บทละครโทรทัศน์ กลกิโมโน ตอนที่ 19 หน้า 2
“สิ่งที่ชั้นต้องการให้อาคิระกับรินดารารักษาให้ดี ไม่ใช่เส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำ แต่เป็นชีวิตของทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพราะชั้นไม่ต้องการให้มีใครต้องตายเพื่อแลกกับอิสรภาพของชั้นแม้แต่คนเดียว” แววตาโฮชิโนโอจิมีความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
ชานหน้าบ้าน รินดาราเดินคุยโทรศัพท์มือถือออกมาจากในบ้าน “หนูจะรีบไปทำธุระให้เสร็จ แล้วจะรีบไปเฝ้าพ่อแทนแม่นะคะ แม่จะได้กลับมาพักผ่อน แต่ถ้ามีอะไรแม่โทรหาหนูได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” รินดาราฟังแล้วตอบ “ค่ะแม่”
รินดาราวางสายแล้ว ถึงเห็นอาคิระยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ครับคุณย่า ฝากบอกท่านชายด้วยนะครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะทำตามที่ท่านชายสั่งให้ดีที่สุด แล้วผมจะส่งข่าวไปนะครับ” อาคิระวางสาย
รินดาราเดินเข้าไปถาม “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ท่านชายฝากบอกให้เราดูแลชีวิตของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะท่านชายกำลังสงสัยว่าพวกโคสึกะจะรู้เรื่องที่เรามาตามหาเส้นไหมขนนกกระเรียนทองคำที่นี่ พวกนั้นอาจจะตามมาขัดขวางเรา”
“พวกโคสึกะจะรู้ว่าเรามาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“โคสึกะร้ายกาจกว่าที่คุณคิด ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่าที่คุณได้ยินเสียงฮิเดะเมื่อคืนนี้ คุณไม่ได้คิดไปเองแน่ เพราะฉะนั้นเราต้องรีบไปหาคุณป้าอังให้เร็วที่สุด ก่อนที่ฮิเดะจะไปถึงก่อนเรา”
ขาดคำเสียงแตรรถดังขึ้น อาคิระกับรินดาราหันไปเห็นเคนจิโบกมือมาทางพวกเขาอยู่บนรถเก๋ง
รถยนต์ของเคนจิขับเรื่อยๆ ไปบนถนนเรียบทุ่งนา ภายในรถ..เคนจิเป็นคนขับรถ อาคิระนั่งหน้าคู่กับเคนจิ รินดารานั่งข้างหลัง แต่ยื่นตัวออกมาอยู่ตรงกลาง อาคิระกับรินดารามีอาการร้อนรนตื่นเต้น
“เคนจิ...ถนนไม่มีรถสักคัน ขับเร็วกว่านี้ได้ไหม”
“ไปถึงเร็วก็ยังไม่เจอ วันนี้ป้าอังไปหาหมอในเมือง น่าจะยังไม่กลับ”
“แล้วอีกไกลไหมกว่าจะถึง”
เคนจิชี้ไปที่หลังคาบ้านสองชั้นโผล่พ้นแมกไม้ที่อยู่ห่างไปประมาณครึ่งกิโลเมตร “บ้านหลังนั้น”
รินดารากับอาคิระมองตามไปที่หลังคาบ้านอย่างมีความหวัง ส่วนเคนจิชี้เสร็จแล้วหันกลับไปมองที่ถนน ทันใดนั้นก็มีเงาดำๆ ลักษณะเหมือนสุนัขวิ่งตัดหน้ารถในระยะประชิด “เฮ้ย !!!!” เคนจิหักรถหลบกะทันหัน ทำให้รถพุ่งลงทุ่งนาข้างทาง ทั้งสามตกใจสุดขีด เคนจิเหยียบเบรกมิดเท้า ทั้งสามหัวทิ่ม
รถหยุดได้ทัน ก่อนที่จะพุ่งลงไปในคันนา
อาคิระกับเคนจิรีบลงจากรถ เคนจิไปก้มดูล้อรถ ส่วนอาคิระเปิดประตูหลังไปดูรินดาราอย่างห่วงใย “รินดารา! คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม”