Movie Review Project Silence (2023) เขี้ยวชีวะคลั่งสะพานนรก ถ้าไม่นับความคิดถึงและเสียดาย "อีซอนคยุน" นี่คือสูตรสำเร็จที่เกือบกลายเป็นธรรมดาเพราะหาได้ทั่วไปแต่กลับมีหัวใจได้เพราะพลังการแสดง รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ถ้าเอ่ยถึงนักแสดงผู้ล่วงลับอีซอนคยุนยอมรับว่าผู้เขียนชอบการแสดงของเขามากแต่จำไม่ได้แล้วว่ารู้จักเขาตอนไหนคงเป็นหนังสักเรื่องเพราะเมื่อก่อนถ้าเป็นคอนเทนต์เกาหลีผู้เขียนจะดูหนังเป็นส่วนใหญ่และอีซอนคยุนจะแสดงหนังมากกว่าซีรีส์ แต่แล้วการได้ดูซีรีส์ที่ใครๆก็รักอย่าง My Mister (2018) หรือคุณลุงของฉันผู้เขียนก็ประทับใจในการแสดงของเขาอาจเพราะเป็นงานละครขนาดยาวทำให้สามารถดูการแสดงของเขาได้แบบยาวๆ จากนั้นก็พยายามตามดูงานเก่าและใหม่ของเขาเรื่อยมาจนถึงวันที่เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยเหตุผลที่ทุกคนทราบ ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนยอมรับว่าตกใจและช็อคมากจนไม่มีกะจิตกะใจเขียนบทความพิเศษในช่วงปลายปีอย่างที่เคยเขียนมาทุกปีไม่มีขาดแต่ปีนั้น (2023) ต้องขาดไปหนึ่งปีเพราะไม่มีกะจิตกะใจจริงๆ หลังจากนั้นมางานแสดงของเขาที่ออกฉายหรือลงสตรีมผู้เขียนก็ยังดูเพราะเหมือนเป็นหน้าที่ จนมาเรื่องนี้คืองานชิ้นสุดท้ายที่เขาฝากไว้กับโลกภาพยนตร์และยังไม่พอยังฝากฝีมือการแสดงที่ช่วยยกระดับหนังได้อย่างน่าทึ่งด้วย คืนที่หมอกลงจัดทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำมากชาจองวอน (อีซอนคยุน) ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงกับลูกสาวชาคยองมิน (คิมซูอา) ที่ดูก็รู้ว่าห่างเหินกำลังเดินทางไปสนามบิน แต่ด้วยทัศนวิสัยที่แย่มากแถมยังมีคนขับรถประมาททำให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่รถชนกันระนาวรวมถึงรถของนักกอล์ฟสาวซิมยูรา (พัคจูฮยอน) แล้วยังมีคนขับรถลากที่ตามมาเอาเงินจากชาจองวอนเพราะความเข้าใจผิดคือโจ พัค (จูจีฮุน) ที่มากลายเป็นผู้ประสบภัยด้วยกันแต่บนสะพานกลับมีผู้โดยสารที่ไม่พึงประสงค์ นั่นคือสุนัขที่ถูกฝังชิปและฝึกมาเพื่อตามล่าสังหารผู้ก่อการร้ายด้วยการจดจำเสียงและนี่คือผลงานอัปยศของรัฐบาลในนาม Project Silence ที่มีกำลังทหารคุ้มกันไปกำจัด ทว่าเมื่อสุนัขเหล่านั้นหลุดออกมาเพราะอุบัติเหตุแล้วมีความพยายามควบคุมพวกมันแต่เกิดความผิดพลาดสุนัขที่บ้าคลั่งจึงออกล่าสังหารผู้ที่ติดอยู่บนสะพานอย่างไม่ไว้หน้า แต่ชาจองวอนที่มีเส้นสายในรัฐบาลก็พยายามแก้ไขจนเมื่อความจริงใกล้เปิดเผยพวกเขากลับถูกทิ้งให้ตายแล้วพวกเขาจะรอดไปได้ยังไง นี่คือส่วนผสมระหว่าง Train to Busan กับ Resident Evil จนกลายเป็นงานสูตรสำเร็จจ๋าๆจึงมีปัญหาความจำเจและตีบตันทางไอเดีย ถ้าว่ากันที่บทหนังแม้จะยอบรับว่าคงไม่ง่ายที่จะหาไอเดียใหม่ใสกิ๊กมาเล่าในหนังลักเรื่องในแต่ละแนวเพราะบางครั้งทางไปมันก็จำกัด แต่กับเรื่องนี้มันคือความชัดยิ่งกว่าชัดในการเป็นงานสูตรสำเร็จของหนังแนวแอ็กชันทริลเลอร์สยองขวัญโดยมีเค้าโครงที่จับไต๋ได้ว่ามันคือส่วนผสมของ Train to Busan ในด้านหัวใจของเรื่องและภัยร้ายที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ในความพยายามเป็นพระเจ้า ผสมกับบรรยากาศที่ขมุกขมัวรอบกายไม่น่าไว้ใจการเอาตัวรอดในสถานที่ปิดตายความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่จับอาวุธที่โดนสอยไปทีละคนทำให้ยังไงก็ต้องคิดถึง Resident Evil แล้วจุดร่วมของสองเรื่องที่ว่ามาคือซอมบี้แต่เรื่องนี้แค่เปลี่ยนซอมบี้มาเป็นสุนัขทดลองส่วนการเดินเรื่องก็แนะนำตัวละครที่จะกลายมาเป็นผู้ประสบภัยและตัวละครรอตายสูตรกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ทำให้แม้ในตัวบทจะไม่มีปัญหาเรื่องแรงจูงใจหรือความเชื่อมโยงแต่มันก็จำเจไปหน่อย แต่บางครั้งหนังสูตรก็มีดีในตัวอย่างเรื่องนี้ก็มีดีที่ความลุ้นระทึกเร้าใจตามสูตรแถมยังแฝงอะไรไว้เบื้องหลังตามสูตรหนังเกาหลี ในความเป็นหนัง Text Book สิ่งที่ได้เปรียบคือมันจะมีความสนุกอยู่ในตัวแม้ว่าลูกเล่นที่เอามาใช้จะไม่มีอะไรใหม่แต่อาจสร้างความบันเทิงได้ตามแนวของมัน แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกันในความตื่นเต้นลุ้นระทึกเร้าใจยังมีมาให้แต่ก็ตามนั้นเพราะมันเป็นของมันต้องมีในหนังแนวนี้ที่อาจไม่ต้องลุ้นบทสรุปใดๆเลย เพราะในความเป็นหนังสยองเอาชีวิตรอดทุกองค์ประกอบมาหมดแถมยังมีสูตรสำเร็จของหนังเกาหลีเมื่อเรื่องแบบนี้มันต้องมีหัวใจสิน่า กับการแฝงดราม่าไว้ที่ไม่ต้องคิดมากเพราะถ้าดูหนังเกาหลีมาจนชินแล้วก็พอรู้ว่าจะมาไม้นี้รวมถึงเรื่องการเมืองที่เป็นตัวกำหนดหัวใจในการเป็นตัวแปรของความเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าว่ากันตรงนี้ก็ถือว่าใช้ได้แต่อาจไม่ถูกใจคนที่ไม่ชอบความบันเทิงที่มีเบื้องหลังแบบนี้ เพียงแต่อะไรทำนองนี้มันเล่นมาบ่อยแล้วสิ่งที่เห็นก็เคยเห็นสิ่งที่แฝงไว้ก็เคยผ่านตามันจึงทำให้ถ้าว่ากันที่เนื้อหาก็ธรรมดาเกินไปหน่อยเท่านั้น ใดๆคือการแสดงได้ยกระดับหนังที่แสนธรรมดาเรื่องนี้ให้มีพลังมีหัวใจจนแสนเสียดาย "อีซอนคยุน" ที่นี่คงเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วจริงๆ บางครั้งหนังที่ธรรมดาๆเนื้อหาและลูกเล่นต่างๆรวมถึงดราม่าไม่ได้มีอะไรโดดเด่นจนสามารถทำอะไรความด้านชาของคนดูที่ดูหนังมาเยอะได้ อย่างเรื่องนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรเรื่องจะพาเราไปทางไหนและจะมีบทสรุปยังไงประเด็นซ้อนหลังความบันเทิงที่ฉากหน้าก็เคยรับรู้มาหมดแล้ว แต่สิ่งที่มักจะมาช่วยได้เสมอคือการแสดงเพราะในหนังที่แสนธรรมดาเหมือนไม่มีอะไรอาจกลายเป็นมีอะไรหรืออะไรที่เคยเห็นมาไม่น่าจะโดนใจกลับโดนได้เพราะการแสดง เมื่อนึกถึงตรงนี้ในหนังเรื่องนี้สารภาพอีกทีว่าเสียดายอีซอนคยุนเหลือเกินที่ต่อไปนี้จะไม่มีหนังใหม่ของเขาแล้วเพราะนี่คือเรื่องสุดท้ายจริงๆที่เขาแสดงไว้ เพราะการแสดงเป็นคนที่ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ทุกความคิดมีแต่เรื่องการเมืองที่ต้องหวังผลแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นพ่อที่ดวงตาเห็นธรรมได้ ทั้งยังได้บทสมทบที่มาเพื่อผ่อนคลายของจูจีฮุนที่ต้องยอมรับว่าเล่นได้ทุกบทจริงๆ อาจเพราะคิดถึง "อีซอนคยุน" ประกอบกับไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังแบบนี้เท่าที่มีจึงกลายเป็นความบันเทิงที่ดีได้ในเวลาที่เหมาะสม เอาจริงไม่เอาใจยอมรับตามความสัจว่าผู้เขียนดูเรืองนี้เพราะนักแสดงอีซอนคยุนเพราะหนังแบบนี้ถ้าไม่ใช่การแสดงเรื่องสุดท้ายของอีซอนคยุนผู้เขียนคงมองข้ามไป แล้วเมื่อเห็นหน้าหนังผู้เขียนก็ปล่อยวางความคาดหวังใดๆกับการดูนอกจากมาเพื่อความบันเทิงในเวลาที่หนังมีให้ซึ่งอาจยอมรับกลายๆว่าดีแล้วที่เวลาฉายเพียงชั่วโมงครึ่ง เพราะถ้ายืดออกไปอีกสักครึ่งชั่วโมงอาจไม่มีอะไรมาเล่นแล้วความบันเทิงความสนุกเท่าที่มีในเรื่องนี้ที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจจะถูกเวลาฉายที่นานขึ้นพรากไป และสำหรับหัวใจของหนังที่มีมาให้ที่มาเพราะการแสดงของนักแสดงล้วนๆที่ทุกอย่างเคยๆเห็นมาแต่เป็นการแสดงของนักแสดงที่ทำให้อะไรทำนองนี้ยังได้ผล ซึ่งก็ต้องย้อนกลับไปถึงการที่เมื่อเห็นหน้าหนังแบบนี้ในหนังแนวนี้เห็นพล็อตเรื่องแบบนี้ท่านจะคาดหวังอะไรอีกหรือจะเอาความบันเทิงที่เห็นตรงหน้าที่หนังมีให้ที่คงน่าจะพอแล้ว ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3,4,5,6,7 จาก Instagram cjenmmovie จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !