เรื่องย่อ Miss Korea เกิดมาเป็นดาว

"Miss Korea เกิดมาเป็นดาว"

               เป็นละครย้อนยุคที่นำเสนอเรื่องราวเมื่อ 17 ปีก่อน หรือในปี 1997 (พ.ศ. 2540) ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย (หรือ "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ซึ่งเริ่มต้นขึ้นที่ประเทศไทยหลังมีการลอยตัวค่าเงินบาท) เนื้อหากล่าวถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่พยายามกอบกู้ธุรกิจเครื่องสำอาง "วีวี่" ให้หลุดพ้น จากภาวะล้มละลายด้วยการส่ง "โอ จียอง" เข้าชิงมงกุฏมีสโคเรีย และทางเดียวที่บริษัทจะไปรอด (ได้เม็ดเงินมาลงทุน) ก็คือ จียองต้องคว้ามงกุฏมีสโคเรียมา ให้ได้

               "โอ จียอง" เป็นสาวงามวัย 27 ปีที่อาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆ อย่างอบอุ่นท่ามกลางผู้ชาย 4 คน คือ ปู่ อา พ่อ (ซึ่งเธอเรียกว่าแม่) และพี่ชาย โดยครอบครัวของเธอ เปิดร้านขายของชำเล็กๆ ในละแวกบ้าน เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับประจำลิฟต์ของ "ดรีม ดีพาร์ทเมนท์ สโตร์" ด้วยความที่อายุมากสุด เธอจึงเป็นเหมือนพี่ ใหญ่ที่คอยปกป้องและให้คำแนะนำพนักงานประจำลิฟต์คนอื่นๆ ทั้งยังเป็นคนเดียวที่กล้าต่อกรกับผู้บังคับบัญชา เธอจึงถูกผู้จัดการปาร์กหมายหัวและแกล้ง ให้ทำงานทั้งวันโดยไม่ให้หยุดพักทานข้าว เลยต้องแอบทานไข่ต้มในลิฟต์เพื่อประทังความหิว

               หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจบรรดาห้างทั่วเกาหลีใต้ต่างพากันหาทางลดต้นทุน หนึ่งในนั้นก็คือการยกเลิกตำแหน่งพนักงานประจำลิฟต์ จียองและเพื่อนร่วมงาน เห็นห้างต่างๆ พากันเลิกจ้างพนักงานประจำลิฟต์จึงกังวลว่าจะกอดคอกันตกงานในไม่ช้า ในที่สุด ห้างดรีมก็งัดมาตรการดังกล่าวออกมาใช้จริงๆ โดยเริ่มจาก การเปิดโอกาสให้สมัครใจลาออกเป็นลำดับแรก

               ส่วนนักธุรกิจหนุ่ม วัย 30 ปี "คิม ฮยองจุน" เป็นประธานบริษัทเครื่องสำอางเล็กๆ ที่มีชื่อแบรนด์ว่า "วีวี่" ซึ่งเขาและเพื่อนๆ ร่วมกันก่อตั้ง ฮยองจุนและเพื่อนร่วม งานจบจากมหาวิทยาลัยประจำชาติ "โซล" ซึ่งเป็นศูนย์รวมนักศึกษาระดับหัวกะทิ แม้จะมีมันสมองอันปราดเปรื่องแต่ฮยองจุนและเพื่อนๆ ก็เข้าข่ายความรู้ ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด พวกเขาสามารถคิดค้นเครื่องสำอางคุณภาพเยี่ยมในราคาที่ถูกกว่า แต่กลับใช้สมองหาเงินไม่เป็น (ไม่มีหัวด้านธุรกิจ) ทำให้เป็นหนี้นอก ระบบมากถึง 500 ล้านวอน (ราว 15.5 ล้านบาท)

               บริษัทของฮยองจุนเพิ่งคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อ "บีบี ครีม" ที่จะช่วยให้ใบหน้าเนียนใส โดยไม่ต้องโบ๊ะได้สำเร็จเป็นเจ้าแรก พวกเขาเชื่อว่านี่คือการ ปฏิวัติวงการเครื่องสำอาง และมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะสร้างรายได้เข้าบริษัทเป็นจำนวนมหาศาล แต่ปัญหาก็คือบริษัทกำลังขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงทำ ให้ไม่มีเงินลงทุน ซ้ำยังถูกแกงค์ทวงหนี้คอยตามรังควาน และหนึ่งในนั้นก็คือ "จอง ซอนเซ็ง" (ซอนเซ็ง แปลว่า "ครู" เขาจึงถูกคนอื่นเรียกว่า "ครูจอง" ตั้งแต่เกิด) ซึ่งภายนอกดูเหมือนนักเลงอันธพาล แต่ความจริงแล้วเป็นคนจิตใจดี

               หลังตามทวงหนี้ฮยองจุนไม่ได้ ซอนเซ็ง นักทวงหนี้รุ่นใหญ่วัย 40 ปีก็ถูกหัวหน้าฮวางไล่ออก เขาขอโอกาสทำงานอีกครั้งโดยบอกว่าตนไม่มีเงินเก็บ หัวหน้า ฮวางจึงแนะนำให้ซอนเซ็งตามทวงหนี้ฮยองจุนให้ได้ แล้วตนจะแบ่ง 30% ของยอดหนี้เป็นค่าชดเชยให้ซอนเซ็ง ด้วยเหตุนี้ ซอนเซ็งจึงตามทวงหนี้ฮยอง จุนอย่างไม่ลดละ หลังจากซ้อมฮยองจุนจนน่วมแล้ว ซอนเซ็งก็เสนอตัวเป็นบอดี้การ์ดให้ฮยองจุนเพื่อป้องกันไม่ให้ฮยองจุงคิดสั้นฆ่าตัวตายหรือมีอันเป็นไป ก่อนใช้หนี้

               ฮยองจุนพยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการนำโปรเจ็คครีมบีบีไปเสนอ "ลียูน" ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยม โดยหวังว่าลียูนจะสนใจและร่วมลงทุนด้วย แต่ลียูนไม่เชื่อมั่นในตัวผู้ผลิต (ฮยองจุนและผองเพื่อน) และคุณภาพสินค้าจึงปฏิเสธ ฮยองจุนเห็นลียูนเป็นฟางเส้นสุดท้ายจึงพยายามหว่านล้อมให้ลียูนช่วย โดยขอให้เห็นแก่ความสัมพันธ์เมื่อครั้งในอดีต ฮยองจุนถึงขนาดขโมยเงินเก็บของแม่มาติดสินบนลียูน แต่ลียูนก็ปฏิเสธทั้งเงินและการลงทุน ซ้ำยังบอกให้ ฮยองจุนดูแลแม่ให้ดีๆ

               หลังถูกลียูนปฎิเสธ "คิม ฮงซัม" (ผู้จัดการฝ่ายวางแผน) เสนอให้ฮยองจุนลองส่งสาวงามเข้าประกวดมีสโคเรียดูบ้าง โดยยกตัวอย่างบริษัทเครื่องสำอางใน อิตาลีที่เคยใกล้เจ๊ง แต่แล้วกลับประสบความสำเร็จหลังส่งเด็กสาวเข้าประกวดนางงามแล้วคว้ามงกุฏมีสอิตาลีมาครองได้ "คิม คังวู" (นักวิจัย) เห็นดีด้วย เพราะร้านเสริมสวย "ควีน บิวตี้ ซาลอน" ในกรุงโซลก็ดังเป็นพลุแตกหลังสาวงามในสังกัดคว้ามงกุฏมีสโคเรียมาครอง ตอนแรกฮยองจุนไม่เห็นด้วยแต่พอถูก สถานการณ์บีบบังคับเขาจึงจำเป็นต้องลองดูสักตั้ง และสาวงามคนแรกที่เขานึกถึงก็คือ...จียอง

               จียองเป็นผู้หญิงสวยที่สุดที่ฮยองจุนเคยรู้จัก เธอเคยมาใช้บริการโรงอาบน้ำที่บ้านของเขาสมัยยังเรียนชั้นมัธยมต้น (ในตอนนั้นฮยองจุนอยู่ชั้นมัธยมปลาย) เธอเป็นสาวงามที่รุ่นพี่ชั้นมัธยมปลายต่างพากันหลงใหล รวมทั้งลียูนและฮยองจุนด้วย ด้วยความที่บ้านจียองเปิดร้านขายของชำทำให้มีหนุ่มๆ มาเข้าคิวซื้อ บุหรี่กับจียองทุกวัน หนึ่งในนั้นก็คือลียูน ซึ่งทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มและพยายามชวนจียองออกเดท แต่ถูกจียองปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ผิดกับฮยองจุนที่จียองรู้สึก สนใจและเป็นฝ่ายคุยด้วยก่อน

               หลังไม่ได้เจอกันนาน 10 ปี ฮยองจุนก็ไปหาจียองที่ห้างดรีมเพื่อชวนเธอเข้าประกวดโดยบอกว่าจะทำให้เธอเป็น "มีสโคเรีย" ให้ได้ เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ "มา เอลี" เจ้าของร้านเสริมสวยชื่อดัง เพิ่งมาทาบทามจียองและบอกว่าจะทำให้เธอเป็นมีสโคเรียด้วยเช่นกัน ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ จียองรู้ว่าที่ผ่านมาฮยองจุนแอบว่าเธอ ลับหลัง โดยหาว่าเธอเป็นผู้หญิงใจแตก ไร้ค่า ชอบทำตัวไร้สาระไปวันๆ แถมยังใจง่าย ไร้สมอง (จียองเรียนจบแค่ชั้นมัธยม) นอกจากนี้ เขายังดูถูกอาชีพของ เธออีกด้วย และนั่นก็ทำให้โอกาสในการส่งจียองเข้าประกวดนางงามในนามเครื่องสำอางวีวี่ริบหรี่ลงจนแทบไม่มีทางเป็นไปได้

               หลังสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกาลงความเห็นว่าครีมบีบีของวีวี่มีความคุ้มค่าน่าลงทุน เพราะคุณภาพเยี่ยมและต้นทุนต่ำกว่าครีมบีบีที่ผลิตในเยอรมนี ลียู นจึงยื่นข้อเสนอให้ฮยองจุนโดยบอกว่า หากสาวงามที่ฮยองจุนส่งเข้าประกวดคว้าอันดับ 1-3 ในการประกวดนางงามโซล ตนจะให้เงินลงทุนครึ่งหนึ่ง (ในยุค นั้นนางงามที่คว้าตำแหน่งทั้งสามอันดับจะเป็นตัวแทนสาวงามจากกรุงโซลที่ได้เข้าประกวดมีสโคเรีย) แต่ถ้าเด็กในสังกัดฮยองจุนได้เป็นมีสโคเรีย ตนก็จะให้ เงินลงทุนเต็มจำนวน

               แม้จะเริ่มมีความหวังแต่การปั้นสาวงามให้เป็นมีสโคเรียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฮยองจุนเป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ที่ไม่เคยปั้นนางงามเข้าสู่วงการมาก่อน และตอนนี้เขาก็กำลังถังแตก แถมยังผิดใจกับจียองซึ่งเป็นความหวังเดียวของเขา ผิดกับ "มา เอลี" ที่เป็นเจ้าของร้านเสริมสวยและค่ายนางงาม "ควีน บิวตี้ ซา ลอน" ซึ่งมีความพร้อมความชำนาญในทุกๆ ด้าน และมีเด็กในสังกัดมากมาย

               ในที่สุด จียองก็ตัดสินใจประกวดนางงาม เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตและหน้าที่การงานของเธอให้ดีขึ้นได้ แต่เธอเลือกที่จะเป็นเด็กใน สังกัดของมา เอลี และสิ่งที่ทำให้เธอขาดความมั่นใจมากที่สุดก็คือการมีหน้าอกเล็กกว่าเด็กร่วมค่ายคนอื่นๆ เธอจึงคิดที่จะไปทำศัลยกรรม ฮยองจุนจะฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามมากมายไปได้หรือไม่ สุดท้ายแล้วจียองจะได้เป็นมีสโคเรียหรือเปล่า ติดตามชมได้ใน "Miss Korea เกิดมาเป็นดาว" ทาง พีพีทีวี