เรื่องย่อ พรายพิฆาต ช่อง 7HD
Entertainment Report_1
26 กรกฎาคม 2562 ( 18:10 )
1K
1
เรื่องย่อ พรายพิฆาต ช่อง 7HD
ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา20.15 น. ทางช่อง 7 HD
เริ่มตอนแรก วันเสาร์ที่ 27กรกฎาคม 2563
ดูทีวีช่อง 7HD
ตัวอย่างละคร
เรื่องย่อ พรายพิฆาต ช่อง 7HD
เรื่องราวขององค์กรอาชญากรรม “พรายดำ” ซึ่งมีวังเฟยหลงเป็นหัวหน้าใหญ่ทำงานผิดกฎหมายมาตลอดหลายสิบปีโดยไม่มีใครล่วงรู้ว่าวังเฟยหลงเป็นใคร ? แม้แต่ในองค์กรพรายดำเองเขาก็เป็นบุคคลลึกลับซึ่งบงการทุกอย่างผ่านทางแจ๊สมินซุง สาวสวยผู้ไม่ต่างจากร่างทรงของเขาองค์กรพรายดำมีศูนย์กลางอยู่ในเมืองไทย แต่มีเครือข่ายกระจายไปทั่วโลก เป้าหมายของวังเฟยหลงคือควบคุมทุกอย่างในโลกนี้โดยการเจาะเข้าระบบไอทีของหน่วยงานต่างๆ ทั้งธนาคาร ตลาดหลักทรัพย์หน่วยงานรัฐบาล กองทัพ ตำรวจ การจราจร ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ฯลฯ
ที่ผ่านมา องค์กรพรายดำได้ก่ออาชญากรรมไซเบอร์ใหญ่ๆมาหลายครั้งแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงการชิมลางเท่านั้น แผนการสำคัญของวังเฟยหลงคือการเจาะระบบไอทีของหน่วยงานสำคัญทั่วโลกแบบเบ็ดเสร็จในคราวเดียว ซึ่งแผนนี้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว โดยการสร้างทีมแฮกเกอร์ระดับหัวกะทิขึ้นมาควบคู่ไปกับการส่งทีมสังหารซึ่งมี ‘สี่มหากาฬ’ ประกอบด้วยเฮนรี่ซุง, เดชาพรหมมินทร์, เอ็ดเวิร์ดลี และโชติแสงฉาน เป็นหลักในการจัดการเคลียร์เส้นทางที่มีคนคอยขัดขวาง ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ คนทรยศและอาชญากรคู่อริ
และเพื่อให้เป้าหมายนี้สำเร็จโดยเร็ว วังเฟยหลงต้องการของสองอย่าง หนึ่งคืออัญมณีแห่งแมนจูเรียซึ่งนอกจากจะสวยงามไม่เหมือนอัญมณีใดแล้วยังมีพลังงานมหาศาลอยู่ภายในนั้นด้วย อีกหนึ่งคือเครื่องสร้างมนุษย์ล่องหน ซึ่งดอกเตอร์วิม กับ ดอกเตอร์วิทย์ กำลังร่วมกันคิดค้นอยู่แบบลับๆ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเหล่าอาชญากรพรายดำบุกเข้าไปเอา ‘อัญมณีแห่งแมนจูเรีย’ มาจากธนาคารที่เก็บรักษาพ.ต.ต. เชิดวุธ รณฤทธิ์ ยอดมือปราบแห่งสำนักงานตำรวจนำกำลังเข้าสกัด ทว่าพวกพรายดำกลับแหวกวงล้อมไปได้ แต่หลังจากหนีไปได้ไม่ทันไรพวกพรายดำก็เจอกับบุรุษลึกลับนามว่า พรานจอมภูต ที่เขามาขวางไว้ ทว่าสุดท้าย ‘อัญมณีแห่งแมนจูเรีย’ ก็ถูกแย่งชิงไปอีกครั้งโดย ‘สี่มหากาฬ’
ความผิดพลาดครั้งนี้ทำให้เชิดวุธถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิอย่างรุนแรง แล้วมอบหมายให้เขาจัดทีมติดตามนำอัญมณีกลับคืนมาให้ได้ เชิดวุธจึงต้องพยายามอย่างหนักในการสืบหาที่ซ่อนของพวกพรายดำ เขากับทีมของเขาบุกไปหลายที่ปะทะกับสมุนพรายดำหลายคนแต่ก็ยังคงคว้านํ้าเหลว
ขณะเดียวกันสนธยาเพื่อนสาวของเชิดวุธกำลังช่วยดร. วิมพ่อของเธอและดร. วิทย์ผู้เป็นอาทำการทดลอง ‘นํ้ายาล่องหน’ โดยหารู้ไม่ว่าการทดลองถูกวังเฟยหลงเฝ้าดูผ่านทาง ‘โดรนแมลง’ วังเฟยหลงต้องการสิ่งประดิษฐ์นี้เพื่อต่อยอดสร้าง ‘สายลับล่องหน’ ซึ่งจะเล็ดลอดเข้าไปในองค์กรต่างๆล้วงเอาข้อมูลที่สำคัญ จากนั้นทีมแฮกเกอร์ของพรายดำก็จะเข้าไปและควบคุมระบบไอทีได้โดยง่าย
เพื่อให้งานสำเร็จสุระ เตละกิจถูกส่งให้มาตีสนิทกับสนธยาและดำเนินเรื่องขอทุนจาก Human Light Foundation องค์กรการกุศลซึ่งมีอำพล บวรกุลเป็นประธาน แต่เรื่องนี้กลับถึงหูพรานจอมภูตเขาจึงมาหาดร. วิมถึงบ้านเพื่อเตือนไม่ให้รับเงินก้อนนี้
การมาของพรานสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั้งบ้าน รวมทั้งเชิดวุธด้วย ระหว่างสอบสวนเชิดวุธเห็นท่าทางมีพิรุธของดร. วิมแต่ก็ไม่มีใครแม้แต่สนธยายอมบอกว่าดร. วิมกำลังทดลองอะไรอยู่
ถึงอย่างนั้นสุระก็ยังเดินหน้าต่อด้วยการว่าจ้างศรศิลป์ สรชัยนักเลงปลายแถวมาเล่นบทผู้ร้ายเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่สนธยา แต่แทนที่ทุกอย่างจะเป็นตามแผนศรศิลป์กลับเล่นนอกบทชกสุระซึ่งตามบทต้องเป็นฮีโร่จนสลบก่อนที่จะบอกความจริงแก่สนธยาว่าสุระเป็นพวกพรายดำ
การเล่นนอกบทของศรศิลป์สร้างความขุ่นเคืองให้เฮียหงวนผู้เป็นเสมือน ‘พ่อบ้าน’ ขององค์กรพรายดำ ศรศิลป์ถูกลากตัวไปสอบสวน แต่เขาก็ใช้ทั้งคารมและลีลาหลอกให้ทุกคนเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะ ‘ผิดคิว’ ไปหน่อยเท่านั้น มีเพียงแจ๊สมินเท่านั้นที่มองออกว่า ศรศิลป์ตบตาทุกคนโดยทำเป็นอ่อนเชิงสู้ใครไม่ได้
แจ๊สมินแกล้งปล่อยตัวศรศิลป์ไป แต่ให้นิคบอร์ดี้การ์ดคู่ใจคอยตามดูศรศิลป์ว่าแท้จริงเขาเป็นใครและทำงานให้ใคร แต่ศรศิลป์ก็รู้ตัวว่าโดนติดตาม เขาจึงไม่ปล่อยให้ ‘หลุด’ อะไรออกมา ยกเว้นแต่ที่ตั้งใจให้นิคเห็นเพื่อบอกต่อกับแจ๊สมิน
ที่จริงศรศิลป์มีปมในอดีต ความแค้นที่ต้องการสะสางกับวังเฟยหลง และองค์กรพรายดำเขาจึงต้องการเข้าไปแฝงตัวเพื่อค้นหาว่าใครคือวังเฟยหลงกันแน่ และผู้ที่จะทำให้เขาบรรลุเป้าหมายได้ก็คือแจ๊สมิน
นอกจากเข้าไปแฝงตัวแล้ว อีกภาคหนึ่งของศรศิลป์ เขายังเป็นพรานจอมภูตที่คอยขัดขวางการทำงานของพวกพรายดำด้วย เพราะเหตุนี้เองเขาจึงเป็นที่หมายหัวของพวกพรายดำเช่นเดียวกับเชิดวุธที่โดนใบสั่งตายจากวังเฟยหลง
เชิดวุธ พรานและพรายดำเป็นสามเหลี่ยมความสัมพันธ์ที่ต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกันโดยมีความปลอดภัยของทุกคนที่เกี่ยวข้องเป็นเดิมพัน ในไม่ช้าเชิดวุธก็รู้ว่า แม้พรานจอมภูตจะปรากฏตัวในรูปแบบอาชญากร แต่แท้จริงเขาคือพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ จัดการกับวังเฟยหลงและองค์กรพรายดำ ทว่าในมุมมองของวังเฟยหลงทั้งตำรวจอย่างเชิดวุธ และจอมก่อกวนอย่างพรานจอมภูตเป็นเพียงอะไรที่น่ารำคาญเท่านั้นเอง ไม่มีใครขัดขวางงานของเขาได้
หลังเหตุการณ์ที่ทำให้สุระถูกเปิดโปงว่าเป็นใคร สนธยาระวังตัวมากขึ้น จนวังเฟยหลงเห็นว่าคงใช้วิธีนุ่มนวลต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจึงสั่งให้สุระไปจับดร.วิม, ดร.วิทย์และสนธยามา ดร.วิมถูกขู่ให้เร่งทำการทดลองให้สำเร็จ โดยใช้สนธยาเป็นตัวประกัน ส่วนดร.วิทย์ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเพื่อสร้างความกลัวให้แก่ดร.วิม
ดร. วิมต้องทำงานภายใต้การความคุมของแจ๊สมิน ซึ่งไม่เพียงจัดทำห้องทดลองที่สมบูรณ์แบบให้เขาเท่านั้น ยังให้เขาใช้ ‘อัญมณีแห่งแมนจูเรีย’ มาเป็นแหล่งพลังงานให้แก่รังสีล่องหนอีกด้วย สาเหตุที่วังเฟยหลงพยายามเร่งให้การสร้างมนุษย์ล่องหนสำเร็จโดยเร็ว ก็เพราะเขาตั้งใจจะให้คํ่าคืนของการเปลี่ยนศักราชใหม่ที่จะมาถึง เป็นเวลาประกาศศักดาของพรายดำในการเข้าควบคุมระบบไอทีทั่วโลก และสร้างความวุ่นวายโกลาหลให้เกิดกับทุกชีวิตบนโลก
วังเฟยหลงทำสิ่งนี้โดยตั้งมั่นว่า เขาจะเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือใครในโลก แต่เขาหารู้ไม่ว่าในองค์กรพรายดำมี ‘หนอนบ่อนไส้’ ที่คิดจะล้มล้างเขาแล้วขึ้นมาเป็นใหญ่แทน คนๆนั้นก็คือเฮนรี่นั่นเอง เฮนรี่ตั้งใจจะใช้เวลาแห่งการเปลี่ยนศักราชเป็นวาระแห่งการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เขาเฝ้ารอให้แผนการของวังเฟยหลงสำเร็จ จากนั้นก็ใช้ ‘สายลับล่องหน’ เข้าไปจัดการกับวังเฟยหลงแล้วก้าวเข้าไปเป็นหัวหน้าใหญ่แทนแบบง่ายดาย
การที่สนธยาและพ่อถูกจับตัวไป ทำให้เชิดวุธและพรานจอมภูตพยายามอย่างที่สุดในการสืบเสาะหาทางช่วยเหลือ แต่การบุกเข้าไปยังฐานลับของพวกพรายดำก็อันตรายถึงขั้นที่ทั้งสองแทบต้องเอาชีวิตไปทิ้ง ทว่าทั้งสองก็ไม่หวั่น มุ่งมั่นจนช่วยสนธยากับดร. วิมออกมาได้
ปฏิบัติการช่วยตัวประกันสร้างความสูญเสียให้แก่พรายดำไม่น้อย แต่วังเฟยหลงก็ไม่ละความพยายาม เขาจับนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนมาสานต่องานของดร.วิม แต่ก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ วังเฟยหลงจึงไม่มีวิธีอื่นนอกจากต้องทำให้ดร.วิมยอมทำงานให้เขาต่อให้ได้
ระเบิดถูกจุดขึ้นกลางกรุงพร้อมคำข่มขู่ ถ้าดร. วิมไม่ยอมปรากฏตัวออกมาจะมีระเบิดพร้อมกันอีกหลายจุด เมื่อดร.วิมเห็นข่าวเขาก็ไม่เห็นหนทางอื่นนอกจากต้องทำตามเพื่อไม่ให้ต้องมีใครต้องบาดเจ็บล้มตายอีก ดร.วิมกลับไปทำการทดลองที่ค้างไว้ต่อ โดยมีกำหนดหนึ่งเดือนไม่อย่างนั้นจะมีการวางระเบิดอีกครั้ง
เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นสร้างความเศร้าใจให้แก่ศรศิลป์มาก เขาต่อว่าแจ๊สมินที่ทำสิ่งชั่วร้ายนี้ ระหว่างนั้นเชิดวุธนำทีมตำรวจบุกมา ทั้งคู่จึงต้องร่วมกันสู้กับตำรวจแล้วหลบหนีไปด้วยกัน แจ๊สมินถูกยิงบาดเจ็บเช่นเดียวกับเชิดวุธที่โดนกระสุนฝังร่างไปเหมือนกัน
ศรศิลป์พาแจ๊สมินมารักษาตัว เป็นโอกาสให้ทั้งสองได้เห็นด้านที่ซ่อนอยู่ของอีกฝ่าย โดยเฉพาะในส่วนของแจ๊สมินซึ่งเล่าที่มาของตัวเองให้ศรศิลป์ได้รู้ว่า เธอกับเฮนรี่เคยเป็นเด็กจนๆอดมื้อกินมื้อ จนวังเฟยหลงมาพบแล้วส่งให้ทั้งคู่ไปฝึกงานจารกรรม วินาศกรรมและอื่นๆ เพื่อมาทำงานให้กับเขา แจ๊สมินต้องฝืนใจทำงานให้วังเฟยหลงเพราะพ่อของเธอถูกเขาจับเป็นตัวประกันปรนเปรอด้วยยาเสพติดจนกลายเป็นทาสของมัน
ความสัมพันธ์ระหว่างแจ๊สมินและศรศิลป์รู้ถึงวังเฟยหลง เหตุการณ์ก่อนหน้าที่ซึ่งส่อว่าศรศิลป์เป็นคนทรยศองค์กรทำให้วังเฟยหลงไม่ลังเลที่จะสั่งเฮนรี่ให้จัดการทั้งคู่ เฮนรี่จึงให้เดชานำทีมยิงถล่มบ้านพักริมทะเลที่ทั้งสองไปซ่อนตัว ศรศิลป์ถูกจับตัวไป ส่วนแจ๊สมินก็ต้องพิสูจน์ความซื่อสัตย์ต่อองค์กรด้วยการยิงศรศิลป์ ทว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อศรศิลป์แอบแก้เชือกที่มัดเขาไว้แล้วจับแจ๊สมินเป็นตัวประกันพากันหนีออกมา
แจ๊สมินห่วงพ่อมาก ศรศิลป์กับเธอจึงพากันไปยังคฤหาสน์ที่ขังพ่อของเธอไว้ แต่การพยายามช่วยเหลือกลับต้องจบลงด้วยความเศร้า เมื่อพ่อของเธอกลับต้องตายเพื่อช่วยแจ๊สมินให้รอดชีวิตจากเฮนรี่
ในเวลาเดียวกันการทดลองของดร.วิมก็ประสบความสำเร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จนวังเฟยหลงมั่นใจให้เฮนรี่นำสายลับต่างชาติมาเพื่อเปลี่ยนให้เขาเป็น ‘สายลับล่องหน’ การทดลองประสบความสำเร็จ แต่เชิดวุธรู้ที่ตั้งฐานลับจากข้อมูลที่พรานจอมภูตให้จึงนำกำลังบุกเข้าไปช่วยดร.วิมออกมา ดร.วิมไม่ได้หนีไปตัวเปล่าแต่ยังได้ขโมย ‘อัญมณีแห่งแมนจูเรีย’ ออกมาด้วย
วังเฟยหลงแค้นใจมากขู่จะระเบิดเมืองให้วอดถ้าเขาไม่ได้ ‘อัญมณีแห่งแมนจูเรีย’ คืนกลับมา ระหว่างที่ทุกคนกำลังวิตกเรื่องนี้ เฮียหงวนก็บุกไปที่บ้านสนธยาแล้วจับตัวเธอมาเพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรองแลกกับ ‘อัญมณีแห่งแมนจูเรีย’ ซึ่งดร. วิมนำไปแล้วมอบให้พรานจอมภูตเป็นผู้เก็บรักษา
เชิดวุธไปพบเฮียหงวนยังจุดนัดพบ เขาร่วมกับพรานจอมภูตและแจ๊สมินช่วยสนธยาออกมาจากกองระเบิดพร้อมทั้งยังจัดการกับเฮียหงวนและสมุนพรานดำอีกหลายคน
เหตุการณ์นี้ยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้แก่วังเฟยหลงมาก เขาสั่งให้พวกพรายดำเดินหน้าทำแผนการที่เขาวางไว้ให้สำเร็จเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาต่อไปยัง 1 มกรา ทันทีที่เสียงเค้าท์ดาวน์สิ้นสุดเขาจะเข้ายึดระบบของหน่วยงานสำคัญต่างๆและสร้างความปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
วังเฟยหลงมั่นใจมากเพราะเวลานี้เขามี ‘สายลับล่องหน’ ที่จะช่วยให้งานของเขาง่ายขึ้นแล้ว แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ‘สายลับล่องหน’ นี่เองที่กลับจะเป็นอาวุธย้อนมาเล่นงานตัวเขา เพราะเฮนรี่กับสายลับต่างชาติผู้นี้ได้แอบตกลงกันอย่างลับๆที่จะจัดการกับวังเฟยหลง
คืนส่งท้ายปีทุกคนเตรียมเฉลิมฉลองเช่นเดียวกับวังเฟยหลงที่รอคอยเวลาสำคัญนั้นเช่นกัน แต่แล้วก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่นาที สายลับล่องหนก็บุกเข้าไปจัดการกับทีมการ์ดของวังเฟยหลงจนเกลี้ยง จากนั้นเฮนรี่ก็ตามเข้าไปเพื่อสังหารวังเฟยหลงด้วยมือเขาเอง ทว่านี่คือกับดัก วังเฟยหลงไม่ได้อยู่ในห้องนั้นแก๊สพิษพุ่งออกมาจัดการกับเฮนรี่และสายลับล่องหน
โชคดีที่เชิดวุธบุกเข้ามาในฐานลับพรายดำแล้วจัดการตัดไฟในอาคารทั้งหมด เพื่อสกัดการทำงานของพวกแฮกเกอร์ เมื่อไฟดับระบบต่างๆก็ทำงานต่อไม่ได้รวมทั้งระบบล็อกห้องด้วย เฮนรี่กับสายลับล่องหนหนีออกมาได้แต่ก็ไม่รอดพ้นจากพรานจอมภูตและแจ๊สมินที่เข้ามาขวางไว้ พรานต่อสู้กับสายลับล่องหน ขณะที่แจ๊สมินสู้กับเฮนรี่การต่อสู้นี้ สองพี่น้องต้องวัดใจกัน ซึ่งเฮนรี่ก็ไม่ลังเลที่จะปลิดชีพแจ๊สมินก่อนที่เขาจะต้องจบชีวิตลงเพราะพรานจอมภูต
หลังเหตุการณ์ อำพล บวรกุล ประธาน Human Light Foundation เตรียมเดินทางไปต่างประเทศแต่เมื่อมาที่รถเขาก็พบพรานรออยู่ พรานบอกวังเฟยหลงให้เตรียมมอบตัวอีกไม่กี่นาทีนี้ตำรวจจะมา แต่อำพลกลับปฏิเสธว่าเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับวังเฟยหลง พรานจึงเปิดคลิปที่แจ๊สมินถ่ายทิ้งไว้ให้เขาดู คำพูดของแจ๊สมินเป็นเครื่องยืนยันว่า อำพลคือวังเฟยหลง ทีมคอมมานโดของเขาออกมาล้อมจับอำพล อำพลโกรธสุดๆ ชักปืนจะยิงพราน แต่ทีมตำรวจที่รออยู่ไม่ปล่อยให้เขาทำแบบนั้น กระสุนหลายร้อยนัดสาดเข้าใส่อำพลลงไปจมกองเลือด
หลังจบคดีเชิดวุธแต่งงานกับสนธยาในงานเลี้ยงฉลอง ศรศิลป์ก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วย เมื่อมีจังหวะเชิดวุธก็พูดกับศรศิลป์แบบหยั่งเชิงว่า ในเมื่อพวกพรายดำถูกกำจัดจนสิ้นซากไปแล้ว ต่อจากนี้เขายังจะได้พบพรานจอมภูตอีกหรือเปล่า
คำตอบของศรศิลป์ก็คือ “ตราบใดที่อาชญากรทั้งหลายยังไม่หมดไป พรานจอมภูตก็จะคอยตามหลอกหลอนคนชั่วพวกนั้นอย่างไม่มีวันเลิกรา”