั่นค่อนข้างเยอะ โมก็หันไปถามเลยว่า พี่เติ้ลไม่ได้กินยามาใช่ไหม เพราะโมเข้าใจว่าคนที่ไม่กินยามีเหตุผลเดียวคือกลัวที่จะไม่ตื่น เขาก็เหมือนส่งสายตามาว่าเออใช่ โมก็แนะนำว่าโมมีคุณหมอดีนะ ที่ทำให้โมดีขึ้นยังไงบ้าง”
เผชิญกับโรคซึมเศร้าเหมือนกันเลยค่อนข้างเข้าใจ? “คือโมเข้าใจแล้วก็อยากจะอธิบายในบางส่วนที่คนไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงเป็นไปได้ จริงๆ แล้วมันเกิดจากบาดแผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วถ้า ณ วันหนึ่งมันมีคำบางคำที่ไปกระตุ้นโรคของเขา คือคนเป็นโรคซึมเศร้าจะชอบโทษตัวเองอยู่แล้ว บางครั้งมันเปลี่ยนชีวิตคนได้เลยค่ะ บวกกับบางคนที่รับประทานยาจริง แต่คุณไปดื่มแอลกอฮอล์หรืออะไรก็ตามที่มันไปหักล้างกับยา การทานยาก็เท่ากับศูนย์ บางคนก็จะไม่รู้”
เท่าที่ประเมินพี่เติ้ลถือว่าอาการหนักไหม? “โมเองก็ไม่ทราบอาการพี่เติ้ลหนักไหม ณ ตอนนี้ เพราะว่าโมขาดการติดต่อกับเขาไประยะหนึ่ง เลยไม่ทราบว่าอาการก่อนหน้านี้เป็นยังไง จึงไม่รู้ว่าสวิงไปถึงไหนแล้ว”
อยากบอกอะไรกับพี่เติ้ลบ้าง? “โมได้ไลน์น้องนิวมาเลยบอกและย้ำน้องไปแล้วในเรื่องของการรักษา คือต้องเป็นการรักษาทั้งทางด้านของทานยาปรับสารเคมีในสมองด้วยเพราะต้องเข้าใจว่าสมองเราพิการ วินัยในการทานยาต้องดี ส่วนทางใจเราต้องเยียวยาเข้าไปถึงจิตใต้สำนึก บางครั้งเราแก้นิสัยภายนอกไม่ได้ เราต้องแก้ที่ข้างในจิตใจเข้าไปเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่เท่ากับการที่คนคนหนึ่งรู้สึกว่า ฉันอยากหายอ่ะ ฉันต้องหาย ฉันจะไม่ตกเป็นทาสของโรคนี้อีกแล้วซึ่งโมก็เป็นคนคนนั้น”
คิดว่าพี่เติ้ลจะกลับมาเป็นพี่ชายที่น่ารักสดใสเหมือนเดิมได้ไหม? “เป็นไปได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ รับประกันเลย 100% แล้วจะมีความสุขมากๆ ด้วย ทุกคนรักพี่เติ้ล แล้วก็รอการกลับมาของพี่เติ้ลเหมือนเดิม ทุกคนอยากจะกอดพี่เติ้ลเหมือนเดิมแล้วค่ะ คิดถึงมากๆ ค่ะ”
“จริงๆ คนที่น่าเห็นใจก็คือมีน้องนิวด้วย ความเป็นผู้หญิงมันจะบอบบางและเซ้นซิทีฟกว่า การที่จะต้องอยู่กับพี่เติ้ล ซึ่งโมว่าพี่เติ้ลก็ดื้อพอสมควร ฉะนั้นเวลารักษาต้องรักษาไปควบคู่กัน ไม่ได้หมายถึงว่าน้องนิวป่วย แต่หมายถึงว่าน้องนิวต้องรู้ว่าการที่จะอยู่กับคนป่วยเราจะต้องดูว่าเขาคิดอะไรยังไง ซึ่งเท่าที่โมได้คุยกับน้อง โอ้โห! น้องเชี่ยวชาญพอสมควร น้องค่อนข้างเก่งแล้วค่ะ”