เรื่องย่อ อตีตา

อตีตา

                ศิโรตม์ (ภัทรเดช สงวนความดี) หนุ่มนักเรียนนอกเพิ่งกลับมารับมรดกบริหารงานบริษัทศิวะบันเทิงยักษ์ใหญ่ในวงการออแกไนเซอร์ของเมืองไทย ศิโรตม์พยายามสร้างสรรค์งานที่แปลกแตกต่างตามความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่วิธีของศิโรตม์กลับขัดกันกับแนวการทางานในวิธีเดิมๆ ของสองพ่อลูกผู้ภักดี อรรถ (ปราบ ยุทธพิชัย) และอรรถวิทย์ (ภานุ สุวรรณโณ) ซึ่งทำงานให้กับบริษัทฯ มาตั้งแต่รุ่นบิดาของเขา

                ระหว่างการเตรียมการจัดงานแสงสีเสียงที่จังหวัดอยุธยา ศิโรตม์ได้พบกับเมืองใจ (อรรคพันธ์ นะมาตร์) ซึ่งตอนแรกเขาเข้าใจว่า คือหนึ่งในนักแสดงประกอบ ในงานแสงสีเสียง แต่แล้ว เขาพาเมืองใจกลับมาด้วย และได้พบว่า เมืองใจคือหนึ่งในวีรชนบางระจัน ที่ก้าวผ่านมิติของเวลามาสู่ยุคนี้

                เมืองใจ เป็นบุตรของขุนวิชิต ในยามนั้นที่กรุงศรีอยุธยาเกิดศึกพม่าบุกรุกราน เมืองใจตัดสินใจ ละบ้านและครอบครัว แล้วมาสมทบกับชาวบ้านที่ค่ายบางระจันเพื่อทาศึกปกป้องผืนแผ่นดิน การศึกเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ค่ายบางระจันยังคงตรึงข้าศึกได้ แต่ด้วยกำลังชาวบ้านที่น้อยนิด บางระจันจึงมิอาจจะต้านทานไปได้อีกนานนัก เมืองใจจึงจำต้องย้อนกลับอยุธยาเพื่อขอปืนใหญ่และขอกำลังช่วยเหลือ

                แต่ระหว่างทาง เมืองใจกลับเดินทางผ่านมิติของเวลา ข้ามมาสู่อีกสองร้อยปีต่อมา และทำให้เมืองใจได้พบศิโรตม์ ศิโรตม์ไม่รู้ว่าเมืองใจทะลุมิติมาได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะไม่สามารถหาปืนใหญ่ให้เมืองใจได้ แต่ศิโรตม์ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผูกพันเขาทั้งสองไว้

                ความจริงเริ่มกระจ่าง เมื่อพระอาจารย์ธรรมโชติ (สรพงษ์ ชาตรี) จากค่ายบางระจันได้ถอดจิตข้ามเวลามาพบคุณปานทิพย์ (เดือนเต็ม สาลิตุล) มารดาของศิโรตม์ คุณปานทิพย์จึงรู้ว่า แท้ที่จริง เมืองใจนั้นคือบุตรชายของตนในอดีตชาติศิโรตม์ พยายามปกปิดความจริงไม่ต้องการให้เมืองใจรู้ว่า ค่ายบางระจันแตกและทุกคนในค่ายล้วนเสียชีวิต ศิโรตม์พยายามจะให้เมืองใจใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันให้ได้ แต่เขาก็แปลกใจที่ลติกา (ฝนทิพย์ วัชรตระกูล) เพื่อนสาวของเขากลับสนใจเมืองใจเป็นพิเศษ

                แต่แล้ว มิติของเวลาก็ย้อนกลับ ดึงให้ทั้งศิโรตม์และเมืองใจกลับไปสู่เวลาของค่ายบางระจัน ศิโรตม์ตกใจที่ตนเองตกมาอยู่ในเวลาแห่งสงคราม เขาได้พบกับเจ้าจันกะพ้อ (ทิสานาฏ ศรศึก) ลูกสาวนายจันหนวดเขี้ยว (วินัย ไกรบุตร) เจ้าจันแข็งแกร่งปราดเปรียวและเด็ดเดี่ยว จึงหมั่นไส้ศิโรตม์นักที่ทำสิ่งใดก็ไม่เป็น เจ้าจันสอนให้ศิโรตม์เรียนรู้การใช้ชีวิตแบบชาวบ้านที่เรียบง่าย ไม่มีเทคโนโลยีใดๆ และต้องอยู่ให้ได้ด้วยภูมิปัญญาไทยเมืองใจและนายจันหนวดเขี้ยวพาชาวบ้านบางระจันทำศึกกับพม่าอีก แม้จะรบชนะ แต่ชาวบ้านที่ออกรบก็บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย

                ศิโรตม์นำความรู้ที่พอจำได้มาช่วยเจ้าจันรักษาผู้บาดเจ็บ และทำให้หลายคนรอดชีวิต เจ้าจันจึงเริ่มศรัทธาในตัวศิโรตม์ และศิโรตม์เองก็เริ่มรู้สึกดีๆกับเจ้าจัน ศิโรตม์ได้พบกาหลง (ฝนทิพย์ วัชรตระกูล) ที่หน้าตาพิมพ์เดียวกับลติกาเพื่อนสาวของเขา จึงทำให้เขาได้คำตอบว่าเหตุใด ลติกาจึงสนใจเมืองใจนัก ก็เพราะลติกาในชาติก่อน คือกาหลง สาวสวยแห่งบางระจันผู้มอบหัวใจรักให้แก่เมืองใจนั่นเอง แต่เมืองใจนั้นกลับมีจิตผูกพันกับเจ้าจันกะพ้อ ความรักของคนทั้งสี่กลับไขว้กันไปมาดังรักสี่เส้า

                แต่เรื่องราวความรักของคนทั้งสี่กลับไม่ใช่เรื่องใหญ่เกินกว่าการรักษาแผ่นดินเกิด ศิโรตม์ค่อยๆหลอมตนเองกลายเป็นชาวบางระจัน เขาช่วยเมืองใจและนายจันหนวดเขี้ยววางแผนกลยุทธ์บุกตีค่ายพม่า ชาวบ้านบางระจันพากันสละทรัพย์สินเพื่อหลอมปืนใหญ่ แต่ปืนใหญ่ก็ใช้การมิได้ ศิโรตม์แม้จะรู้ว่าในที่สุด ค่ายบางระจันก็ต้องแตกพ่าย แต่เขาก็ต้องสู้ ศิโรตม์ได้ทิ้งรักของเขาไว้ท่ามกลางโศกนาฏกรรมความพ่ายแพ้ของค่ายบางระจัน ภาพเจ้าจันที่ออกรบสละชีวิต ภาพเจ้ากาหลงสาวงามที่ลุกขึ้นจับดาบต่อสู้ ภาพเมืองใจเพื่อนร่วมสาบานที่ฟาดฟันข้าศึก นี่ต่างหาก คือ ภาพแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ นี่คือ การเสียสละ นี่คือคุณค่าของการรักษาผืนแผ่นดิน คุณค่าของชีวิตของบรรพชน

                ท่ามกลางเสียงประดาบและชีวิตที่ปลิดปลิว ศิโรตม์ได้ก้าวข้ามมิติแห่งเวลา หวนคืนกลับมาสู่การแสดงการสู้รบบนเวทีแสงสีเสียงที่ศิวะบันเทิงเป็นผู้จัด และกลับคืนสู่อ้อมกอดของคุณปานทิพย์ มารดา แม้ศิโรตม์จะหายจากการบาดเจ็บ แต่ความรู้สึกของเขาบาดเจ็บยิ่งเมื่อรู้ว่าตนมิอาจช่วยเหลือชีวิตคนรักและเพื่อนรักได้แม้แต่คนเดียว

                บางทีการเสียสละรักที่บางระจัน อาจจะทำให้ชีวิตของเขาต่อจากนี้ไปมีความหมายมากยิ่งขึ้นก็ได้ และที่สำคัญ สิ่งที่ศิโรตม์ได้เรียนรู้จากอดีตนี้ จะทำให้เขาตระหนักได้ว่า ชีวิตในปัจจุบันของเขานั้น ควรดำเนินต่อไปอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดที่เขาต้องหวงแหนและต้องรักษาดำรงไว้เท่าชีวิต