รีเซต

เรื่องย่อ แม่ดอกรักเร่

เรื่องย่อ แม่ดอกรักเร่
12 พฤศจิกายน 2557 ( 16:17 )
5.1K

แม่ดอกรักเร่

ออกอากาศทุกเย็นวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.30 น.

ทางช่อง 7

ตัวอย่างละคร

แม่ดอกรักเร่

          ในสังคมเมืองใหญ่ยุคปัจจุบัน ความเชื่อเรื่อง ความขยันอดทน และยึดมั่นในความดี จะทำให้ชีวิตได้ดี กำลังจางหายไป แทบทุกคนในยุคนี้คิดแต่เรื่องการฉวยโอกาส ทำอย่างไรให้ร่ำรวยได้โดยเร็วโดยไม่คำนึงถึงความดี ความซื่อสัตย์กันอีกต่อไปแล้ว เรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของลูกผู้หญิงซื่อๆ จากบ้านนา เข้าสู่เมืองกรุง ที่สนุกสนาน เฮฮา เธอผู้มีแค่หัวใจที่ยึดมั่นในความดี และสู้ยิบตา ไม่ว่าจะต้องฝ่าฟัน เหนื่อยยากกับอุปสรรคมากมายแค่ไหน มาร่วมกันลุ้น เอาใจช่วยเธอ ไปพร้อมๆ กับเสียงหัวเราะ ความสนุกสนาน และความประทับใจ

          บัวตอง (อาภา ภาวิไล) สาวน้อยบ้านนอกอายุแค่ 20 เรียนจบ ม.6 แต่ยังไม่ได้เรียนต่อ เพราะต้องออกมาช่วย ยุภา (วรารัตน์ เทพโสธร) แม่ของเธอทำนา แต่แล้วเกิดปัญหาดินเสีย ที่นาไม่ได้ผลผลิต จนต้องหมดเนื้อหมดตัว เพราะกู้หนี้ยืมสินจาก ตาเอิบ (เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง) เศรษฐีเงินกู้จอมโกง และยังหัวงูเป็นที่สุด ตาเอิบจ้องจะงาบบัวตองมาหลายนาน จึงตั้งใจปล่อยกู้ให้ยุภาทำนา แล้วลอบโรยสารเคมีทำให้ดินเสีย จนปลูกข้าวไม่ได้

          และเมื่อเห็นว่ายุภากับบัวตองหมดปัญญาใช้หนี ตาเอิบก็ยื่นข้อเสนอทันที ว่าถ้ายุภายกบัวตองให้เป็นเมียตน ก็จะยินยอมยกหนี้พร้อมดอกเบี้ยร่วมห้าแสนให้ มิฉะนั้น จะยึดที่นาทำกินแห่งนี้ซะ ยุภาสอนบัวตองมาแต่เกิดให้ยึดมั่นในคุณธรรมความดี ไม่มีวันที่ยุภาจะยอมให้บัวตองทำสิ่งที่ไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้ บัวตองเลยประเคนผ่าหมากตาเอิบให้ทีหนึ่ง ก่อนจะลั่นวาจาว่าจะขอเวลา 3 เดือน หาเงินมาใช้หนี้ตาเอิบให้ได้

          ดวง (มหัศจรรย์ มาตศรี) หนุ่มหล่อผู้เป็นคนรักของบัวตอง กำลังขับร้องเพลงลูกทุ่ง ในชุดเสื้อสูทผูกหูกระต่ายหล่อเหลา มีมาลัยเต็มคอ ก่อนจะกว้างออกมา เห็นว่าดวงร้องเพลงอยู่บนแคร่ข้างกองฟาง ท่อนล่างยังนุ่งผ้าขาวม้า คนดูที่ดวงยื่นไมโครโฟนให้ จริงๆ คือควายที่บัวตองจูงมากินหญ้า มีเพียงบัวตองที่ยังคอยเชียร์คอยให้กำลังใจดวง บัวตองเจอข่าวค่ายเพลงลูกทุ่งชื่อดัง ‘ซาวด์สยาม’ กำลังจัดโครงการค้นหา นักร้องลูกทุ่ง ดาวรุ่งดวงใหม่ จึงยุให้ดวง เดินทางจากตำบลบ้านนาดอนแห่งนี้ เพื่อมุ่งหน้าตามล่าฝันในเมืองกรุง ไปพร้อมกับเธอ ที่ตั้งใจจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ อยู่เหมือนกัน ดวงมีความทะเยอทะยาน อยากเป็นนักร้องลูกทุ่งอย่างแรงกล้า จึงรีบตกลงปลงใจทันที


          ดวงกับบัวตองจึงหิ้วกระเป๋ามุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ด้วยกัน มีเหตุให้ต้องพลัดพรากกันตั้งแต่ที่ขนส่ง เพราะระหว่างที่ดวงไปเข้าห้องน้ำ บัวตองถูกคนร้าย กระชากกระเป๋าไป บัวตองร้องให้ช่วย แต่พบว่าคนเมืองหลวงไม่มีใครคิดจะสนใจ เธอจึงต้องวิ่งตามออกไปเอง และเมื่อกลับมาก็ไม่พบดวงแล้ว เพราะดวงเองก็เดินตามหาบัวตองไม่เจอ แต่ก็ต้องรีบไปบริษัทซาวด์สยาม เพื่อเข้าไปร้องเพลงออดิชั่นให้ทันเวลา เพราะสำหรับดวง ความทะยานอยากเป็นนักร้อง สำคัญสำหรับเขายิ่งกว่าความรัก

          บัวตองเดินริมฟุตบาทอย่างไร้จุดหมาย เพราะกระเป๋าสตางค์ดันอยู่ในกระเป๋าเดินทางใบนั้น แต่เมืองกรุงก็ยังมีคนดี พี่แท็กซี่นายหนึ่งเห็นบัวตองเดินปาดน้ำตา ก็รีบอาสาพาไปส่ง ที่บริษัท ซาวด์สยาม แต่ดันพามุดเข้าซอยเปลี่ยวเพื่อฉุดเข้าป่าหญ้าข้างทางจะปลุกปล้ำ บัวตองสู้สุดชีวิต ถีบข่วน กัด แต่ก็สู้แรงผู้ชายหื่นๆ ไม่ได้ แต่สวรรค์ยังเห็นใจ เมื่อ กรณ์เทพ (ปิยพันธ์ ขำกฤษ) หนุ่มเซลส์แมนขายเครื่องดับเพลิงเดินมาพอดี กรณ์เทพต่อสู้ปกป้องบัวตองอย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าคนขับแท็กซี่จะพกมีดทหารเล่มโต กรณ์เทพใช้เครื่องดับเพลิงเป็นอาวุธ ฉีดน้ำยาดับเพลิงใส่คนขับแท็กซี่จนขาวโพลน ตัวแข็งเป็นรูปปั้นอยู่ตรงนั้น

          ในขณะที่ดวงไปที่บริษัทซาวด์สยาม และได้พบกับ นวลอนงค์ (ปาริตา โกศลศักดิ์) คุณหนูสวยเปรี้ยว ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ เฮียช้าง (มนตรี เจนอักษร) เจ้าของบริษัทค่ายเพลงลูกทุ่งชื่อดังแห่งนี้ นวลอนงค์เห็นความหล่อเข้มของดวง ก็แทบใจละลาย ในการร้องออดิชั่นคัดเลือกนักร้องเข้าสังกัดที่เฮียช้างมานั่งเป็นกรรมการเอง เฮียช้างจะไม่ให้ผ่าน แต่นวลอนงค์รีบมาเหวี่ยง ดุให้พ่อรีบเปลี่ยนใจ เฮียช้างที่ดุ เป็นมาเฟียในวงการเพลงลูกทุ่ง ก็ยังต้องยอมแพ้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ตนเลี้ยงตามใจมาแต่เกิด จนกลายเป็นเด็กสปอยล์ เอาแต่ใจแบบนี้ ดวงคิดว่าบัวตองที่คลาดกันไป คงจะรีบมาหาเขาที่นี่ จึงนั่งรออยู่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ จนหลับคาเก้าอี้ไปด้วยความเหนื่อยอ่อน จนเลิกงาน รปภ.นุ้ย มาปิดประตูบริษัท ขังดวงไว้โดยไม่รู้ตัว

          กรณ์เทพพาบัวตองไปที่ค่ายเพลงซาวด์สยาม แต่ก็พบว่าประตูบริษัทปิดไปแล้ว ไปยืนด้อมๆ มองๆ ก็โดนรปภ.นุ้ยตะเพิดออกมา กรณ์เทพรู้ว่าบัวตองไม่มีเงินติดตัวสักบาท ก็พาไปพักที่บ้านบอกว่าตนพักกับแม่ บัวตองจึงยอมไป แต่พอถึงหน้าประตูบ้าน กลับกลายเป็นว่ามีสองหนุ่มมาเปิดประตูบ้าน บัวตองจินตนาการไปถึงว่าสามหนุ่มเป็นพวกจิตทราม ใช้กำลังฉุดจะรุมโทรมเธอ ก่อนจะสะดุ้งจากจินตนาการ เพราะทั้งสองแสดงท่าทีสุภาพและเป็นมิตร สองหนุ่มก็คือ ทองดี (ธีรภัทธ์ แย้มศรี) ที่ดูจะมีอายุมากกว่าอีกสองหนุ่ม เขาแนะนำตัวเองว่าเป็นข้าราชการกทม.และมีรถประจำตำแหน่งด้วย อีกคนคือ เบ๊นซ์ (พชรพล ศุขอร่าม) หนุ่มหน้าหยกที่แนะนำตัวเองว่าเป็นนักแสดงที่รับบทพระเอกมาแล้ว เบ๊นซ์ท่าทางกรุ้มกริ่มปากหวาน เห็นว่าบัวตองสวย น่ารัก ก็ทำท่าจะจีบ กรณ์เทพต้องด่าเอาว่า บัวตองมีแฟนแล้ว และแค่มาพักคืนสองคืน พอเจอแฟนที่ชื่อดวง แล้วก็จะกลับ

          คืนนั้น สามหนุ่มคึกคัก ทำตัวหล่อกันเป็นพิเศษ เพราะร้อยวันพันปี จะมีผู้หญิงสวยๆ มาค้างคืนอยู่ร่วมชายคาสักครั้ง ป้าพลอย (อุทุมพร ศิลาพันธ์) แม่ของกรณ์เทพ เป็นคนปากจัดใจดี เห็นบัวตองก็เข้าใจผิด คิดว่าเป็นพวกเด็กใจแตก หนีตามแฟนเข้าเมืองกรุง แต่พอได้คุยกัน ก็กลับกลายเป็นรู้สึก เอ็นดูขึ้นมาแทน เพราะความใสซื่อ ไร้จริตของบัวตอง ที่หาได้ยากในสังคมสมัยนี้ ยิ่งได้ฟังว่าเข้ามาหางานทำเพื่อรวบรวมเงินใช้หนี้ให้แม่เป็นเงินถึงห้าแสนบาท ก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้ง รีบกุลีกุจอทำกับข้าวรับขวัญ ปรุงเกาเหลาซุปไก่ ที่เป็นเมนูเด็ดของตนให้บัวตองได้กิน บัวตองกินไปน้ำตาไหลไป ทั้งเอร็ดอร่อยทั้งซาบซึ้ง ไม่คิดว่าจะเจอน้ำใจที่อบอุ่นแบบนี้ ในเมืองที่ต้อนรับเธอด้วยการวิ่งราวกระเป๋า และเกือบฉุดเธอไปข่มขืน!

   

          รุ่งเช้า นวลอนงค์มาที่บริษัทแล้วพบ ดวงที่นอนหลับอยู่ ก็เฉ่ง รปภ.นุ้ยซะยับ ดวงเล่าเรื่องของตัวเองกับบัวตองให้นวลอนงค์ฟัง วันนั้นในห้องอัด นักร้องที่นัดไว้เกิดหวัดลงคอ ร้องเพลงไม่ได้ กว่าจะรักษาหายก็ต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 3 เดือน นวลอนงค์จึงปรึกษากับเฮียช้างผู้เป็นพ่อ ว่าจะให้ดวงร้องเสียบแทนไปซะเลย พอเข้าห้องอัด ดวงก็ทำได้ดีมาก จนเฮียช้างถึงกับออกปากว่า ตามประสบการณ์ที่ทำค่ายเพลงลูกทุ่งมาหลายสิบปี ขอบอกว่า ดวง คือนักร้องดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็น พร้อมตั้งชื่อให้ว่า ดวงดี นาดอน (ตามชื่อตำบลบ้านนาดอน ที่ดวงจากมา) นวลอนงค์ยิ่งเห็นรัศมีนักร้องดาวรุ่งดวงใหม่ ก็ยิ่งหลงใหลในตัวดวง

          เมื่อบัวตองมาถามหาดวงที่บริษัทอีกครั้ง นวลอนงค์รับหน้าพอดี เลยโกหกว่า ดวงไม่ผ่านการออดิชั่น และคงกลับต่างจังหวัดไปแล้ว บัวตองเสียใจ คิดว่าหาเงินได้ครบห้าแสนเมื่อไหร่ค่อยกลับไปหาดวง ใบพาย (ภัทรนิษฐ์ แก้วมณี) กับ ลิ้นจี่ (เสาวนิตย์ ณัฐวรวโรตม์) สองหางเครื่องประจำวง ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด ใบพายเป็นสาวเปรี้ยวจี๊ด คอยประจบสนับสนุนนวลอนงค์ ในขณะที่ ลิ้นจี่ จะรักความถูกต้อง จนรู้สึกสงสาร และลั่นไว้ว่าวันหนึ่งจะบอกความจริงให้ดวงฟัง ใบพายขู่ว่า ลองสิ ถ้าอยากจะโดนไล่ออกจากหางเครื่อง ไปเต้นโคโยตี้ตามคลับตามบาร์ ลิ้นจี่เลยต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ ปล่อยให้ดวงกลัดกลุ้ม คิดว่าบัวตองคงจะลืมตนไปซะแล้ว

          บัวตองเริ่มสนิทสนมกับกรณ์เทพมากขึ้น และยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทุกคนในชุมชนแจ่มใจ ชุมชนที่รวบรวมคนที่จนเงิน แต่ไม่จนน้ำใจ แต่ทุกคนก็แสบก็ร้าย ไม่ธรรมดา ตั้งแต่ เจ๊พริ้ง (ราตรี วิทวัส) เจ้าของร้านเสริมสวย ที่มีบริการนวดเท้าในร้าน จนบางทีเจ๊พริ้งนวดเท้าลูกค้าคนหนึ่งอยู่ ก็เผลอไปสลับยีผมให้ลูกค้าอีกคน ที่นี่จะเป็นแหล่งรวมขาเม้าท์ประจำชุมชน เจ๊พริ้งมีลูกมืออีกคนคือ พอลล่า (จุฑามาศ มันตะล้มพะ) ที่มีชื่อตามบัตรประชาชนว่า พรหล้า ซึ่งเป็นหลานสาวของเจ๊พริ้ง ที่เพิ่งมาเริ่มหัดวิชาเสริมสวย และมักจะทำผมให้ลูกค้าเจ๊ง เตลิดเปิดเปิง อยู่บ่อยๆ เช่นอบผมไว้แล้วลืมจนหัวไหม้ฟู แต่ก็เป็นที่หมายปองของทองดี ที่ชอบแวะมาแทะเล็มบ่อยๆ

          อีกมุมของชุมชน มีสำนักเจ้าแม่ของ เจ้าแม่ไผ่แก้ว (อำภา ภูษิต) ที่รับดูหมอ สะเดาะเคราะห์ ใบ้หวย ดูฤกษ์ยาม หรืออะไรก็ตาม ที่ได้เงิน เจ้าแม่ไผ่แก้วเป็นคนกะล่อน หาเลี้ยงชีพปากกัดตีนถีบ อาศัยรู้จริงตามตำราโหราศาสตร์มาบ้าง แต่ส่วนมากมักจะมั่ว โดนจับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ที่หลอกเงินชาวบ้านก็เพราะต้องเลี้ยงดู หน่อไม้ (ด.ญ.ดิสรยา เตชะไพบูลย์) ลูกสาววัยสิบขวบ ที่ฉลาด ฉาดฉาน ช่างถาม แก่นแก้ว แต่ก็มีความน่ารักสมวัย ไม่ก้าวร้าวเกินเด็ก บางทีหน่อไม้ก็เผลอหลุด พูดความจริง แฉแม่ของตัวเองให้วงแตกอยู่บ่อยๆ หน่อไม้มีความใสซื่อๆ คิดอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อนแบบความคิดเด็ก แต่กลับเตือนใจ ให้ลูกศิษย์ลูกหาที่มาไหว้เจ้าแม่ หรือแม้แต่ตัวเจ้าแม่เองได้หวนฉุกคิดอยู่บ่อยๆ

          ครั้งหนึ่ง ที่บ้านของกรณ์เทพ ทั้งกรณ์เทพ บัวตอง ทองดี เบ๊นซ์ ไปจนถึงป้าพลอย ต่างโดนผีหลอกกันถ้วนหน้า ต้องไปตามเจ้าแม่ไผ่แก้วมาช่วย พร้อมจ่ายค่ายกครู แต่เจ้าแม่ไผ่แก้วก็เผ่นเตลิดเปิดเปิง จนได้เห็นว่าเจ้าแม่ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์อะไร ตามราคาคุย และค่ายกครูแพงๆ เลย เจ๊พริ้งกับเจ้าแม่ไผ่แก้วยังได้ปะทะกันบ่อยๆ ที่โรงลิเกท้ายชุมชน เพราะต่างเป็นแม่ยกแย่งชิงตัว เบ๊นซ์ พระเอกลิเก ที่เคยบอกบัวตองว่าเป็นนักแสดงระดับพระเอก ที่แท้ก็คือพระเอกลิเกโรงนี้นั่นเอง

          ส่วนทองดี ที่อวดว่าตนเป็นข้าราชการกทม. มีรถประจำตำแหน่ง บัวตองก็ได้พบความจริง ที่ทองดีมากับรถขยะ เป็นพนักงานขนขยะของกทม.นั่นเอง บัวตอง พยายามตระเวนสมัครงาน แต่ก็ไม่มีใครรับเลย เพราะคุณสมบัติที่เรียนจบแค่ ม.6 จึงหางานดีๆ ได้ยากเหลือเกิน จนเริ่มคิดว่าอาจจะต้องทำงานแบบใช้แรงงานหาเงินประทังชีวิตไปก่อน โดยมีกรณ์เทพ ทองดี และเบ๊นซ์ คอยช่วยให้กำลังใจ ทองดีนั้น อาศัยอ่านหนังสือที่คนทิ้งขยะมากมาย จึงเป็นคนที่มีคำคม คำสอนใจมาให้กำลังใจบ่อยๆ ส่วนนายเบ๊นซ์ ก็คอยกะล่อน เล่นมุกแซวให้บัวตองยิ้มได้ และเมื่อบัวตองเศร้าเรื่องของดวง เหมือนคนอกหัก ก็จะได้กรณ์เทพที่คอยดูแลหัวใจให้เป็นอย่างดี

          เฮียช้างนั้น นอกจากจะเป็นเจ้าของค่ายเพลงผู้ทรงอิทธิพลในวงการลูกทุ่งแล้ว ยังเป็นเจ้าของที่ดินเกือบทั้งหมดในละแวกชุมชนแจ่มใจ แม้แต่บ้านของกรณ์เทพ ก็เป็นบ้านเช่าของเฮียช้างเช่นกัน โดยเฮียช้างมอบหมายให้ อาวุธ (ภูริกูลกฤษฎ์ ชูศักดิ์สกุลวิบูล) ลูกคนโตจอมกร่าง เป็นคนเก็บค่าเช่าทั้งบ้าน ทั้งพื้นที่ค้าขาย ดูแลผลประโยชน์ในพื้นที่นี้ โดยมี จ๊อด (เทวินธวิ์ คุณารัตนาวัลน์) เป็นลูกสมุนคู่ใจ ที่ต่างก็อวดเบ่งใหญ่โต และชอบใช้กำลังข่มผู้อื่น พอๆ กัน เป็นที่เกลียดกลัวของพ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านทุกคน อาวุธได้ปะหน้าบัวตอง ก็ถูกใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะจีบบัวตองให้ได้

          เพลงของดวงเริ่มดัง และขายดี นวลอนงค์จึงยื่นข้อเสนอให้ดวงว่า ถ้าอยากจะดัง เป็นนักร้องลูกทุ่งดาวรุ่งพุ่งแรงตัวจริง และได้เซ็นสัญญาออกอัลบั้มกับบริษัท มีเงินเดือนและที่พักหรู สบายให้ที่ชั้นบนสุดของบริษัท มีข้อแม้เพียงข้อเดียวคือ ให้เลิกกับแฟนอย่างเด็ดขาด ดวงหน้ามืด ใฝ่ฝันอยากดัง ประกอบกับคิดว่าบัวตองทอดทิ้งไม่มาดูดำดูดีตนเลย จึงตอบรับทันที การดูแลนักร้องหน้าใหม่อย่างใกล้ชิดของนวลอนงค์ ทำให้ความสัมพันธ์ของดวงกับนวลอนงค์เริ่มพัฒนาไปเป็นความรัก ถึงแม้ในใจลึกๆ ดวงยังมีบัวตองอยู่ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความสุขสบาย และโอกาสโด่งดังที่นวลอนงค์หยิบยื่นให้


          กรณ์เทพพาบัวตองไปตระเวนสมัครงาน แต่ก็ยังไม่มีบริษัทไหนรับ บัวตองจึงแอบไปสมัครงานก่อสร้าง คอยแบกปูน แต่ก็พลาดพลั้งไปเทปูนหล่อติดเอาหัวหน้าช่างติดพื้นปูนไปครึ่งแข้ง โดน ตะเพิดออกมา บัวตองท้อใจ คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ ที่จะหาเงินใช้หนี้ ก่อนที่ที่นาทำกินของแม่จะถูก ตาเอิบยึด บัวตองเขียนจดหมายกลับบ้าน และเมื่อยุภาตอบกลับมาว่าตาเอิบจะเร่งทวงเงินคืน และจะยึดที่นาทั้งหมดภายในเดือนนี้ บัวตองก็ยิ่งท้อ กรณ์เทพจึงให้กำลังใจว่า ถ้าหางานกินเงินเดือนไม่ได้ ก็สร้างกิจการของตัวเองขึ้นมาเลยดีกว่า แต่บัวตองก็ยังมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าคนธรรมดาๆ อย่างตนจะไปสร้างกิจการอะไรได้ ระหว่างนั้น กรณ์เทพ โหมทำงานหนัก พยายามขยันขายเครื่องดับเพลิงให้มากขึ้นเพื่อค่าคอมมิชชั่น และยังรับทำงานกะดึก ด้วยการเป็นรปภ.หมู่บ้านใกล้ๆ จับพลัดจับผลูไปช่วยจับโจรที่กำลังจะปล้นบ้านของ เจ้าสัวสมโชค (เฉลิมพร นุ่มพันธ์วงศ์) อภิอัครมหาเศรษฐีจากตระกูลที่เป็นเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าสัวจึงตบรางวัลให้อย่างงาม เพื่อเป็นการตอบแทนความดีของกรณ์เทพ

          แต่การทำงานทั้งกะดึกกะกลางวัน ก็หนักหนาเกินกำลัง จนกรณ์เทพ ต้องเลิกงานเป็นรปภ.หมู่บ้านไปซะ ที่ทำเลติดถนนใหญ่ของชุมชนแจ่มใจที่จะมีผู้คนพลุกพล่าน เป็นทำเลที่ดีของร้านอาหารการกิน มีร้านขายอาหารตามสั่ง ของ เชฟหอย (ปราบ ยุทธพิชัย) ที่ชอบคุยโม้ว่า ตนคือเชฟระดับ เชฟกระทะเหล็ก ที่อนาคตจะต้องมีภัตตาคารหรูเป็นของตนเอง ร้านเชฟหอยขายดี เพราะอร่อยและมีอยู่ร้านเดียว และมี คิงคอง (ด.ช. กฤตไน เลาหปราสาท) ลูกชายวัย 11 ขวบ (เป็นคู่ซี้คู่ทะเลาะของหน่อไม้ ลูกเจ้าแม่ไผ่แก้ว) คอยเป็นผู้ช่วย คิงคองจะคอยช่วยพ่อเสิร์ฟ ช่วยล้างถ้วยชาม ทำงานสารพัดเกินวัย จนกลายเป็นเด็กที่ค่อนข้างกร้านโลก แก่แดดกว่าหน่อไม้

          กรณ์เทพกับบัวตองมานั่งกินข้าวที่นี่ เห็นร้านติดกัน ติดป้ายให้เช่า ก็เกิดความคิดว่านอกจากอาหารตามสั่งแล้ว ชุมชนละแวกนี้ยังไม่มีใครทำก๋วยเตี๋ยวขาย แต่ถ้าบัวตองไปฝึกและขอสูตรน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวไก่จากป้าพลอย แม่ของตน ก็น่าจะเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวได้ บัวตองจึงรีบไปกราบคารวะขอเป็นลูกศิษย์ป้าพลอย ปรุงน้ำซุปไก่ ด้วยความยากลำบาก จนในที่สุด ด้วยนิสัยสู้ยิบตา ไม่มีถอยของบัวตอง ทำให้เธอสามารถปรุงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวไก่ที่อร่อย ไร้เทียมทาน ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่จึงเริ่มเปิดขึ้น พร้อมกับขายดิบขายดีอย่างรวดเร็ว สร้างความหมั่นไส้ให้กับ เชฟหอย ที่ยอมไม่ได้ ที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึงจะมาทำอาหารได้อร่อยกว่าตน แต่เมื่อได้ชิมน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวไก่ไปคำเดียว เชฟหอยถึงกับน้ำตาไหล ยอมรับในฝีมือ ประกอบกับ เมื่อร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เริ่มดัง ในชื่อร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวไก่ยกซด’ (เพราะทุกคนที่ได้ชิมจะยกชามขึ้นซดน้ำซุปจนหมดหยดสุดท้าย) ร้านของเชฟหอยก็พลอยขายดีไปด้วย ก็เลยกลายเป็นภาวะวิน-วิน แฮปปี้กันไปทั้งสองฝ่าย

          วันหนึ่งรถยนต์หรูของ เจ้าสัวสมโชค ดันมาเครื่องยนต์ดับ อยู่แถวชุมชนแจ่มใจ เจ้าสัวได้เจอหน้ากรณ์เทพก็จำได้ ที่กรณ์เทพเคยช่วยไว้จากโจรที่ปล้นบ้านเจ้าสัว กรณ์เทพยังช่วยดูเครื่องยนต์ให้ ปรากฏว่าเป็นความสะเพร่าของ นายบุญช่วย (ตูมตาม เชิญยิ้ม) คนขับรถ ที่ดันลืมเติมน้ำมันซะเอง เจ้าสัวด่าบุญช่วยยกใหญ่ ก่อนจะบ่นว่าหิว กรณ์เทพจึงรีบอาสาพาไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ยกซด ของบัวตอง เพียงชิมน้ำซุป ก๋วยเตี๋ยวไก่คำแรก เจ้าสัวสมโชคก็น้ำตาไหลพรั่งพรู เพ้อว่านี่คือรสมือของอดีตเมียเสี่ย คนเก่าก่อน ที่ เสี่ยรักฝังใจ ไม่เคยลืม จนบุญช่วยโวยด่าว่าน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ใส่กัญชา หรือยาเสพติดอะไร ถึงทำให้เจ้าสัวเพ้อหลุดโลกไปได้ขนาดนี้

          หลังจากนั้น เจ้าสัวสมโชคจะแวะเวียนมากินก๋วยเตี๋ยวไก่อีกครั้ง เจ้าสัวสอบถามบัวตอง ว่าไปได้สูตรน้ำซุปไก่แบบนี้มาจากไหน ขอร้องให้พาไปพบเจ้าของสูตรนั้น บัวตองกับกรณ์เทพพาเจ้าสัวสมโชคไปพบกับป้าพลอย ทันทีที่ทั้งสองพบกัน ก็ต่างโผเข้าสวมกอดร้องห่มร้องไห้ กรณ์เทพถึงกะอึ้ง ที่ป้าพลอยบอกให้เรียกเจ้าสัวว่า ‘พ่อ’ เห็นเด็กๆ งง เจ้าสัวสมโชคจึงเล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า ในสมัยยังหนุ่ม เจ้าสัวเคยพบรักกับพลอย สาวที่รับจ้างเย็บ ปะ ชุน แก้ทรงเสื้อผ้า จนเขาส่งเสีย เลี้ยงดู ทั้งคู่อยู่กินมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง    

          ในวันที่เจ้าสัวไม่สบาย พลอยทำน้ำซุปไก่ให้กิน รสชาติเอร็ดอร่อยจนต้องยกชามซดน้ำซุปจนหยดสุดท้าย ความรักของทั้งคู่ดำเนินไปด้วยดี จนวันที่พ่อแม่ของเจ้าสัวทราบ ก็สั่งเด็ดขาดให้เลิกกัน และหลังจากนั้นพลอยก็หายไป ป้าพลอยจึงเล่าต่อว่า ที่ตนหายไปนั้น เพราะพ่อแม่ของเจ้าสัวสมโชคบุกมาเจรจาข่มขู่ว่า ถ้าไม่หนีออกไปจากชีวิตของสมโชคซะ จะจ้างมือปืนมาเก็บ (เพราะพ่อแม่สมโชคเข้าใจว่าพลอยจะมาหวังคบเพื่อปอกลอกสมโชค) เธอจึงต้องระเห็จหนีไป โดยที่ไม่รู้ตัวว่า ได้ตั้งท้อง เจ้าหนูกรณ์เทพได้เดือนหนึ่งแล้ว จึงตัดสินใจคลอดลูกและเลี้ยงดูเอง เพราะกลัวว่าถ้าย้อนกลับไปบอก จะถูกพ่อแม่ของสมโชคดูถูกเอาว่า ปล่อยให้ท้องเพื่อจะจับลูกชายเขา


          เจ้าสัวสมโชคคุกเข่าขอโทษ พร้อมยื่นข้อเสนอว่าจะเลี้ยงดูทุกคนอย่างดี แต่ป้าพลอยปฏิเสธทันที พร้อมสั่งให้กรณ์เทพห้ามรับเงินทองจากสมโชค เพราะไม่อยากให้ทางบ้านสมโชคดูถูกเอาได้ ถึงแม้ทุกวันนี้ไม่ได้รวย แต่ก็ไม่ได้อดอยาก ไม่มีกินแต่อย่างใด จึงไม่ขอรับความช่วยเหลือใดๆ จากเจ้าสัวทั้งสิ้น เจ้าสัวสมโชคยอมรับ แต่ก็ขอซื้อเครื่องดับเพลิงจากกรณ์เทพเยอะๆ และจะมากินก๋วยเตี๋ยวไก่ยกซดทุกวัน

          กรณ์เทพ กับ บัวตอง ได้ช่วยเหลือกัน ได้ใช้เวลาสนิทสนมกัน จนพัฒนาเป็นความรัก ถึงแม้จะมีอุปสรรค จากอาวุธ ลูกชายเฮียช้าง ที่มักมาตามรังควานกรณ์เทพ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร ทั้งสองช่วยกันผลักดันให้เจ้าสัวสมโชค จัดพื้นที่เปิดตลาดนัด ที่ให้ทุกคนมาขายของกันได้โดยไม่เก็บค่าเช่า สร้างความไม่พอใจให้กับเสี่ยช้าง อาวุธ และจ๊อด จนวางแผนจะแอบพังแผงในตลาดนัดซะ

          ในงานเลี้ยงเปิดตลาดนัด มีงานประกวดเทพีชุมชนแจ่มใจ กรณ์เทพได้เห็นบัวตองใส่ชุดสวย แต่งหน้าทำผมเผ้าสวยหยาดเยิ้มขึ้นประกวดบนเวที โดยมีพอลล่า ใบพาย ลิ้นจี่ มาร่วมประกวดด้วย และแน่นอนผู้ชนะคือบัวตอง คืนนั้น กรณ์เทพรู้สึกความรักแน่นคับอก จนต้องระบายออก เขาตัดสินใจบอกรักบัวตอง บัวตองไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ พูดแต่เพียงว่า ขอจัดการเคลียร์หนี้ของแม่ให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาว่ากันใหม่ แต่คำตอบก็น่าจะไม่ใช่คำปฏิเสธแน่ๆ เล่นเอากรณ์เทพเป็นปลื้ม เดินยิ้มแก้มฉีกอยู่ เป็นวันๆ แต่เวลาของความสุขมักสั้นเสมอ เพลงลูกทุ่ง ‘ไอ้หนุ่มโดนทิ้ง’ กลายเป็นเพลงฮิต เนื้อเพลงตัดพ้อต่อว่า หญิงสาวคนรักที่มาจากบ้านนอกด้วยกัน แต่พอเข้ากรุง ก็ทิ้งหายหน้าไปกับหนุ่มเมืองหลวง ซึ่งคนร้องเพลงนี้คือ ดวงดี นาดอน ซึ่งก็คือดวง คนรักเก่าของบัวตอง ที่ได้ปรากฏตัวมาทวงความรักจากบัวตอง

          บัวตองถึงกับสับสน แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของดวง ที่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเธอไปเลย บัวตองก็ใจอ่อน ตอบรับรักจากดวง ที่พอรู้สาเหตุว่าบัวตองไม่ได้ตั้งใจทิ้งตนไป ก็ขอร้องบัวตองให้มาเริ่มนับหนึ่งใหม่กับเขาอีกครั้ง เพราะเขาเองก็เริ่มมีฐานะพอตั้งตัว และคิดสร้างครอบครัวในอนาคตได้ ทำเอากรณ์เทพถึงกับอกหัก หัวใจสลาย เป็นที่น่าสงสาร จนทองดีและเบ๊นซ์ ต้องคอยเฝ้าปลอบใจ

          แต่ความรักของดวงกับบัวตองก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะนวลอนงค์ตามราวีทุกวิถีทางที่จะดึงเอาดวงกลับไปเป็นของตน นวลอนงค์ใช้ไม้ตายสุดท้าย เพราะรู้นิสัยความทะเยอทะยานอยากเป็นนักร้องของดวง จึงยื่นคำขาดให้ดวงเลือกว่า จะเลือกเป็นนักร้องของค่ายซาวด์สยามต่อไป หรือว่าจะเลือกไปเป็นคนรักของบัวตอง บัวตองเห็นท่าทีลังเลของดวง ก็พอจะเข้าใจ ว่าดวงหนุ่มบ้านนอกช่างฝันคนเดิม ได้ตายจากไป เหลือแต่เพียง ดวงดี นาดอน ที่คิดแต่เรื่องอยากเป็นนักร้อง เด่นดัง ไม่ได้คิดถึงบัวตองว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของเขาเลยแม้แต่น้อย

          บัวตองจึงตัดสินใจบอกเลิกกับดวง เพราะไม่อยากขวางอนาคต อันสดใส ของนักร้องดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง ดวงดี นาดอน เธอจึงขอเป็นฝ่ายเดินออกมาเอง เพื่อสงบศึกกับนวลอนงค์ด้วย บัวตองรู้ตัวแล้วในนาทีนี้ ว่าใครกันแน่ ที่ดีกับเธอ และเห็นความสำคัญของเธอจริงๆ บัวตองรีบตรงไปหากรณ์เทพ แต่ก็พบว่าสายไปเสียแล้ว เพราะทองดีกับเบ๊นซ์เล่าให้ฟังว่า กรณ์เทพ หลบไปเลียแผลใจ และสั่งทองดีกับเบ๊นซ์ไว้ว่า ห้ามบอกบัวตอง ว่าเขาหายไปไหน เพราะเขาไม่อยากเห็นหน้าบัวตองอีกให้เจ็บปวดใจ บัวตองเสียใจ แต่ก็ต้องยอมรับ เพราะตนเป็นฝ่ายทิ้งกรณ์เทพให้เจ็บก่อนจริงๆ บัวตองเก็บร้านขายก๋วยเตี๋ยว จะย้ายกลับไปที่ตำบลบ้านนาดอน บ้านเกิดของตน


          บัวตองกลับ ไปเจอยุภา แม่ของตน ก็สารภาพว่าหาเงินได้ไม่ครบห้าแสน มีอยู่เพียงแค่แสนห้า จากร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ที่ขายดีมากๆ ตาเอิบ เห็นบัวตองกลับมา ก็ตามมากะลิ้มกะเลี่ย ทำท่าหัวงูอีก ยุภาเลยบอกให้บัวตองเตะผ่าหมากสั่งสอนเสี่ยซะ พร้อมบอกว่าตนเคลียร์หนี้ตาเอิบไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องเกรงใจกันอีก บัวตองงงว่าแม่เอาเงินจากไหน ยุภาก็งง เพราะได้เงินจากที่บัวตองส่งมา บัวตองนึกย้อน แล้วรู้ทันทีว่ากรณ์เทพเป็นคนส่งมาแน่ๆ เพราะกรณ์เทพเล่าว่าเคยทำงานพิเศษ เคยทำงานหนักสารพัด เคยได้รับเงินเป็นน้ำใจที่ช่วยให้เจ้าสัวสมโชครอดจากเงื้อมมือโจร บัวตองเพิ่งรู้ว่าเงินทั้งหมดนี่ เป็นความช่วยเหลือจาก กรณ์เทพ นั่นเอง

          บัวตองรีบกลับไปกรุงเทพฯ อีกที เธออธิบายให้ทองดี และเบ๊นซ์ เข้าใจ เรื่องราวทั้งหมด พร้อมขอร้องให้บอกเธอว่ากรณ์เทพหนีไปอยู่ที่ไหน ทั้งสองจึงตกลงว่าจะพาไป โดยมีรถยนต์ลีมูซีนหรูของเจ้าสัวสมโชค ที่นายบุญช่วยขับมาช่วยอำนวยความสะดวกถึงที่ เวลาเย็น ที่ชายหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งยังดูมีความเป็นธรรมชาติสูง และไม่มีคนพลุกพล่าน กรณ์เทพนั่งซึมเศร้าอยู่คนเดียว เขาต้องแปลกใจที่มีรถยนต์ลีมูซีนหรูของเจ้าสัวสมโชค ปราดเข้ามาจอด พร้อมกับบัวตองที่วิ่งลงมาหาเขา และมีทองดี เบ๊นซ์ รวมถึง เจ้าสัวสมโชค และป้าพลอย พ่อแม่ของกรณ์เทพมาเป็นสักขีพยาน

          บัวตองเคลียร์ทุกเรื่องในใจให้กรณ์เทพรับรู้ว่า คนที่อยู่ในใจเธอจริงๆ และมีค่าสำหรับเธอจริงๆ ณ ตอนนี้ และตลอดไป ก็มีแค่เพียงกรณ์เทพเท่านั้น กลายเป็นว่า บัวตองต้องมาคุกเข่า ขอความรักจากกรณ์เทพซะนี่ ซึ่งแน่นอน กรณ์เทพย่อมตอบรับรักครั้งนี้ แม่ดอกรักเร่ของเขา จึงไม่ต้องเร่รักอีกต่อไป แต่จะประดับอยู่กลางใจของเขาไปเป็นรักนิรันดร์...


ชมทีวีออนไลน์ช่อง 7 แบบสดๆ ได้ที่นี่


ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง
     Facebook.com/TVSociety