Series Full ReviewThe Light In Your Eyes : ย้อนเวลารัก"เวลาและความทรงจำ" เวลาอาจไม่หวนกลับ แต่ความทรงจำจะไม่เลือนหาย อบอุ่น ซาบซึ้ง ตราตรึง และงดงามNETFLIX , TrueID : 1 Season 12 Episodes (2019)บางครั้งการดูหนังหรือซีรีส์ที่ไม่ได้คาดหวังอาจค้นพบงานที่น่าประทับใจ ผู้เขียนเองเคยเขียนไว้เมื่อนานมาแล้วว่า เรื่องราวที่มีความเป็นแฟนตาซีข้ามภพข้ามเวลาย้อนเวลาหรือว่าไปอนาคต งานจากทางญี่ปุ่นนับว่าเป็นเต้ยในการผสมผสานเรื่องราวดราม่าหรืออาจจะมีโรแมนติกผสมอยู่ข้างในนั้น และเต็มไปด้วยความหมายทั้งโดยตรงและโดยนัยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลัง ทั้งนี้ถึงวันนี้ผู้เขียนก็ยังไม่เปลี่ยนความคิดด้วยความที่งานจากญี่ปุ่นที่เป็นแนวนี้ มักจะถึงใจและประทับใจในความงดงามที่ร้อยเรียงออกมา ผ่านการเล่าเรื่องที่นิ่งเงียบดนตรีเร้าอารมณ์ที่คลอแผ่วๆ งานที่วางปมประเด็นให้คิดข้างหลังฉากหน้าที่หนังจะเสนอซึ่ง ณ ตอนนี้ในสมองพลันคิดถึงหนังอย่าง Café Funiculi Funicula (เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น – 2019) ที่เรียกน้ำตาแห่งความประทับใจที่ว่าด้วยการย้อนเวลาเพื่อไปคว้าโอกาสที่สองของชีวิตแต่นั่นมันคืองานหนัง ส่วนในงานซีรีส์นั้นด้วยความที่ช่วงหลังผู้เขียนบริโภคซีรีส์เกาหลีเป็นหลัก แต่กลับนึกถึงซีรีส์ที่มีเนื้อหาประมาณนี้ไม่ออกว่าจะมีแนวโรแมนติกดราม่าย้อนเวลาแบบนี้มีอยู่ในเรื่องไหน และทันทีที่เห็นหน้าเสื่อของงานซีรีส์เรื่องหนึ่ง ที่ว่าด้วยเรื่องของหญิงสาวที่ต้องกลายเป็นคนแก่อายุจวนแปดสิบ ในกมลก็นึกถึงภาพของความขบขันเบาสมองผ่อนคลายตามแนวทาง ที่มักจะเห็นอยู่เสมอด้วยลูกเล่นที่ว่าหญิงสาวในร่างคนชราหรือว่าคนแก่หัวใจเด็ก ที่น่าจะมาในแนวแฟนตาซีเบาๆดูแล้วเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแต่กระนั้นเมื่อได้ดูไปสักพักชักไม่ใช่ ซึ่งสิ่งที่คาดหวังมันยังมีมาเต็มที่เพียงแต่ความเป็นงานจากเกาหลีคือจะต้องมีอะไรอยู่หลังสิ่งตาเห็นมากมายเสมอ ด้วยความเข้มข้นของเนื้อหาอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม บทที่ไร้ที่ติ กับซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องการย้อนเวลาเพื่อแก้ไขเรื่องราวบางประการ และมันต้องแลกกับบางสิ่งเช่นกัน หนำซ้ำยังทำให้ผู้เขียนประหวัดไปนึกถึงหนังญี่ปุ่นเรื่องนั้นผสมกับงานซีรีส์เกาหลีชั้นยอดอีกเรื่องอย่าง Dear My Friends (เพื่อนกันจนวัยดึก – 2016) และเมื่อดูจบครบสิบสองตอน ซีรีส์เรื่องนี้ก็มอบความประทับใจให้ผู้เขียนอีกเรื่องทั้งที่ไม่ได้คาดหวังกับการดู The Light In Your Eyes เรื่องย่อคิมฮเยจา (ฮันจีมิน) หญิงสาววัยเบญจเพศที่ไม่มีงานทำแต่มีฝันจะเป็นผู้ประกาศข่าว วันหนึ่งเมื่อเธอได้เจอกับอีจุนฮา (นัมจูฮยอก) ชายหนุ่มที่มาอยู่ใหม่แถวบ้านและมีความฝันจะเป็นนักข่าว ชีวิตของฮเยจาที่เป็นเหมือนคนไร้แก่นสารที่ดูยังไงก็ไม่เห็นทางจะเดินตามความฝันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ฮเยจามีคือนาฬิกาวิเศษที่ผู้สวมมันจะสามารถย้อนเวลาได้เพื่อจะแก้ไขอดีตได้ ด้านความสัมพันธ์ของเธอกับจุนฮาก็เป็นไปด้วยดี เพราะจุนฮาคือคนจิตใจดีที่อยู่กับคุณย่าเพียงสองคน กระทั่งวันหนึ่งเมื่อฮเยจาเผยความจริงที่ว่าเธอสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้กับจุนฮา แน่นอนว่าจุนฮาหรือมนุษย์หน้าไหนก็คงไม่เชื่อ และเธอมอบนาฬิกาวิเศษนั้นกับจุนฮาไป แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในขณะเดียวกันคุณย่าของจุนฮาก็เลียชีวิตด้วยเหตุเพราะเรื่องราววุ่นวายในครอบครัวจุนฮา ฮเยจาจึงไปเอานาฬิกาคืนมาแล้วพยายามย้อนเวลากลับไปช่วยพ่อครั้งแล้วครั้งเล่า และท้ายที่สุดเธอก็ทำสำเร็จเมื่อเธอสามารถช่วยพ่อของเธอได้ แต่สิ่งที่เธอต้องแลกกับการโกงเวลาคือเธอต้องตื่นมาในร่างกายที่กลายเป็นคนแก่อายุเจ็ดสิบแปด กลายเป็นว่าหญิงสาวกลายเป็นคนชรา และนาฬิกาคล้ายกับว่าได้โกงเวลาครั้งสุดท้ายของมันไปแล้วเพราะเข็มของมันไม่เดินอีกต่อไปเมื่อหมดสิ้นหนทางฮเยจาในร่างหญิงชรา (แสดงโดยคุณยาย คิมฮเยจา ที่ไม่น่าจะใช่ความบังเอิญที่ใช้ชื่อนี้) จึงทิ้งนาฬิกาไป และหมดหวังที่จะกลับมาเป็นหญิงสาวอีกครั้ง และเรื่องก็เดินไปในทางชวนขัน เมื่อหญิงสาวอยู่ในร่างคนชราหรือหญิงชราหัวใจสาว แต่กระนั้นนั่นคือการใส่หีบห่อที่ดูเป็นงานเบาสมองแต่เบื้องหลังหนักอึ้งด้วยประเด็นดราม่าที่จัดจ้าน และนี่คืองานที่หักหลังผู้ชมอย่างเจ็บแสบที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยเจอมาไม่ต่างจากโดนกระโดดถีบหน้าหงายหลัง แต่มันคือความงดงามที่อยู่เบื้องหลังความเป็นแฟนตาซีที่เล่นกับเวลา มันคือความทรงจำที่สวยงามที่ซีรีส์เรื่องหนึ่งมอบให้ผู้ชมได้ เพราะแม้ผู้ชมจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ก็เสียน้ำตาชนิดนองอาบหน้าได้เช่นกันบทที่สมบูรณ์แบบ สวยงาม เปี่ยมความหมายที่อยู่หลังความขบขัน "หัวเราะร่าน้ำตาริน เรื่องนี้เรายอมรับว่ายากมากที่จะเรียบเรียงอักษรออกมาว่าเป็นเรื่องแนวไหน และยอมรับอีกเช่นกันว่ายากมากที่จะร้อยเรียงออกมาให้สวยงามสมบูรณ์เหมือนที่ตัวซีรีส์มอบให้ ในความคิดจึงมีสองทางคือเขียนแบบเปิดเผยเนื้อหาไปเลยเพราะมันน่าจะสมบูรณ์กว่า แต่ถึงที่สุดแล้วจึงตัดสินใจเขียนแบบไม่เปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญ เพราะเรื่องนี้หากรู้จุดจบโดยที่ไม่ได้ดูเอง และไม่ได้เสพซึ้งถึงความหมายและประเด็นที่คมคายตามรายทางก่อนถึงจุดนั้น ที่รับประกันว่าน่าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ดังนั้นผู้เขียนจึงต้องเขียนออกมาเท่าที่จะเขียนได้ เพราะถ้าไม่เขียนถึงเรื่องนี้เราคงเต็มไปด้วยความอัดอั้นสำหรับเรื่องบทนั้นไม่ต้องสาธยายมากความ เพราะนี่คือเจ้าของรางวัลแพ็กซัง อาร์ตส์ อวอร์ดส์ รางวัลแดซัง สาขาละครโทรทัศน์ ประจำปี 2019 และรางวัลแพ็กซัง อาร์ตส์ อวอร์ดส์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม อีจองอึน ด้วยบทที่แข็งแรงแน่นหนา ไม่มีช่องโหว่ ไม่มีที่ติ มีมิติเชิงลึกทุกส่วนที่เล่า สมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้นจนจบ บทที่เก็บรายละเอียดได้ทุกเม็ด และเก็บซ่อนปมประเด็นและชี้นำผู้ชมได้อย่างได้ผล ก่อนที่จะหักหลังผู้ชมชนิดที่อึ้งที่สุดสุดเท่าที่ดูมาเรื่องหนึ่ง ด้วยความที่บทเนี้ยบแน่นอารมณ์ร่วมของผู้ชมจึงมีอย่างเปี่ยมล้น ด้วยการเล่าเรื่องเป็นแนวแฟนตาซีโทนเบาๆในหีบห่องานรอมคอมดีๆสักเรื่อง แต่กระนั้นความยอดเยี่ยมของตัวงานที่ต้องย้ำว่า คล้ายกับเป็นลายเซ็นต์ไปแล้วสำหรับงานจากเกาหลีที่จะต้องมีอะไรอยู่ข้างในหีบห่อที่สวยงามนั้น และเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกันเพราะมีเรื่องราวของการรู้คุณค่าของเวลา การการแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม เมื่อต้องการบางอย่างก็ต้องแลกกับบางอย่าง มิตรภาพระหว่างเพื่อน พี่น้อง ความรักความเข้าใจในครอบครัว ทั้งความรักของพ่อหรือแม่ที่มีต่อลูก หรือมุมความรักที่ถูกหลงลืมหรือมองข้ามไประหว่างลูกกับพ่อและแม่ และการใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะคู่ชีวิต การรับรู้และเข้าใจผู้สูงวัยที่ต้องการความรักและความเข้าใจที่กับผู้เขียนเองรู้สึกว่ามันใกล้ตัวและสุดท้ายเรื่องราวของเวลาและความทรงจำ ทั้งนี้ถ้าการเล่นประเด็นที่หลากหลายอยู่เบื้องหลังความเป็นแฟนตาซีโรแมนติกคอมิดี้ชั้นดีที่ฉาบหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั้นกลับเคลือบด้วยน้ำตาที่มาจากหลากหลายอารมณ์ แต่ความหลากหลายที่มีมันกลับละมุนละมัยกลมกล่อม ไม่มีเรื่องไหนประเด็นใดที่โดดออกมาหรือว่าเข้าไม่ถึงส่วนลึกในใจผู้ชมแม้แต่เรื่องเดียว และความสมูธหรือความละเมียดละไมนั้นก็เล่าผ่านชั้นเชิงการเล่าเรื่อง ที่ต่อไปนี้คงจะไม่ไว้ใจงานจากเกาหลีอีกต่อไปเพราะแม้จะทำใจไว้บ้างแล้วยังไม่วายถูกหลอกจนหลงปานนั้น แต่แม้จะโดนหลอกจนหงายหลังก็มีความสุขและอิ่มเอมสายน้ำ เวลา และความทรงจำ คือสัจธรรมที่จีรัง" ได้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงามด้วยความที่เปลือกตั้งใจจะขายความสนุกในเรื่องของความเปิ่น ความฮา มุขจิกกัดสังขารคนชรา และเล่าผ่านตัวเอกที่เป็นหญิงสาวผู้ไม่กล้าจะเดินตามฝันแล้วตกหลุมรักชายหนุ่ม ซึ่งว่ากันตามตรงนี่คืองานที่ออกมาในแบบโรแมนติกคอมิดี้ชั้นดีได้อีกเรื่อง เพราะองค์ประกอบของงานแนวนี้มาเต็มที่ เพียงแต่ความดีงามที่มีภายในเปลือกที่ว่านั้นคืองานดราม่าที่หนักหน่วง เริ่มที่การว่าด้วยเรื่องของเวลาที่ไม่เคยย้อนกลับ คิมฮเยจามีอะไรต้องทำมากมาย แต่แน่นอนว่าเธอคงไม่สามารถทำอะไรได้พร้อมกันหลายอย่าง แม้ว่าเธออาจจะย้อนเวลาไปเปลี่ยนอดีตได้ในบางเรื่องแต่บางเรื่องเธอก็เปลี่ยนมันไม่ได้ และกลายเป็นสร้างผลกระทบให้ชีวิตใครบางคนต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและแม้ว่าเธอจะย้อนเวลาได้แต่สิ่งที่เธอต้องแลกมาคือการต้องกลายเป็นคนชราในข้ามคืน มันคือสิ่งที่เธอต้องแลกมากับการโกงเวลาที่ไม่มีวันย้อนกลับที่เป็นเรื่องอนิจจัง เพราะเวลามันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเคร่งครัดเสมอ หากแต่สิ่งหนึ่งที่จีรังไม่ต่างจากการเดินไปข้างหน้าของเวลาคือมิตรภาพของความเป็นเพื่อน ที่ไม่ว่าเธอจะอยู่ในร่างของหญิงชราหรือว่าหญิงสาว สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยคือมิตรภาพที่ก่อตัวมาตั้งแต่วัยเยาว์ ความรักของเพื่อนก็คือสิ่งที่จีรังผู้ชมเลยได้เห็นฉากมิตรภาพของเพื่อนที่ทรงพลังมากมาย เมื่อหญิงสาวในร่างกายที่ชราภาพต้องใช้ชีวิตเฉกเช่นคนวัยเดียวกันที่ทั้งขบขันและกินใจและหากมิตรภาพระหว่างเพื่อนคือความงดงามในฉากหน้า ความสวยงามที่แฝงไว้ในเบื้องหลังคือเรื่องราวของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ความจริงหนักหน่วง เพราะตัวคิมฮเยจาคล้ายกับได้เรียนรู้ความรักที่พ่อแม่มีให้เธอและเธอเองก็ไม่ต่างกัน หากแต่เมื่อการช่วยเหลือพ่อให้รอดชีวิตกลับต้องแลกกับความร่วงโรยของสังขาร ทำให้ลูกที่อยู่ในร่างกายของหญิงชราเริ่มมองเห็นและรับรู้อย่างลึกซึ้งในสิ่งที่พ่อและแม่ทำเพื่อเธออยู่เสมอ และการใช้ชีวิตที่เหลือหลังจากไม่มีหวังจะกลับไปเป็นเช่นเดิมคือการกระทำที่ไม่ต่างจากการไถ่โทษในสิ่งที่ฮเยจาเคยทำไว้ในอดีตต่อพ่อและแม่ เพราะเธอได้ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยโดยเสียเปล่าไปแบบไม่รู้ตัว แล้วด้วยความที่ฮเยจาใช้ชีวิตตามใจตนเองมาเสมอ แถมยังมีความรักมันเลยทำให้ความรักของพ่อและแม่ถูกหลงลืมและถูกมองข้ามไป แต่อย่างน้อยฮเยจาในร่างหญิงชราก็ได้เรียนรู้และได้สื่อให้พ่อกับแม่เห็นว่า สิ่งที่เป็นมาเธอได้รับรู้และเข้าใจแล้วแม้ว่าวันเวลาของเธอจะเหลือน้อยเต็มที เพราะแม้อายุจริงจะแค่ยี่สิบห้าแต่ทว่าสังขารมันปาเข้าไปเจ็ดสิบแปด อีกความสวยงามหนึ่งที่เรื่องมอบให้คือการมองในมุมของพ่อและแม่ ที่ต้องต่อสู้กับเรื่องราวหนักหนาสาหัสในการดำรงชีวิต หากแต่สิ่งที่ทำได้คือคนเป็นพ่อและแม่ต้องเข้มแข็ง บางอย่างที่ทำเพื่อลูกอาจมีบ้างที่ลูกไม่รับรู้แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเรื่องพยายามจะบอกเราอยู่แล้วว่า “ใครจำเราไม่ได้ไม่สำคัญ สำคัญที่เรายังจำเขาได้ก็พอ” และ “ความทรงจำทั้งหมดที่มีอาจทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้”อาจเหมือนเล่นตลกกับเรื่องสังขาร แต่เบื้องหลังคือความแหลมคม การให้ความเคารพและชี้ทางให้มองผู้สูงวัยอย่างเข้าใจและมอบความรักด้วยการดูแลถ้าความชราภาพของคิมฮเยจาที่มาแค่ข้ามคืนทำให้เกิดเรื่องราวน่ารักชวนหัว แต่ทว่าการนำเสนอกลับไม่ได้มองในมุมที่ดูแคลนความชราภาพนั้น เพราะเรื่องเสนอให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชี้ทางให้ผู้ชมมองภาพและพฤติกรรมของผู้สูงอายุด้วยความเข้าอกเข้าใจ ยิ่งในสังคมปัจจุบันที่คนหนุ่มสาวต้องใช้ชีวิตแก่งแย่งปากกัดตีนถีบ ส่วนคนที่ถูกหลงลืมอยู่ข้างหลังคือคนชราที่เคยต่อสู้กับชีวิตทุกอย่างเพื่อเรา การเสนอภาพของสถานที่ดูแลคนชราที่กลายเป็นเหมือนที่ต้มตุ๋นคนแก่ สะท้อนให้เห็นเรื่องของความเปลี่ยวเหงาและต้องการความรักความเข้าใจจากลูกหลาน แต่เมื่อไม่ได้รับสิ่งนั้นจากที่บ้านทางเดียวที่ทำได้คือการรวมตัวอยู่ในสถานที่นั้น และแม้ว่าคล้ายกับถูกหลอกแต่อย่างน้อยเหล่าผู้สูงอายุก็ได้มีความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ยังไม่รวมถึงการเสนอมุมมองของการดูแลคนชราที่อุดมไปด้วยโรคตามวัยผ่านภาพของคิมฮเยจาที่อยู่ดีๆก็แก่ อยู่ดีๆก็ข้อเข่าเสื่อม อยู่ดีๆก็สายตาฝ้าฟาง ภาพของการที่พ่อกับแม่พาลูกไปโรงพยาบาลหรือพาไปซื้อแว่นสายตาที่อาจดูขบขัน แต่ความจริงมันตลกไม่ออกเมื่อผู้ชมลองมาหวนนึกดูว่าในวันนี้ เราได้ดูแลผู้สูงอายุที่ทำเพื่อเรามาทั้งชีวิตได้ดีขนาดไหน แล้วอาจเหลือเวลาไม่มากแล้วที่เราจะทำอะไรเพื่อพวกท่านได้ แม้ว่าในใจพวกท่านนั้นอาจไม่ต้องการเป็นภาระหรือกระทั่งท้อแท้ไปกับอาการป่วย ดังเช่นคิมฮเยจาที่ทอดถอนใจเมื่อมองยาที่ตนเองต้องทานในแต่ละมื้ออาหาร ซึ่งความเป็นจริงคือการดูแลผู้สูงอายุอาจเป็นเรื่องที่หนักสิ้นเปลืองพลังงานทั้งกายใจเมื่อพวกท่านคล้ายกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง และมันอาจส่งผลให้กับการปะทะกันในบ้านเมื่อคนรุ่นหนุ่มสาวต้องเจอกับอะไรในแต่ละวันที่เหนื่อยล้า แล้วต้องมาเจอกับความยุ่งยากในการดูแลผู้ชรา และเหมือนกับเรื่องนี้กำลังบอกเราว่า ความรักและความเข้าใจเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทา และสิ่งที่เรื่องยังบอกกับผู้ชมอย่างคมคายอีกทางนอกจากความรักและความเข้าใจในตัวผู้สูงวัยที่ต้องมีแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือความรักและความเข้าใจที่จะจับมือต่อสู้ร่วมกันในฐานะคู่ชีวิต คู่ชีวิตที่จะต้องมีความทรงจำร่วมกันซึ่งความทรงจำนั้นอาจมีทั้งดีและร้าย แต่โชคร้ายที่มนุษย์ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะจดจำหรือลืมเรื่องไหน สุดท้ายไม่ว่ายังไงการเลือกที่จะมองและให้ความสำคัญกับสิ่งดีๆที่มีร่วมกันต่างหาก ที่จะพาให้ก้าวผ่านความเหนื่อยหน่ายไปได้ และเรื่องก็บอกให้ผู้ชมว่า “อย่าเสียเวลาปัจจุบันไปกับการจมอยู่กับอดีตและกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง” ใช่หรือไม่การแสดงที่อุดมไปด้วยยอดฝีมือทำให้เรื่องถูกเล่าได้อย่างทะลุทะลวงซีรีส์เรื่องนี้ต้องบอกว่าเต็มไปด้วยนักแสดงระดับยอดฝีมือ สารภาพตามตรงคือเริ่มแรกผู้เขียนตั้งใจดูเพราะฮันจีมิน ซึ่งตัวเธอเองยังคงเปี่ยมเสน่ห์ที่พึงมีและยังเป็นที่น่าจดจำสำหรับบทบาทการแสดงของเธอในเรื่อง หากแต่ความจริงนี่คือเรื่องของคุณยายคิมฮเยจาที่ชื่อเหมือนกับตัวละครในเรื่องที่ไม่น่าจะใช่ความบังเอิญ คุณยายคิมฮเยจามอบการแสดงในแบบที่ต้องก้มลงกราบคารวะ คุณยายแบกเรื่องทั้งหมดไว้บนสองบ่าได้อย่างเต็มภาคภูมิการแสดงเป็นหญิงชราหัวใจสาวที่น่าเชื่อถือ การแสดงเป็นหญิงชราที่มีปมในใจในตอนท้ายที่เข้มข้น รวมถึงการแสดงเข้าคู่กับพระเอกรุ่นหลาน(หรือเหลน)อย่างชนิดที่เคมีลงตัวที่สุด ประกอบกับบทที่ส่งเสริมเป็นอย่างยิ่งที่ให้ผู้ชมลุ้นทุกตอนว่าเมื่อไหร่อีจุนฮาจะจำได้สักทีว่าหญิงชราที่นั่งตรงหน้าคือคิมฮเยจา ซึ่งบทอีจุนฮาของนัมจูฮยอกนั้นนอกจากแสดงเข้าคู่กับทั้งคุณยายคิมฮเยจากับฮันจีมินได้อย่างลงตัวแล้ว ในซีนอารมณ์ไม่ว่าหนักหรือเบาเขายังทำได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงแต่การแสดงของคุณยายคิมฮเยจานั้น เยี่ยมจนไม่รู้จะบรรยายยังไงโดย เลยกลายเป็นเขาถูกกลบมิดในฉากที่เข้าคู่กันส่วนที่มาตรฐานไม่เคยตกคือป้าอีจองอึนที่เครดิตพ่วงท้ายมากมาย เช่นบทแม่บ้านใน Parasite หรือบทแม่ของกงฮโยจินใน When The Camellia Blooms ที่ป้าเล่นเรื่องนี้แบบมีรางวัลติดมือเลยไม่ต้องสาธยายให้มากความ ถ้านั่นยังไม่พอยังรวมไปถึงอันแนซังในบทพ่อของฮเยจาที่เข้มข้นทุกนาทีที่ขึ้นจอ การแสดงที่รั่วเรื้อนของซนโฮจุนและนักแสดงสมทบคุ้นหน้าคุ้นตามากมาย แล้วที่เป็นสีสันคือการมาเล่นบทรับเชิญของนักแสดงหลายต่อหลายคนที่ผู้ชมจะร้องอ๋อทันทีที่พวกเขาโผล่มา ด้วยการแสดงในระดับสุดยอดทุกคน ความงดงามของเรื่องและความเข้มข้นของบท และงานดนตรีที่โศกซึ้งที่คลอแผ่วเบาแต่ส่งผลกับอารมณ์เต็มที่ การนำเสนอที่มีชั้นเชิงมันเลยทำให้กลายเป็นงานซีรีส์ที่ตรึงใจไปอีกหนึ่งเรื่องนับจากนี้จะไม่ไว้ใจงานจากเกาหลีอีกแล้ว เพราะเรื่องนี้ทุกอย่างชี้นำให้คิดไปสุดทางแล้วเฉลยแบบกระโดดถีบหน้ากันยังจะดีกว่า แต่ทว่ามันไม่ได้เฉลยแบบน่าจงชังแต่มันคือความสมบูรณ์แบบของการหักสามร้อยหกสิบองศา และการหักนั้นคือการปิดเรื่องอย่าสมบูรณ์ไร้ที่ติ การเล่าเรื่องที่เป็นแนวชวนขบชันแต่วางประเด็นไว้เบื้องหลังอย่างเฉียบคม การวางตัวเรื่องให้เป็นแฟนตาซีที่ผู้ชมอาจมองเห็นความไม่สมเหตุสมผลบ้างแต่ยังให้อภัยเพราะความเป็นแฟนตาซีนั้น เพียงแต่ทุกความไม่สมเหตุสมผลนั้นไม่ใช่ความรั่ว มันคือความจงใจที่จะให้ผู้ชมเห็นและเป็นน้ำหนักที่หนักแน่นในการสรุปเรื่องราวในตอนท้ายที่หนักหน่วง แต่ถึงกระนั้นผู้ชมกลับไม่รู้สึกถูกบีบหรือถูกคั้นน้ำตา ด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่เอาจริงไม่ได้ชี้ชวนให้คาดเดาแต่กลับว่ากันตรงๆ ไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนใด ผู้ชมดูแล้วเชื่อว่ามันต้องเป็นอย่างที่ดูมาแต่สุดท้ายบทสรุปคืออาการหลังหัก แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็มอบความสนุกเพลิดเพลินในทุกตอน ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ น้ำตารินไหลทั้งอารมณ์สุข ซึ้ง ตื้นตัน และกระทั่งโศกสลดกับบทที่วางความจริงของโลกไว้บนความเป็นแฟนตาซี บทสรุปที่แข็งแรงและทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยดูมา การแสดงในระดับยอดฝีมือประชันฝีมือกัน มันทำให้หวนมานึกถึงละครแถวนี้ที่นักแสดงสูงอายุฝีมือการแสดงระดับเทพ กลับไม่มีโอกาสได้แบกเรื่องทั้งเรื่องไว้แบบคุณยายคิมฮเยจาในเรื่องนี้เลย เท่าที่ดูผ่านๆตามานักแสดงอาวุโสแถวนี้มักจะเป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆและคงไม่มีทางได้เห็นเรื่องแบบนี้ และสำหรับเรื่องนี้คือมีดีเกินกว่าที่จะมองข้าม แม้นางเอก (ตัวจริง) จะอายุปาเข้าไปเกือบแปดสิบแต่สิ่งที่เรื่องมอบให้กลับมากมายและกินใจในทุกเรื่องราว มันกลายเป็นงานที่เข้าไปอยู่ในใจผู้ชม (ที่ได้ดูจนจบ) อีกเรื่องด้วยความประทับใจกับความคุ้มในทุกวินาทีที่ได้ดู และคงต้องประทับตราว่า อย่างเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดูดูไปบ่นไปNETFLIX , TrueIDขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 10 จาก Instagram roma.emo ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 11 จาก Facebook 김혜자/金惠子/Kim Hye-Ja Foreverเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !