สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ ก่อนอื่นนะครับวันนี้เนี่ยมีภาพยนตร์ที่อยากจะแบ่งปันความรู้สึกกันครับก็คือ It Chapter Two หรือโผล่จากนรก 2 หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักในชื่อผีตัวตลกแตกต่างกันไปครับ ซึ่งมันก็ได้เดินทางมาถึงภาคที่ 2 แล้ว บอกตามตรงนะครับ ในฐานะที่เป็นแฟนภาพยนตร์สยองขวัญแต่ผมกลับไม่ค่อยชอบอิทเท่าไหร่ครับ ด้วยความที่ว่ามันเป็นหนังที่แปลก บรรยากาศเน้นไปที่ความน่ากลัวของตัวตลก บอกตรง ๆ ครับไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ไม่ค่อยเข้าใจด้วยซ้ำว่ามันน่ากลัวตรงไหน ยิ่งถ้าหลอกแบบกระตุก ๆ นั้น ผมรู้สึกว่ามันน่าขำมากกว่าน่ากลัวซะอีก แต่อันนี้ก็คือความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าเพิ่งด่าผมเลย ซึ่งผมเองก็ได้ไปหาข้อมูลครับว่าที่อเมริกาเนี่ยเขาจะมีโรคที่ชื่อว่า Coulrophobia หรือโรคกลัวตัวตลกนั่นเองครับ ซึ่งเจ้าตัวตลกหน้าสีขาวนะครับอยู่คู่กับวัฒนธรรมมาช้านานแล้วครับ ถ้าจะให้เทียบแล้วก็คล้าย ๆ กับนางรำบ้านเราครับ ที่ผมว่าโคตรจะน่ากลัวเลยแต่ฝรั่งก็น่าจะรู้สึกเฉย ๆ ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงครับอิทนั้นก็ไม่ได้มีแค่ความสยดสยองมากเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครของแก๊ง loser เข้ามาเกี่ยวพันด้วย นั่นทำให้หนังสนุกขึ้นไปอีกเป็นกองครับ พอภาค 2 มาก็ไม่รอช้าครับ รีบไปดูทันที เรามาฟังกันดีกว่าครับว่าหลังจากที่ผมดูจบเนี่ยเรารู้สึกยังไงกันบ้าง ตัวเรื่องนี่เริ่มด้วยหลังจากเหตุการณ์ที่เมือง Derry ครั้งแรกจบลง ด้วยชัยชนะของพวกกลุ่มเด็ก ๆ แต่ทุกคนรู้ดีครับว่า Pennywise นั้นยังไม่ตายเลยทำสัญญาเลือดกันเอาไว้ ถ้าเกิดมันกลับมาก็พวกเขาก็จะกลับมาสู้มันอีกครั้ง ซึ่งต้องบอกเขาว่าเจ้าตัวตลกเนี่ยมันจะออกล่าเหยื่อทุก ๆ 27 ปี อารมณ์ว่าต้องจำศีลอะไรประมาณนั้นครับ เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนในแก๊ง loser ทั้ง 7 คนได้ออกไปมีชีวิตตามแบบของตัวเอง 6 คนนั้นย้ายออกจากเมืองไปแล้ว มีเพียง Mike เด็กผิวสีคนเดียวครับที่ยังอยู่ที่นี่ แล้วเมื่อ 27 ปีผ่านไปตอนนี้ทุกคนเติบโตและลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปจนหมดแล้ว แต่เจ้าตัวตลกมันกลับมาอีกครั้งแถมมันดูเหมือนจะมีเป้าหมายที่แตกต่างจากเดิมด้วย Mike จึงเรียกเพื่อน ๆ ทุกคนกลับมารวมตัวกันเพื่อกำจัดมันให้หายไปอย่างถาวรและนี่แหละครับก็คือโครงเรื่องง่าย ๆ ของหนังเรื่องนี้ ความรู้สึกแรกหลังดูจบก็คือ ชอบครับ ชอบมากกว่าภาคแรกพอสมควร ต้องบอกว่า Production ของภาค 2 เนี่ยดูอลังการกว่าภาคแรกเยอะมาก ๆ ครับ ฉากต่าง ๆ นี่โคตรจะจัดเต็มครับ แอบไปดูงบการสร้างมาเนี่ยภาคแรกนั้นอยู่ที่ 35 ล้านเหรียญส่วนภาคที่ 2 เนี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-70 ล้านเหรียญเลยครับ ถือว่าเพิ่มมาเกือบเท่าตัวเลยต่อให้จ้าง James McAvoy แล้วก็ยังเหลือ ๆ อยู่เลยครับ แสงสีต่าง ๆ ก็ทำได้ดูดีขึ้นมาก กลายเป็นหนังสยองขวัญฟอร์มยักษ์ได้อย่างเต็มตัว ซึ่งไม่ต้องบอกนะครับว่าอย่าเอางบพวกนี้ไปเทียบกับพวกหนังฮีโร่ 70 ล้านสำหรับหนังสยองขวัญที่มันเยอะมาก ๆ ครับ เรื่องความน่ากลัวนี้ให้ผ่านเลยครับ จำที่ผมบอกตอนแรกได้ไหมครับว่าไม่อินกับความสยองตัวตลกแต่ It Chapter 2 แลดูจะพัฒนาตรงส่วนนี้ไปอีกขั้นครับฉากแปลก ๆ ดูน้อยลง ตัวตลกนั้นดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นแถมมีเอกลักษณ์ให้เราเห็นมากกว่าเดิม ผมก็เพิ่งจะมากลัวมันภาคนี้แหละครับสำหรับ Pennywise ซึ่งสำหรับภาคนี้มันก็ไม่ได้ออกมาแค่นิดหน่อยนะครับ เรียกว่าภาคนี้มากันแบบจัดเต็มสุด ๆ เอาให้เต็มที่ มีเท่าไหร่ใส่ให้หมดครับ ตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่อง หนังมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงนะครับ แต่ฉากหลอกนี่มันตั้งแต่ต้นจนจบครับ คิดดูมันเยอะขนาดไหนแถมส่วนใหญ่ก็จะมีไอเดียการหลอกที่ดีครับ จังหวะชั้นเชิงก็ไม่แพ้หนังผีเจ้าใหญ่ ๆ เรื่องอื่นเลยครับผม อีกส่วนที่ไม่ชมไม่ได้เลยก็คือนักแสดงครับ ภาคนี้เด็ก ๆ โตแล้วนักแสดงก็เปลี่ยนตามไปใช่ไหมครับ นำทีมโดย James McAvoy Bill Hader และ Jessica Chastain ยังมีอีกหลายคนนะครับแต่ขอพูดถึงคนหลัก ๆ ก่อน ทั้งหมดนั้นแสดงได้สมบทบาทมากและตรงคาแรคเตอร์ที่เคยเป็นตอนเด็ก ๆ สุด ๆ จำได้ไหมครับว่าแก๊ง loser แต่ละคนก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป บางคนนิสัยแบบนั้น กลัวอะไรแบบนั้น นักแสดงรุ่นใหญ่เนี่ยก็ถอดแบบออกมาได้เหมือนครับ เรียกว่าเป๊ะเลยก็ได้ เราเชื่อได้อย่างสนิทใจเลยครับว่าผู้ใหญ่คนนี้คือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้นกับเด็กคนนั้นในภาค 1 บ่งบอกถึงการเตรียมตัวที่ดี อีกคนที่ต้องขอพูดถึงแล้วก็คือ Bill Skarsgård ครับหรือคนที่รับบทเป็น Pennywise นี่เอง ภาคนี้เจ้าตัวตลกนั้นมีการแสดงด้านอารมณ์มากกว่าเดิมมากและเขาทำได้จริง ๆ ครับ เป็นธรรมชาติและดูชั่วร้าย ผมคิดว่าคนนี้เนี่ยไปเล่นเป็นโจ๊กเกอร์ยังได้เลยครับ ฝีมือขนาดนี้เนี่ย แต่ว่าชมกันมาเยอะแล้ว ผมขอพูดในจุดที่ไม่ชอบบ้างแล้วกันนะครับ ข้อแรกก็คือตัวหนังที่ยาวมากจนเกินไปนั่นแหละครับ ผมรู้สึกว่า 3 ชั่วโมงสำหรับเรื่องนี้มันดูยาวมาก ๆ ครับ การดำเนินเรื่องบางอันก็เหมือนจะซ้ำ ๆ วน ๆ ไป เข้าใจครับว่าต้องการบิ๊วอารมณ์แต่พอเราเจอจากแนวเดิมเยอะ ๆ นาน ๆ เข้า บางทีมันก็แอบรู้สึกเบื่อเหมือนกันครับ อีกประเด็นก็คือการเล่าเรื่อง it Chapter 2 นั้นมีการเล่าที่ทำให้รู้สึกว่ามันขาด ๆ เกิน ๆ ตลอดเวลา ส่วนนี้เยอะไป ส่วนนี้น้อยจัง ผมคิดว่าทางผู้กำกับเนี่ยพยายามจะเล่าทุกอย่างที่มีในหนังสือออกมาให้หมดครับ โดยไม่พยายามที่จะดัดแปลงอะไรเลย ซึ่งผมยังไม่เคยอ่านอิทมาก่อนนะครับ มีหนังสืออยู่เหมือนกันแต่หนาเกินครับอ่านไม่ไหวจริง ๆ สังเกตจากการเล่าเรื่องดูครับ ค่อนข้างจะแปลกหนัง 3 ชั่วโมงแต่กลับมีจุดชวนงงอยู่พอสมควร ผมเชื่อว่าดูจบ คนยังไม่รู้เลยครับว่าจริง ๆ แล้ว Pennywise เนี่ยมันคืออะไรกันแน่ มาได้ยังไง มันทำอะไรได้บ้าง หนังไม่เน้นตรงส่วนนี้เลยครับ ใครที่ไม่เคยอ่านหนังสือหรือว่าข้อมูลของเจ้า Pennywise มาก่อนเนี่ย ต้องบอกเลยว่ามีงงเล็ก ๆ แน่นอน ซึ่งปัญหาเหล่านี้นะครับมักจะเกิดขึ้นกับหนังที่สร้างจากนิยายของสตีเฟนคิงเป็นประจำครับ ด้วยเอกลักษณ์ของนักเขียนท่านนี้ เขามักใช้ความสยองขวัญผสมกับหลักจิตวิทยา จิตใจของมนุษย์ที่ค่อนข้างจะลึกซึ้ง มันเล่ายากครับ ใครที่มาเป็นผู้กำกับต่างก็ปวดหัว แถมรายละเอียดเยอะมาก ๆ เกินกว่าที่จะสรุปได้ภายใน 2-3 ชั่วโมง นั่นทำให้ผมคิดว่า it Chapter Two นั้นยังไม่พีคเท่าที่ควรครับ ผมกลับไม่รู้สึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างแก๊ง loser เท่าที่ควรจะเป็น อีกส่วนที่จะเรียกว่าเป็นข้อเสียได้ก็ไม่เต็มปากนักนะครับก็คือ เรื่องนี้เนี่ยไม่ได้มีความเป็นหนังสยองขวัญซะทีเดียวครับ มันมีความ Fantasy เล็ก ๆ อยู่ โดยเฉพาะช่วงท้ายของเรื่องนี่มันแทบจะเปลี่ยนไปจนคิดว่าไม่ใช่หนังเรื่องเดียวกันเลยครับ ใครที่ยังไม่จุใจกับความสยองขวัญอาจจะรู้สึก fail เล็ก ๆ ได้ครับ ประกอบกับการตัดสินใจของตัวละครที่ดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผล มันเหมือนภาคแรกจนเกินไปครับ ท่าทางภายนอกของตัวละครเนี่ยดูดีครับแต่ความคิดและการตัดสินใจจะดูเด็กไปหน่อยครับ 27 ปีผ่านไปดูไม่โตขึ้นเลยสักนิดครับ การพัฒนาของตัวละครถือว่าผิดหวังเหมือนกัน สรุปเลยนะครับ ดูเอาน่ากลัวยังได้เหมือนเดิมครับแถมที่คนเดิมเสียอีก พูดจากคนที่ไม่ชอบอิทภาคแรกเลยนะครับพอมา Chapter 2 เนี่ยดูเข้าท่าครับ มีทั้งความน่ากลัว บางฉากก็มีแอบเสียวไส้เล็กน้อย บางฉากมาแบบนิ่ง ๆ แต่น่าขนลุก เรียกว่าหลากหลายอารมณ์จริง ๆ ครับ ยิ่งกว่า Scary Stories to tell In The Dark อีกแถมการแสดงขั้นเทพของนักแสดงแต่ละคนเนี่ยก็เป็นอีกจุดครับที่ช่วยให้หนังสนุกขึ้นมามาก ๆ แต่ดูแล้วต้องพยายามคิดตามแล้วก็มีสมาธินิดหน่อยนะครับ ไม่งั้นอาจจะไม่เข้าใจประเด็นหลัก ๆ ของเรื่องเท่าที่ควร จุดเสียเล็กน้อยก็พอจะมองข้ามได้ครับ ฉากสยองขวัญนั้นแน่นจัดเต็มแน่นอน ดูเต็มราคายังคุ้มครับเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณไม่ถูกโรคกับความสยองขวัญแนวแฟนตาซีอาจจะมีปัญหากับเรื่องนี้ได้เช่นกันครับ โดยรวมแล้วผมไม่มีปัญหาครับ ชอบมากกว่าภาคแรกซะด้วยอย่างที่บอกไป 8 เต็ม 10 ครับเรื่องนี้ ใครยังไม่จุใจกับหนังสยองขวัญจัดไปครับเรื่องนี้ องค์ประกอบทุกอย่างเกือบดีครับ อีกนิดเดียวจริง ๆขอขอบคุณภาพทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube