บทละครโทรทัศน์ นาคี ตอนที่ 18
แคร่หน้ากระต๊อบทศพล ศิลาจารึกแผ่นแรกที่ทัศนัยกับแผ่นที่สองที่สุภัทรเจอประกบต่อกันได้พอดี ทศพลกับเพื่อนทั้ง 4 ดูมีความหวัง ตื่นเต้นที่ปริศนามรุกขนครค่อยๆ คลี่คลายทีละน้อย
ทศพลอุทาน “ศิลาจารึกทั้งสองชิ้นนี่เป็นแผ่นเดียวกันจริงๆ ด้วย!”
เชษฐ์เสริม “ถ้าหาจารึกแผ่นที่เหลือเจอ เราก็จะรู้เรื่องราวทั้งหมดของมรุกขนคร”
ประกิตครุ่นคิด “ต้องอยู่ในถ้ำใต้เทวาลัยแน่ๆ ! แต่ใครจะลงไปเอามาวะ”
วันชนะแกล้งพูด “แกนั่นแหละไอ้กิต อยู่ไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ ลงไปเป็นอาหารงูในถ้ำนั่นแหละดี ได้บุญน่ะเว้ย”
ประกิตหน้าเหวอ “แค่ได้ยินชื่อถ้ำนั่น ฉันก็กลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว”
ทศพลเอามือลูบฝุ่นที่เกาะอยู่ที่ศิลาจารึก เห็นตัวอักษรชัดเจนขึ้น “อักษรปัลลวะ อายุน่าจะเก่าแก่ราวศตวรรษที่แปดถึงสิบเอ็ด”
สุภัทรยิ้มชื่นชมในตัวลูกชาย “อักษรปัลลวะถูกใช้ในดินแดนที่รับอารยธรรมจากอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นมอญ จาม เขมร หรือมัชปาหิต ผ่านทางพวกพราหมณ์ที่มาเผยแผ่ศาสนา คนที่จารึกมันขึ้นมาน่าจะเป็นนักบวชที่อยู่ยุคนั้น”
ทศพลและเพื่อนๆ ต่างพยักหน้าอือออเห็นด้วย ทศพลมองจารึกเห็นตัวอักษรปัลลวะลางเลือนมาก “ตัวอักษรมันเลือนขนาดนี้ จะอ่านได้เหรอครับ”
“ฉันเป็นนักโบราณคดี ไม่ใช่นักอ่านจารึกหรือผู้สันทัดภาษาโบราณ ลบเลือนเสียหายไปก็มาก ฉันจะพยายามอ่านเท่าที่อ่านได้ก็แล้วกัน” สุภัทรมองศิลาจารึกราวสมบัติล้ำค่าที่จะไขปริศนาตำนานเมืองลี้ลับ
คำแก้วเร่งมือจัดสำรับกับข้าวมื้อเย็น เตรียมให้ทศพลกับคนอื่นๆอยู่ในครัว เธอยกถาดกับข้าวออกจากครัวไปยังแคร่หน้ากระต๊อบ
“กินข้าวกินปลากันก่อนจ้ะ วันนี้น้ำพริกปลาร้ากับแกงหน่อไม้ใส่ใบย่านาง”
สายตาคำแก้วเหลือบเห็นศิลาจารึกในมือสุภัทร ตัวอักษรบนจารึกด้านหลังเรืองวาบขึ้น เสียงพราหมณ์เจ้าอินทร์ที่สวดในอดีตชาติดังแว่วเข้ามา สำเนียงน่ากลัว คำแก้วยกมือขึ้นปิดหู จนถาดกับข้าวที่ถือมาด้วยหลุดมือ กระจายเกลื่อน คำแก้วจ้องมองศิลาจารึกไม่วางตา หายใจหอบระรัว
“โธ่...คำแก้ว ยกไม่ไหวก็น่าจะเรียก พวกพี่จะได้ไปช่วย” ทศพลเข้าไปช่วย
“คำแก้วซุ่มซ่ามไปหน่อย เดี๋ยวจัดสำรับมาให้ใหม่นะจ๊ะ” คำแก้วรีบลนลานกลับเข้าครัวไป
ประกิตกับวันชนะเห็นคำแก้วท่าทางแปลกๆ ก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
สุภัทรเอ็ด “เอ้า ! มองกันอยู่ได้ รีบไปช่วยหนูคำแก้วเค้าสิ จะรอเค้าเอามาประเคนให้ถึงที่หรือไง”
เชษฐ์กับสมมาตรรีบตามไปช่วยคำแก้วในครัว