บทละครโทรทัศน์ บัลลังก์เมฆ ตอนที่ 12 หน้า 5

วาสุเทพตัดสินใจจับมือกติยาไว้ หญิงสาวหันมามองวาสุเทพว่าวาสุเทพจะเอาอะไร

วาสุเทพเงยหน้ามองกติยา แล้วตัดสินใจพูด “แต่งงานกับพี่นะยา” 

กติยามองวาสุเทพอย่างอึ้ง ไม่อยากจะเชื่อว่าวาสุเทพจะพูดขอแต่งงานตอนนี้ “พี่เทพ ....  จริงเหรอคะ ?” หญิงสาวมองวาสุเทพด้วยสายตาอยากฟังคำตอบ น้ำตาคลอด้วยความรู้สึกตื่นเต้น และตื้นตันว่าเวลาที่รอคอยมานานแสนนานกำลังมาถึง

วาสุเทพลุกขึ้นยืนตรงหน้ากติยา แล้วจับมืออีกฝ่ายไว้ “พี่รู้ ..ว่าที่ผ่านมา พี่ทำให้ยาเจ็บช้ำมามาก แต่ยาก็ยังให้อภัยพี่ ต่อไปนี้ ..พี่สัญญาว่าพี่จะ พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ยายังพร้อมจะรับผู้ชายคนนี้ร่วมชีวิตไหม?” 

กติยามองวาสุเทพด้วยสีหน้าดีใจ ปลื้มใจ จนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ แล้วโผเข้าไปกอดวาสุเทพ “รับค่ะ ..” 

ชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้  โดยในใจคิดว่าต่อไปนี้เขาต้องตัดใจจากปานรุ้งแล้วจริงๆ

เช้าวันใหม่ที่บ้านกติยา หญิงสาวเดินกลับจากตักบาตรที่หน้าบ้านพร้อมคุณหญิงดรุณี  สีหน้าของหญิงสาวดูมีความสุข “เช้านี้ ..อากาศสดใสจังเลยนะคะ” 

“คนมีความสุข อะไรๆ ก็สดใสไปหมดแหละ” คุณหญิงดรุณีแกล้งแซว

กติยายิ้มเขินๆ “แม่รู้ไหมคะ เมื่อคืนยานอนไม่หลับเลยค่ะ ยากลัวว่าถ้ายาหลับ แล้วยาตื่นมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้น จะเป็นแค่ความฝัน” 

“แต่ตอนนี้ยาก็เห็นแล้วว่าทุกอย่างเป็นความจริง ..เมื่อเช้าแม่ตาเทพโทรมาคุยกับแม่แต่เช้า ว่าจะรีบหาผู้ใหญ่มาสู่ขอลูก” 

กติยายิ้มอย่างมีความสุข “ในที่สุด ..ความรัก ความจริงใจของยาก็เอาชนะ” หญิงสาวคิดถึงปานรุ้ง “ความรักจอมปลอมของผู้หญิงคนนั้นได้” 

คุณหญิงดรุณีมองกติยาอย่างดีใจด้วย แต่อีกใจนึงก็ห่วงว่าวาสุเทพจะแต่งงานกับกติยารึเปล่า

ที่บริษัทสมุทรเทวา วันนี้มีการประชุมของคณะกรรมการผู้บริหารบริษัท โดยมีคมขวัญนั่งหัวโต๊ะ มิสเตอร์เจสันนั่งท้ายโต๊ะ ประจันหน้ากัน คณะกรรมการผู้บริหารนั่งด้านข้าง ปริญญา นพพร ศุภกิจนั่งถัดออกไป

“ตามที่ทางสมุทรเทวาส่งรายงานสถานการณ์ของบริษัทให้คณะผู้บริหาร” นพพรผายมือไปทางมิสเตอร์เจสัน “และผู้ถือหุ้น เราเห็นว่าการบริหารแต่ละฝ่ายมีจุดบกพร่องหลายอย่าง โดยเฉพาะฝ่ายซ่อมบำรุง” 

ศุภกิจพูดต่อ “จากบัญชีที่ทางสมุทรเทวาแจ้งมา  มีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง และเบิกค่าอะไหล่เกินกว่าจำเป็น เมื่อเอาค่าซ่อมมาลบกับรายได้ทำให้เห็นว่าสมุทรเทวาแทบไม่เหลือกำไร” 

ปริญญารีบยกมือค้าน “ไม่จริง! เงินค่าซ่อมบำรุง เราใช้ไปแค่ 30% ของรายได้ บวก-ลบแล้ว เรายังมีผลกำไรอีก 10%”