In My MemoriesTunnel อุโมงค์มรณะ (2016)เข้มข้นอึดอัดกดดันในสถานการณ์ความเป็นและความตายกับทางเลือกระหว่างหนึ่งชีวิตกับอีกหลายชีวิตถ้าว่ากันที่ซีรีส์หรือละครเกาหลีดูไปบ่นไปเริ่มดูมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้วเพราะเรื่องแรกที่ได้ดูคือคุณแม่มือใหม่ใจเกินร้อย (Lady of Dignity หรือ Country Princess (2003)) หลังจากที่ได้ดูหนังเกาหลีมาบ้าง ที่จำได้แม่นคือตอนนั้นผู้เขียนได้ดูแบบออกอากาศสดเหมือนตอนนี้ด้วยซ้ำเพราะสมัยนั้นไม่มีสตรีมมิ่งที่มีให้ดูรวดเดียวเพียงแต่จำไม่ได้ว่าดูทางไหนไม่แน่ใจว่าทางช่อง 5 หรือทางช่อง ITV เมื่อก่อน ซึ่งผู้เขียนจำได้แม่นเลยคือเป็นเรื่องของแม่เลี้ยงเดี่ยววัยใสที่ต้องสู้ชีวิตและต้องกอบกู้บริษัทที่ทำงานไปด้วยกันน้ำเน่าหน่อยตามสมัยนิยม แต่ที่ติดใจมาตั้งแต่ตอนที่ว่าคือนักแสดงหญิงแบดูนาที่เอาจริงคือเธอดูต่างจากนักแสดงหญิงเกาหลีทั่วไปเพราะไม่ได้สวยในแบบพิมพ์นิยมแต่มีความน่ารักเข้ามาทดแทนจนกลายเป็นรักแรกของผู้เขียนกับนักแสดงเกาหลี หลังจากนั้นมาถ้ามีโอกาสจะดูงานของเธอเสมอมาแต่ส่วนมากเป็นผลงานทางจอเงินเพราะอย่างที่บอกคือสมัยนั้นการหาดูซีรีส์เกาหลีไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนทุกวันนี้ ที่ผู้เขียนกำลังจะบอกคือหนังเรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้มีเหตุผลเดียวดูคือแบดูนาแต่ว่าหนังก็สนุกจนดูแล้วจำได้เลยว่าด้วยเรื่องของอีจองซู (ฮาจองอู) คุณพ่อลูกหนึ่งที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านไปอวยพรวันเกิดลูกสาว ระหว่างทางต้องขับรถผ่านอุโมงค์ลอดไต้ภูเขาแต่ด้วยมาตรฐานการก่อสร้างที่ไม่ดีพอทำให้อุโมงค์ถล่มลงมาทำให้เขาติดอยู่ในอุโมงค์โดยที่มีเพียงน้ำสองขวดกับเค้กวันเกิดลูกสาว โชคดีที่เขายังยังมีโทรศัพท์ให้ติดต่อกับโลกภายนอกและปฏิบัติการช่วยเหลือเขาก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อทางการระดมทีมกู้ภัยมาเพื่อช่วยเหลือหนึ่งชีวิตที่ติดในอุโมงค์ กระนั้นด้วยความผิดพลาดด้านมาตรฐานการก่อสร้างทำให้ปฏิบัติการล้มเหลวตามมาด้วยความสูญเสียของทีมกู้ภัยและภาวะชะงักงันในการก่อสร้าง โลกภายนอกต้องเลือกว่าจะช่วยเหลือเขาต่อไปหรือไม่เพราะล่วงเลยเวลามาเนิ่นนานจนไม่แน่ใจแล้วว่าอีจองซูยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เพราะการสื่อสารก็ถูกตัดขาดไป ทางเลือกที่ยากลำบากจึงตกอยู่ในมือของเซฮยอน (แบดูนา) ภรรยาผู้มาติดตามการกู้ภัยและช่วยเหลือเท่าที่กำลังของเธอจะทำได้และแน่นอนเธอเชื่อมั่นเสมอว่าสามีของเธอยังมีชีวิตอยู่ แล้วปาฏิหาริย์จะเกิดกับคนคนเดียวที่รอความช่วยเหลือหรือไม่เมื่อต้องเลือกระหว่างหลายชีวิตกับหนึ่งชีวิตเบื้องหน้าเป็นหนังหายนะและการกู้ภัยแต่มีหัวใจใส่เข้ามาในเบื้องหลัง เดิมทีผู้เขียนคิดว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นตอนแยกของซีรีส์เรื่องเยี่ยม Tunnel อุโมงค์ลับซ่อนมิติ (2007) เพราะไม่ได้สังเกตปีที่ออกฉายแต่ไม่ใช่ ซึ่งตัวหนังทำให้ไปนึกถึงหนังอย่าง Daylight (1996) ของซิลเวสเตอร์ สตอลโลนมากกว่าและอาจได้รับแรงบันดาลใจมาก็เป็นได้เพราะหนังออกไปทางภารกิจกู้ภัยให้ลุ้นตื่นเต้นระทึกใจ ส่งด้วยบรรยากาศอึดอัดจนเผลอกลั้นหายใจในพื้นที่แคบๆเช่นเดียวกับหนังอย่าง Daylight แต่เรื่องนั้นมีความสนุกที่ฉาบฉวยกว่าแต่เรื่องนี้กลับมีมิติในการเล่าเรื่องมากกว่าและบาลานซ์ดีกว่าระหว่างการเอาชีวิตรอดกับการพยายามช่วยชีวิต หนังยังคงอารมณ์ลุ้นและอึดอัดตามวิสัยแต่ก็ไม่ได้อัดมาจนหายใจติดขัดเพราะบทหนังเลือกเสนอมิติเชิงดราม่าเรื่องของปฏิบัติการกู้ชีพในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ กับการตัดสินใจในเรื่องยากๆความหวังและการรอคอยประเด็นด้านสังคมและเรื่องของผู้มีอำนาจอิทธิพลที่ยังคงเห็นหน้าตาและภาพลักษณ์สำคัญกว่าชีวิตผู้ปฏิบัติงานและผู้ประสบภัยอย่างน่ารังเกียจที่ถูกใส่มาอย่างพอดีความหวัง ปาฏิหาริย์ ความเชื่อมั่นและน้ำหนักของความรู้สึก แน่นอนคนที่ติดอยู่ในที่แคบๆสุดอันตรายทำอะไรไม่ได้นอกจากการรอคอยด้วยความหวัง ส่วนคนที่ให้ความหวังอย่างหัวหน้าทีมกู้ภัยก็มีความหนักอึ้งในใจเมื่อปฏิบัติการยากกว่าที่คิด การรอคอยของภรรยาที่ไม่รู้ชะตากรรมของสามีมีเพียงแค่การติดต่อกันทางโทรศัพท์บ้างบางคราว วัฒนธรรมการเอาหน้าของผู้มีอำนาจที่ทำอะไรต้องหวังผลและภาพลักษณ์ การทำหน้าที่ของสื่อที่ไร้จรรยาบรรณทำทุกวิธีที่จะได้ข่าวเด็ด การต้องเลือกระหว่างความสูญเสียทางเศรษฐกิจกับหนึ่งชีวิตที่ไม่รู้ว่าอยู่หรือตาย การชั่งน้ำหนักระหว่างหลากหลายชีวิตและที่ต้องเสียสละแรงกายแรงใจกระทั่งบางคนต้องสละชีวิตกับหนึ่งชีวิตผู้รอคอย น้ำหนักของหยาดน้ำตาของแม่ผู้สูญเสียลูกชายจากปฏิบัติการกับหยาดน้ำตาของภรรยาผู้รอคอยสามีที่แม้จะเสียใจในการสูญเสียแต่ไม่มีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้า เรื่องราวประดามีเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความต่างกับหนังกู้ภัยเรื่องอื่นๆที่เคยผ่านตามาแฝงอาการเชิดชูไว้ได้เนียนๆที่อาจไม่โดดเด่นเพราะประเด็นเยอะแต่ยังเอาอยู่ หนังอาจไม่ได้จงใจเชิดชูความกล้าหาญและการเสียสละของเหล่ามนุษย์กู้ภัยอย่างออกนอกหน้าเพราะต้องสร้างสมดุลสองทางก็จริงแต่ยังดีพอที่เห็นอาการยกย่อง ทั้งนี้เพราะหนังไม่ได้จัดเต็มด้านปฏิบัติการแต่เน้นประเด็นทางสังคมมากกว่าซึ่งสำหรับผู้เขียนเองคิดว่าด้วยประเด็นค่อนข้างมากถ้าว่ากันที่เวลาฉายเท่าที่มีแต่หนังยังคุมอยู่ไม่ให้เตลิดออกทะเลก็ต้องบอกว่าหนังมีบทภาพยนตร์ที่แข็งพอตัวเพราะคนดูจะรู้สึกว่ามีอารมณ์ร่วมในทุกประเด็นมากบ้างน้อยบ้างก็ยังมี แต่สิ่งที่ต้องแลกคือความลุ้นระทึกอาจจะไม่เข้มแต่ความสนุกไปอยู่ที่ประเด็นทางสังคมและจิตใจทำให้หนังออกมาดูดีๆไปอีกมุม และคนดูก็ดูสนุกอยากรู้ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไรจนไม่อยากลุกไปไหน อยากรู้ว่าปาฏิหาริย์จะมีจริงหรือไม่แม้ว่าส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าถ้าใส่ความเข้มในเรื่องความเสียหายทางเศรษฐกิจกับหนึ่งชีวิตที่ต้องเลือกกับความเป็นดราม่าประเด็นคนที่เฝ้าคอยความหวังอย่างอีจองซูกับหัวหน้าทีมกู้ภัยแดคยองให้มากกว่านี้เข้มกว่าการที่ต้องกินฉี่ตัวเองหนังอาจจะสมบูรณ์กว่านี้ก็เป็นได้การรับผิดชอบหน้าที่ได้สมราคานักแสดงแถวหน้าของเกาหลีทั้งที่บทแบบนี้ก็เห็นมานักต่อนัก ส่วนสำคัญที่ทำให้คนดูจะมีอารมณ์ร่วมกับทุกเรื่องที่ต้องการบทหนังมีส่วนแน่นอนแต่ที่มีมากกว่านั้นคือการแสดงที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์และเจตนาของบทให้จับใจคนดูให้ได้ เช่นเดียวเรื่องนี้นักแสดงรับหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่มีบกพร่องสมราคาเบอร์ต้นๆของวงการบ้านเขาเพราะคนดูเชื่อจริงๆว่าอารมณ์ตอนนั้นเป็นเช่นนั้นจริงๆ ฮาจองอูในบทอีจองซูผู้ต้องอยู่ในที่แคบๆทำให้คนดูเอาใจช่วยและรู้สึกอึดอัดมีความหวังผิดหวัง และถึงกับสิ้นหวังในตอนท้าย แบดูนาในบทเซฮยอนให้การแสดงที่คนดูเห็นใจในการรอคอยที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ความสับสนในใจเมื่อเวลาล่วงผ่านโดยไม่รู้ชะตากรรมสามี ความเจ็บปวดเมื่อต้องมีเหตุการณ์สูญเสียของทีมกู้ภัยความละอายแต่ไม่สามารถบอกได้ ส่วนที่ชอบที่สุดคือโอดัลซูในบทหัวหน้าทีมกู้ภัยที่สื่อให้เห็นว่าเขาคือคนที่ไม่ยอมเลิกล้มอะไรง่ายๆเขาคือคนที่เกิดมาเพื่อช่วยชีวิตเขาคือคนแกร่งที่ยืนสู้กับทั้งอิทธิพลและสื่อด้วยอารมณ์ท้อแท้หมดหวังแต่ก็ยังไม่หยุด แค่สามคนนี้ก็ช่วยยกระดับหนังให้ดูสนุกกับทุกบทสนทนาและการแสดงที่สื่อทุกประเด็นได้ทำให้หนังไม่มีช่วงน่าเบื่อหากว่าจะหวังเอาความลุ้นระทึกแบบแอ็กชันหนังเรื่องนี้คงจะให้ได้ไม่เต็มที่ ซึ่งอารมณ์ลุ้นระทึกยังมีแต่มันไม่ใช่จุดขายเพราะหนังมีพาร์ทของดราม่าส่วนตัวและประเด็นส่วนรวมที่ประเดประดังเข้ามาทำให้นอกจากลุ้นแล้วยังมีความเข้มข้นมีความหมายมีความซาบซึ้งใจแฝงไว้เบื้องหลังที่เนียนตา ซึ่งถ้าจะว่ากันที่เรื่องของการมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังการรอคอยด้วยความหวังความพยายามที่จะช่วยชีวิตคนด้วยความหวังผ่านการเล่าเรื่องที่สนุกๆบทสนทนาที่อาจดูธรรมดาแต่มีผลต่อตัวเรื่องนั่นเพราะบทสนทนาไม่ทำให้รู้สึกว่าถูกยัดความคมให้ หรือหากจะดูเพื่อขุดค้นเบื้องลึกในใจคนเมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องที่ยากเนื่องจากมีชีวิตคนเป็นเดิมพันหนังเรื่องนี้มอบให้เต็มที่ดูง่ายไม่ฉาบฉวยหรือยัดเยียดความซาบซึ้งเหมือนหนังปฏิบัติการกู้ภัยบางเรื่อง แต่ความบันเทิงยังมีเต็มเปี่ยมด้วยประเด็นเข้มๆมากมายแต่ไม่หลุดเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูได้แบบนั่งติดเก้าอี้ได้ตลอดเรื่อง และต้องดูเท่านั้นถึงจะพิสูจน์ได้ว่าสุดท้ายปาฏิหาริย์จะมีจริงหรือไม่บอกได้แค่ว่านี่อาจไม่ใช่มุมมองที่เคยเห็นมาในหนังหายนะและการกู้ภัยอย่างที่คุ้นเคยแน่นอนขอบคุณภาพประกอบภาพปก 1,2 / ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 จาก cgv.co.krเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องนี้https://entertainment.trueid.net/detail/7Qp6XdX4aPKR