Short CommentTaxi Driver แท็กซี่จ้างแค้น 2 (2023)วิ่งเต็มสปีดบนเส้นทางเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ ตื่นเต้นเร้าใจบีบคั้นในแบบที่ควรเป็นเหมือนเป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษหลายครั้งที่ดูไปบ่นไปได้เขียนถึงหนังหรือซีรีส์ภาคต่อที่มีการสร้างสานต่อมาหลังจากที่จุดเริ่มต้นประสบความสำเร็จว่าเป็นความเสี่ยง เพราะถ้าไม่มีดีจะไม่มีการสานต่อออกมาทำให้ภาระหนักไปอยู่ที่ภาคต่อหรือซีซันต่อที่จะสืบสานความสนุกและความดีที่มีในตัวไว้ บ่อยครั้งที่เรามักเห็นการสานต่อที่พยายามฉีกออกไปให้เป็นความต่างซึ่งก็มีบ้างที่คิดต่างแล้วดีแต่ก็มีไม่น้อยที่ความต่างกลายเป็นความพินาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอะไรก็ตามที่เรื่องราวได้จบลงสวยงามไปแล้วแม้จะมีการทิ้งเชื้อไว้ก็คือการสรุปแบบมีบทสรุปไม่ใช่ค้างเอาไว้ให้คาใจ แล้วเมื่อจุดเริ่มต้นซีซันแรกหรือภาคแรกประสบความสำเร็จภาคสองหรือซีซันต่อมาก็จะขายได้ด้วยชื่อแต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือความคาดหวังของคนดูที่สูงลิบเพราะเคยได้ดูและได้ประทับใจ ทำให้อีกทางเลือกหนึ่งในการสานต่อเรื่องราวประมาณนี้จึงออกมาคือเดินตามทางเก่าที่เคยทำสำเร็จเพราะธรรมชาติคนดูที่เป็นมนุษย์ก็จะมีความคุ้นชินกับรสสัมผัสเดิมๆ เช่นเดียวกับซีซันที่สองของละครเกาหลีที่ซีซันแรกสนุกอารมณ์ประมาณดูการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ทำให้จะคิดต่างไปทำไมเมื่อเป็นอย่างเดิมก็สนุกได้มิใช่หรือหลังจากภารกิจสุดท้ายเมื่อซีซันก่อนทุกคนในทีมแท็กซี่ VIP ในนามแท็กซี่ชำระแค้นก็แยกย้ายกันไปตามทาง มีเพียงคิมโดกี (อีเจฮุน) ที่ยังขับแท็กซี่อยู่ที่บริษัทแท็กซี่สายรุ้งกับ ผอ.จางซองชอล (คิมอึยซอง) แต่คราวนี้เขาขับแท็กซี่ธรรมดาเพื่อหาเลี้ยงชีพ จนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่พ่อคนหนึ่งตามหาลูกชายที่หายไปเพราะไปทำงานที่เวียดนามแล้วมีอะไรไม่ชอบมาพากล เรื่องจึงเดินเข้ามาหาคิมโดกีกับ ผอ.จางซองชอลเพื่อสืบเรื่องของชายหนุ่มหนึ่งคนที่หายไปอย่างน่าสงสัยแต่กฎหมายทำอะไรไม่ได้ คิมโดกีจึงเดินทางไปเวียดนามเพื่อช่วยพ่อตามหาลูกชายที่หายตัวไปซึ่งไปทำงานที่นั่น แต่แล้วเมื่อเมื่อคดีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้นและบางอย่างต้องอาศัยผู้ชำนาญอันโกอึน (พโยเยจิน) กับชเวคยองกู (จางฮยอกจิน) และพัคจินออน (แบยูรัม) ตัดสินใจกลับไปที่แท็กซี่สายรุ้งอีกครั้งเพื่อรับหน้าที่ที่พวกเขาถนัดที่สุด กระทั่งคิมโดกีช่วยชีวิตลูกชายที่หายไปกลับมาได้พร้อมทลายขบวนการนอกกฎหมายไกลถึงเวียดนาม หลังจากนั้นบริษัทแท็กซี่สายรุ้งก็ได้คนขับรถคนใหม่คืออนฮาจุน (ชินแจฮา) ที่เหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่อัดเต็มสปีดด้วยความเร็วแรงกับชั้นเชิงเดิมๆที่ตั้งหน้ามาขายความสะใจ จากซีซันที่แล้วจุดขายอยู่ที่ความง่ายเดินหน้าไปเร็วแบบไม่ต้องซับซ้อนไม่ต้องตั้งท่ามาหักมุมทำให้เรื่องเดินหน้าไปอย่างแรง แล้วเมื่อมาถึงซีซันสานต่อก็ยังคงเล่นท่าเดิมชั้นเชิงเดิมคือไปกันซื่อๆเร่งสปีดบนทางตรงด้วยคดีที่บีบหัวใจให้คนดูรู้สึกแค้นไปกับคนต้นเรื่อง แล้วเมื่อแค้นมากเวลาที่ความแค้นถูกชำระก็คือความสะใจที่ชัดเลยว่าตั้งใจมาขายส่วนนี้เพราะก็ขยันบี้ความรู้สึกกันเสียจริง แม้ว่าเรื่องที่เป็นแกนหลักอาจจะดูใหญ่ขึ้นเพราะว่ากันถึงอาชญากรข้ามชาติที่ยากจะจัดการ แต่เมื่อมองให้ดีทุกอย่างยังคงเดินตามเส้นทางเดิมทิวทัศน์เดิมๆเปลี่ยนแค่ป้ายโฆษณาข้างทางที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แน่นอนเมื่อเรื่องตั้งใจจะไม่เปลี่ยนทางคนดูก็จะเข้าใจว่าอะไรที่เป็นริ้วรอยในบทที่ยังมีความง่าย หรือช่องว่างและศูนย์ถ่วงระหว่างกฎหมายกับศาลเตี้ยที่หายไปว่าไม่เป็นไรเพราะยังไงเรื่องนี้ก็ออกมาแนวการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่รัตติกาลแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถึงที่สุดอาจเห็นช่องโหว่และบาดแผลมากมายก็แค่คิดว่าดูละครซุปเปอร์ฮีโร่ที่มาเพื่อความสะใจก็ไม่มีอะไรเสียหายคดีปลีกย่อยเชื่อมกับคดีหลักติดบ้างไม่ติดบ้างแต่เมื่อเอกลักษณ์เป็นแบบนี้ใครเล่าเขาจะสน อีกสิ่งที่เป็นชั้นเชิงที่ได้ผลในละครที่มีจำนวนตอนมากระยะเวลาฉายยาวแบบนี้คือการแบ่งซอยเป็นเรื่องย่อยเพื่อประกอบเข้ากับเรื่องใหญ่เพื่อเร้าใจสุดขีดในบทสรุป ซึ่งถ้าว่ากันที่เรื่องเล่าย่อยๆคดีระหว่างทางถือว่าจัดการอารมณ์ได้อยู่เหมือนเดิมและยังคงรู้ว่าพลพรรคแท็กซี่สายรุ้งจะต้องเจออะไรที่ช่วงปลายทางแน่นอนเหมือนเดิมเหมือนเป็นเอกลักษณ์อีกแล้ว แต่เมื่อคนดูรู้แล้วว่าช่วงแรกเป็นอย่างไรช่วงกลางจะเป็นอย่างไรช่วงท้ายจะเป็นอย่างไรทำให้เห็นรอยแยกระหว่างคดีย่อยๆที่จะเชื่อมเข้าหาคดีใหญ่ในบั้นปลายว่าต่อกันติดบ้างไม่ติดบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะในคดีย่อยๆมอบความสนุกให้คนดูได้ทุกอารมณ์ทั้งตลกขบขันซาบซึ้งกินใจบีบหัวใจและแน่นอนคือความมันส์สะใจ เพราะบางครั้งคนดูก็มัวแต่สนุกไปกับเรื่องตรงหน้าทำให้จับจุดเชื่อมโยงกันไม่ติดแต่เมื่อมาเพื่อสนุกใครเล่าเขาจะสน เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจมาซับซ้อนแต่แรกแก่นแท้ก็ง่ายๆคือใครทำอะไรก็ต้องได้ผลตอบแทนอย่างสาสม และสิ่งที่ต้องชมคือความพลิกผันที่เหมือนเป็นรางวัลกับคนดูทำให้ไม่รู้สึกว่าถูกทำร้ายจิตใจจนเกินควรอาจมีอะไรขาดไปบ้างแต่เหมือนตัวละครพัฒนาขึ้นในหลายมิติ สิ่งที่ทำให้ซีซันแรกมีมิติที่ซับซ้อนและเป็นทางแยกให้สมองและหัวใจคนดูคือการตีแผ่อาชญากรรมที่กระทบต่อสังคมโดยให้คนดูชั่งน้ำหนักระหว่างกฎหมายกับศาลเตี้ย ซึ่งแน่นอนคนดูจะอดคิดไม่ได้แม้ว่าน้ำหนักที่ถ่วงไว้ในซีซันแรกจะไม่ถึงกับสมดุลแต่เชื่อเถอะว่าอดคิดไม่ได้ในเรื่องของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ละเลยคนบางกลุ่มจนเกิดขบวนการศาลเตี้ย ซึ่งในสมองคนดูจะแบ่งแยกว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่ถูกระหว่างจัดการตามกฎหมายหรืออัดให้สะใจแต่สุดท้ายก็เป็นอย่างหลัง และมิติตรงนี้เองที่หายไปเหลือเพียงความสะใจเมื่อผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าผู้กระทำถูกเอาคืนได้อย่างสมแค้นแล้วความสะใจนี้เองที่ไปสุดจนลืมนึกถึงกฎหมายไปสนิท แต่สิ่งที่มาทดแทนคือตัวละครที่มีพัฒนาการขึ้นดูรอบคอบขึ้นแล้วสิ่งที่ตามมาคือการได้ลงสนามของตัวละครเบื้องหลังมากขึ้นทำให้ได้สนุกขึ้นจนกระทั่งมองเห็นมิติทางใจในความผูกพันของทีมแท็กซี่ศาลเตี้ยทีมนี้ หรืออาจเลยเถิดไปถึงอารมณ์กุ๊กกิ๊กระหว่าคิมโดกีกับอันโกอึนที่คุมไว้ได้ดีไม่ให้ล้นออกมาเอาแค่น่ารักน่าลุ้นก็สนุกพอแล้วเมื่อเป็นตัวละครที่คนดูรักมาจากซีซันที่แล้วและขายได้นักแสดงจึงไม่ต้องเล่นท่ายากทำให้ดูผ่อนคลายกว่าเดิม ส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องดูเหมือนสนุกกว่าแม้ว่าถ้าวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ยังสู้ซีซันที่แล้วไม่ได้อาจเพราะซีซันนี้การแสดงดูผ่อนคลายขึ้น เหตุผลคือนักแสดงหลักทั้งอีเจฮุน,คิมอึยซอง,พโยเยจิน,จางฮยอกจินและแบยูรัมกลับมารับบทบาทที่คนดูรักมาตั้งแต่ซีซันที่แล้ว ดังนั้นการแสดงจึงไม่มีท่ายากให้เล่นแค่เล่นให้สนุกตามลักษณะตัวละครอย่างที่เคยและการรับบทตัวละครเดิมเป็นครั้งที่สองทำให้ดูผ่อนคลายชัดเจนโดยเฉพาะอีเจฮุนกับพโยเยจินที่ซีซันนี้เห็นชัดว่าบทตั้งใจดันเธอขึ้นมาให้เด่นขึ้น สิ่งที่เห็นคือมีเคมีที่เข้ากับกับอีเจฮุนอย่างลงตัวและเห็นเสน่ห์ส่วนตัวออกมาหรืออาจเรียกได้ว่าราศีนางเอกเริ่มจับ ส่วนอีเจฮุนนั้นไม่ต้องพูดถึงการรับบทที่หลากหลายบุคลิกในเรื่องเดียวเพราะการแฝงตัวที่ทำให้คนดูผ่อนคลายไปกับเขาทั้งที่แต่ละเรื่องที่เล่าก็ไม่ใช่เบาๆ แต่การเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสีของอีเจฮุนทำให้ออกมาลื่นไหลและสนุกขึ้นอีกเป็นกองที่สำคัญเรื่องนี้ยังมีนักแสดงรับเชิญชื่อดังมาให้ตกใจเล่นหลายคนทีเดียวถ้าว่ากันตามตรงอาจจะไม่ใช่งานที่เทียบกับซีซันที่แล้วได้แต่ก็คล้ายกับอ่านการ์ตูนเล่มสอง ในซีซันที่แล้วคือความลงตัวกว่าแม้ว่าจะไม่ถึงกับเป็นงานที่เรียบร้อยเพราะก็เสนอตัวออกมาเป็นการ์ตูนตัวละครก็ไม่ต่างจากหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูน และซีซันที่แล้วมีน้ำหนักถ่วงหัวใจคนดูที่ลึกกว่าซีซันนี้ที่ไม่แน่ใจนักว่าซีซันนี้ลืมลงลึกหรือจงใจไม่ลึกเพราะตั้งใจมาเล่นสนุกขายความบันเทิงแบบมันส์สะใจ ซึ่งถ้าว่ากันที่มุมนี้ซีซันนี้เหมือนจะสนุกกว่าตัวละครฝ่ายแท็กซี่ก็ดูสุขุมขึ้นทำให้เมื่อถึงเวลาบีบความรู้สึกหนักๆแล้วเหตุการณ์คลี่คลายคนดูจะลืมไปเลยว่าอะไรมันจะดูง่ายๆไปแบบนี้ เพราะตลอดเวลาทีมแท็กซี่เหมือนไม่บุ่มบ่ามไม่ทำตามความรู้สึกเรียกอีกอย่างว่าละเอียดขึ้นแม้จะไม่เก็บทุกฝีเข็มแต่ก็มองเห็น แล้วด้วยการที่เรื่องเดินหน้าไปเร็วเพราะคนดูเทใจให้ทีมแท็กซี่ไปเรียบร้อยก็ทำให้อะไรที่เป็นริ้วรอยถูกมองข้ามไปคนดูจึงสนุกไปกับทุกคดีที่ทีมแท็กซี่ไปชำระแค้นให้ แน่นอนถ้าจะมองให้ลึกก็ไม่ต่างจากการดูซีซันแรกเพราะเดินตามทางเส้นเดิมไปตรงๆแต่เมื่อคิดอีกทีนี่ก็คือการ์ตูนเล่มสองที่ออกมาสนองความอยากของคนดูได้อย่างสมใจดีๆนี่เองดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3 / ภาพที่ 4,5,6 / ภาพที่ 7,8 จาก Instagram sbsdrama.official อ่านบทความซีซันแรกได้ที่นี่https://entertainment.trueid.net/detail/DPN4OYzDjoed จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !