บทละครโทรทัศน์ รากบุญ 2 (รอยรักแรงมาร) ตอนที่ 13 หน้า 5
“นที” เจติยารีบวิ่งไปที่คลองก่อนจะกระโจนลงน้ำตามไปช่วยนทีทันที
เจติยาดำดิ่งลงไปในคลอง แล้วพยายามแหวกว่ายตามหา เจติยามองหาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนที เจติยาพุ่งตัวขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อหายใจให้เต็มปอด ก่อนจะดำดิ่งลงไปใต้น้ำอีกครั้งเพื่อหาตัวน้องชาย เจติยาดำผุดดำว่ายจนเหลือบเห็นนทีจมน้ำนิ่งไม่ได้สติ อยู่ที่ใต้น้ำ เจติยาแหวกว่ายเข้าไปหานที แต่ทันใดนั้น ก็มีมือจำนวนมากโผล่ออกมาจับตัวเจติยาไว้
เจติยาตกใจพยายามจะดิ้น แต่ไม่สำเร็จ มือจำนวนมากจับเจติยาไว้แน่น จนตัวเจติยาเองจะหายใจไม่ออก ขณะนั้นเอง กสิณก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจติยา
“ขอพรสิเจติยา เพียงแค่เธออธิษฐานในใจขอพรจากเหรียญ ทั้งเธอทั้งน้องชายของเธอก็จะปลอดภัย” เจติยาขบกรามแน่น สายตาเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้ “ยังคิดจะสู้อีกเหรอ ไม่มีประโยชน์หรอก อีกไม่นาน เธอกับน้องต้องขาดอากาศหายใจตายแน่ มีแต่เหรียญเท่านั้น ที่จะช่วยเธอได้”
เจติยาพยายามดิ้น ก็ไม่สำเร็จ เห็นนทีนิ่งไม่ได้สติ เจติยาก็ยิ่งร้อนใจ ทันใดนั้นเอง เจติยาก็ฉุกคิดขึ้น เลยหลับตาตั้งสติทำสมาธิ ไม่นานนักพอจิตสงบ ก็มีแสงรัศมีสีขาวอออกจากร่างของเจติยา พลังที่ยมทูตให้ไว้ คุ้มครองเจติยาทันทีที่เจติยามีสมาธิ
มือจำนวนมากที่จับตัวเจติยาอยู่ พอถูกแสงสีขาวก็รีบปล่อยทันที กสิณตกใจ จะเข้าไปบีบคอเจติยา แต่กลับถูกแสงสีขาวผลักออกมา กสิณร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เจอพลังของเจติยาทำร้ายอีกครั้ง จนกสิณต้องสลายตัวกลืนไปกับมวลน้ำหายไป เจติยาจัดการกสิณได้ ก็รีบดำน้ำลงไปช่วยนทีขึ้นมาทันที
เจติยาดึงน้องโผล่พ้นผิวน้ำ แล้วพยายามว่ายน้ำพานทีมาที่ศาลา ก่อนที่จะลากตัวนทีขึ้นมาที่ศาลาจนได้ เจติยาเขย่าตัวนทีเรียก “นทีๆ”
นทียังคงไม่รู้สึกตัวเพราะกินน้ำเข้าไปมากสลบไม่ได้สติ เจติยาตกใจสติพยายามจะกดที่ท้องของนที เพื่อให้สำลักน้ำออกมา
ทันใดนั้นก้องก็เข้ามาช่วยทันท่วงที “ถอยไปครับ คุณทำผิดวิธี” ก้องเข้ามาถึง ก็จับนทีนอนหงาย แล้วทำการกดหน้าอก 30 ครั้ง สลับกับการผายปอดแบบเม๊าท์ทูเม๊าท์ 2 ครั้ง เพียงครู่หนึ่ง นทีก็ไอโขลกออกมา พร้อมกับสามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง ก้องเป่าปากโล่งอก
เจติยาดีใจมาก “นที เป็นยังไงบ้าง”
นทีลืมตามองเจติยา แต่ยังอ่อนแรงอยู่ พูดไม่ออก เจติยายิ้มอย่างดีใจที่นทีปลอดภัยแล้ว
เจติยา และมยุรี ช่วยกันประคองนทีเข้ามานอนพักที่โซฟาในโถงบ้าน ก้องเดินตามหลังมา
“ขอบคุณมากนะคะ โชคดีจริงๆที่คุณบังเอิญอยู่ที่วัดพอดี ไม่อย่างงั้นนทีคงแย่แน่”