ทิ้งระยะห่างจากภาคแรกไปหลายปีทีเดียว สำหรับ "แสงกระสือ 2" ภาพยนตร์ไทยแนวสยองขวัญ ดรามา โรแมนติก ที่สานต่อความปังจากแสงกระสือ หนังไทยที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้ กระแส และรางวัลมาแล้วเมื่อปี 2562 ปัจจุบันแสงกระสือ 2 ปี 2566 ได้เข้า Streaming ใน Netflix เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เขียนจึงขอรีวิว"ภาค 2" ต่อเนื่องจากบทความที่แล้วที่รีวิวในส่วนของภาคที่ 1ไปติดตามกันได้เลยค่ะ ว่าภาค 2 จะสนุกครบรสและสานต่อความปังได้ไหม แสงกระสือ 2https://www.youtube.com/watch?v=L1FOtqlJ-QY ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 2566ผู้อำนวยการสร้าง Transformation Films (ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแสงกระสือ ภาคแรก) ร่วมมือกับ เนรมิตหนัง ฟิล์มผู้กำกับภาพยนตร์ ดี้ ปภังกร ปุญจันทรักษ์ เรื่องย่อ32 ปีหลังเหตุการณ์โศกนาฏกรรมโคกอีนวล ที่พรากชีวิตของกระสือสายไปจากน้อยตลอดกาล เรือที่มีร่างของสายและน้อยลอยพาทั้ง 2 ไปหยุดอยู่ที่ธารน้ำแห่งหนึ่ง น้อยได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านที่บังเอิญมาพบเข้า เขาตัดสินใจลงหลักปักฐานที่ชุมชนแห่งนี้อันเป็นใจกลางป่าลึกที่ห่างไกลความเจริญจากผู้คน หลังจากที่สภาพร่างกาย จิตใจของเขาดีขึ้น น้อยในวัยกลางคน (น้อย กฤษดา) ได้พบรักและตัดสินใจใช้ชีวิตคู่กับ ดาริน (เอมี่ มรกต) จนมีพยานรักด้วยกันคือ สาว (นิ้ง ชัญญา) แต่ชีวิตครอบครัวนี้กลับไม่เป็นสุขอย่างที่คิดเพราะน้อยได้รับเชื้อกระสือมาจากสายผ่านการจูบกันที่ดงว่านกระสือ แต่เพราะเขาเป็นผู้ชายจึงมีอาการแค่เจ็บหน้าอกเวลาพิษกำเริบ แต่สาวลูกของเขาเกิดเป็นหญิง จึงรับเชื้อกระสือไปเต็ม ๆ และกลายเป็นกระสือมาตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่ ภายหลังดารินเสียชีวิต น้อยก็เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกสาวอยู่ในป่าลึกที่ห่างไกลจากผู้คน คอยดูแลให้ลูกไม่ขาดยา เพื่อยับยั้งการกลายร่างถอดหัวเป็นกระสือ น้อยมีที่ปรึกษาทางใจและทางตำรับยาคือ บาทหลวงออกัสติน (โจ คัมมินส์) ทั้งสองร่วมกันคิดค้นและพัฒนาตัวยาที่สกัดจากว่านกระสือ เพื่อรักษาอาการเจ็บปวดของน้อยและช่วยให้สาวไม่ต้องถอดหัวเป็นกระสือ สาวมักจะติดตามพ่อมาหาบาทหลวงเสมอ ทำให้เธอได้รู้จักกับ คลาว หรือ คล้าว (เจเจ กฤษณภูมิ) ชายหนุ่มที่มีความผิดปกติทางรางกายแต่กำเนิด คือมีภาวะผิวเผือก ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่วัยเยาว์ ด้วยความเข้าอกเข้าใจ จากมิตรภาพที่ดีเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์เกินกว่าคำว่าเพื่อนเมื่อวิวัฒนาการต่าง ๆ เริ่มพัฒนาขึ้น แต่จิตใจของคนกลับไม่พัฒนาขึ้นตาม ซ้ำยิ่งดำดิ่งมืดมิดมากกว่าในอดีตอีกคือนายทุนชาวต่างชาติ ที่อยากได้กระสือมาไว้ในครอบครอง จึงว่าจ้างแกมบังคับขู่เข็ญ อดีตทหารรับจ้างอย่างพันธุ์ (ปีเตอร์ นพชัย) ให้มาออกล่ากระสือสาวสาวจะรอดพ้นการถูกไล่ล่าหรือไม่ น้อยจะปกป้องผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิตได้ไหม ร่วมเอาใจช่วยเขาและเธอได้ในหนังนะคะ บทบาทของนักแสดงหลักนิ้ง ชัญญา รับบท "สาว" หญิงสาวที่ได้รับเชื้อกระสือมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คาแรคเตอร์ตัวละครนี้ก็น่ารัก สดใส ตามวัย ชอบเป่าเมาท์ออแกน เธอปลูกต้นรักกับคล้าวเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวในชีวิตของเธอ เพราะทั้งสองแตกต่างเหมือนกัน รู้ความลับของกันและกัน จึงเข้าใจและฮีลใจกันได้ดี เจเจ กฤษณภูมิ รับบท "คลาว" หรือ "คล้าว" ชายหนุ่มที่ชื่อของเขาจริง ๆ คือ คลาว ที่เป็นภาษาอังกฤษ แปลว่า ก้อนเมฆ แต่ผู้คนในสมัยนั้นเรียกแล้วไม่เข้าปากจึงเรียกเขาว่าคล้าวแทน เขาเกิดมาพร้อมยีนผิดปกติส่งผลให้ร่างกายมีผิวสีเผือก มาตั้งแต่กำเนิด ทำให้เขาโดนบูลลี่ตั้งแต่เด็ก โดนแกล้งหนักมาก จนกลายเป็นคนเก็บตัว บังเอิญเจอสาวที่เข้าใจและไม่ตัดสินเขา มองเขาเป็นคนเท่ากัน ทั้งสองจึงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนเด็กจนพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นคนรักในภายหลัง เขาคือคนที่รู้ว่าสาวเป็นอะไร และพยายามหาทางช่วยสาวเหมือนกับที่น้อยเคยพยายามช่วยสาย น้อย กฤษดา รับบท "น้อย" (วัยกลางคน) หนุ่มใหญ่ที่ชีวิตนี้สูญเสียผู้หญิงที่ตนรักไปเกือบหมดแล้ว เหลือผู้หญิงคนเดียวในชีวิต ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ คือลูกสาวคนเดียวอย่างสาว ที่เขาต้องดูแลและปกป้องให้พ้นภัยจากการถูกไล่ล่าจากมนุษย์และกระหัง บทเรียนและความผิดพลาดในอดีตสอนให้เขาสู้ ดังนั้นไม่ว่าอะไรก็ตามเขาจะไม่ยอมสูญเสียสาวไป แค่เพียงเพราะเธอเป็นกระสือเด็ดขาด ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกน้อยก็พร้อม เอม ภูมิภัทร รับบท "ดร.อนันต์" ลูกบุญธรรมของบาทหลวงออกัสตินดูแลคล้าวมาตั้งเด็ก เชื่อในหลักของวิทยาศาสตร์ ยึดในหลักของเหตุและผล ทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ เป็นทีมซัพพอร์ตที่ดี คอยช่วยเหลือผู้อื่น ปีเตอร์ นพชัย รับบท "พันธุ์" อดีตนายทหาร ที่เข้ามาพัวพันกับวงการธุรกิจสีเทา ตกเป็นเหยื่ออย่างไม่อาจถอนตัว ต้องจำยอมออกล่ากระสือ และเขาเองก็ได้รับเชื้อบางอย่างมาจนทำให้กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดอย่างกระหัง และโจ คัมมิงส์ รับบท "บาทหลวงออกัสติน" บาทหลวงที่คอยช่วยเหลือน้อยและสาว ช่วยคิดค้นตำรับยา รักษาอาการของทั้งสอง เป็นพ่อทูนหัวอุปการะอนันต์และคล้าว บทภาพยนตร์เก็บรายละเอียดจากแสงกระสือ ภาคแรกมาได้ดี อาทิการติดเชื้อกระสือจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง น้อยได้รับจากสายผ่านทางน้ำลาย ส่วนสาวได้รับจากน้อยผ่านกระบวนการปฏิสนธิตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ส่วนคล้าวได้รับจากสาวทางเมาท์ออแกนและการจูบว่านกระสือ ก็ยังเป็นไอเท็มสำคัญในการเยียวยารักษา เพิ่มเติมคือสกัดเป็นยาได้แล้วเก๋เว่อร์ภารกิจของเผ่าพันธ์ุกระหัง ที่ยังคอยไล่ล่าล้างบางทำลายหัวใจของกระสือให้สิ้นซาก ยังคงถูกส่งต่ออย่างต่อเนื่องประเด็นต่าง ๆ ที่เพิ่มมาได้อย่างน่าสนใจ การเขียนให้ตัวเอกอย่าง คล้าว มีภาวะยีนผิดปกติ คือ ผิวเผือก ซึ่งคนในสมัยนั้นยังไม่ยอมรับ และมองว่าเป็นตัวประหลาด ซึ่งน่าสนใจและสอดคล้องกับ กระสือ ที่คนมองว่าประหลาด แต่ภาวะผิวเผือกของคล้าวดูจะถูกตั้งแง่-มากกว่า เพราะมันเป็นสิ่งที่ปกปิดได้ยาก ประเด็นนี้สื่อให้เห็นว่าเมื่อคุณมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไปจากมนุษย์ทั่วไปสังคมจะตั้งแง่ทันที ทั้ง ๆ ที่ข้างในของคล้าวก็มีจิตใจที่ปกติไม่ได้มืดบอดเหมือนกับพวกที่ชอบบูลลี่ ภาพรวมของบทภาพยนตร์ โดยส่วนตัวเราว่ายังไม่ค่อยมีจุดพีค เน้นดูได้เรื่อย ๆ บทยังไม่เข้มข้นและทำให้เราอินตามได้แบบภาคแรก เรารู้สึกว่าบทนำพาอารมณ์ไปไม่สุดสักทาง ความรักของสาวและคล้าวก็รู้สึกว่ายังอินตามได้ไม่มากพอ ในภาคแรกรักของน้อยกับสายดูเป็นรักร้อนของวัยว้าวุ่นแต่เราอินมากกว่าหลายตัวละครน่าจะมีฉากพีค ๆ และความสำคัญกับเนื้อเรื่องมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้นำพา แอบเสียดายการโคจรมาเจอกัน ของพี่น้อย พี่ปีเตอร์ และ เอม ขนาดบทไม่พีคมากแต่ก็ยังได้เห็นการแสดงที่น้อยแต่ทรงพลังของพวกเขาทั้งสามอยู่บ้าง การกำกับ และ Production งานภาพคุมโทนได้ดีเข้ากับธีมหลักของเรื่องคือแนวสยองขวัญ เสียงประกอบเสริมความหลอนให้กับเนื้อเรื่อง และดูไม่ยัดเยียดการลำดับเรื่อง ไม่พีคมากเท่าไหร่ เน้นดูไปเรื่อย ๆ เอาตรง ๆ เรามีเบื่อด้วย เราว่าภาคนี้เขากำกับและตีความออกมาแนวหนังฝรั่ง มีความศาสนาคริสต์ เป็นกระสือแบบอินเตอร์ ตั้งแต่แคสพี่น้อยและนิ้งมารับบทนำแล้ว ฉากกระสือกลายร่าง ภาค 2 มีการใส่ดีเทลอื่น ๆ กับตัวกระสือเข้าไปคือ ภาวะคลุ้มคลั่งอาละวาดหลังจากการถอดหัวซึ่งภาคแรกไม่มี ถือเป็นพัฒนาการใหม่ ๆ ของโรคกระสือ ตอนกระหังออกอาละวาดผู้เขียนนึกว่าดูหนังซอมบี้ซะอีกงาน CG ทำได้ดี เห็นดีเทลของกระสือชัดเจน รยางค์สมจริง กระหังยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม อุปกรณ์ประกอบฉาก สวยงาม มีความปราณีตเข้ากับยุคสมัย ฉากดำเนินเรื่องภาค 2 ส่วนใหญ่จะอยู่ในป่าลึกเกือบทั้งหมด เลือกสถานที่ถ่ายทำได้ดี ดูลึกลับ น่าค้นหาทีมแคสติ้งนักแสดง คัดเลือกบท สาว และ คล้าว ในวัยเด็กและตอนโตได้ดี ดูต่อเนื่องกัน ทีมนักแสดงเล่นได้โอเคตามบทที่ได้รับบทและการกำกับภาคแรกตีหัวเข้าบ้านมากกว่าจริง ๆ ฉากภาพจำเยอะมาก ตัวละครมีมิติกว่าภาคที่ 2 และประเด็นต่าง ๆ ในภาคแรกสะท้อนภาพของสังคมได้อย่างน่าสนใจ มีความนุ่มลึกและกล้าที่จะแปลกและแตกต่างฉากจบที่พยายามจะจบแบบภาคแรก แต่สลับบทของตัวละครนิดหน่อย ดูแล้วแทนที่จะเศร้าหรืออินตามแต่ผู้เขียนรู้สึกว่าดูแล้วไม่อินตาม อย่างที่บอกการปูเรื่องและลำดับเรื่องที่ผ่านมาไม่ค่อยสนับสนุนให้เกิดอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครหรือหนังได้มากพอฉากที่ชอบที่สุดในภาค 2 คือ ฉากที่คล้าวกำลังลงสีรูปภาพ แล้วสีเนื้อบังเอิญไปโดนผิวเขาซึ่งเป็นผิวเผือก คล้าวเห็นแล้วจึงไปส่องกระจกทันที แล้วพบว่าสีเนื้อทำให้ผิวของเขาดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป การสื่อสัญญะฉากนี้ถือว่ามีศิลปะมาก ๆ และการแสดงของเจเจก็ส่งให้อินตามกับอารมณ์ความรู้สึกของเขาที่เป็นแกะเผือกท่ามกลางแกะขาวและแกะดำ โดยรวมถือว่าเป็นการต่อยอดที่ทำได้ไม่ถูกจริตเราเท่าไหร่นัก วัตถุดิบภาคแรกปูทางมาดีและเป็นลู่ทางให้ภาค 2 นำไปปูทางต่อยอดได้สบายๆ ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าดูแค่ภาคแรกก็พอแล้วภาค 2 ไม่จำเป็นก็ได้ แค่ตอนจบของภาคแรกก็คือติดตรึงในใจแล้ว (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวสำหรับสายคาดหวังอย่างเรา) แต่อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้ทีมงานผู้สร้างนะคะ ให้คะแนนภาพรวม 7/10 เครดิตภาพหน้าปก ออกแบบโดย canvaภาพประกอบหน้าปก แสงกระสือ : ภาพที่ 1ภาพประกอบเนื้อหา แสงกระสือ : ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9ลิงก์คลิปวิดีโอประกอบเนื้อหา Major Group : คลิปที่ 1 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !