รีวิวหนัง Jurassic World: Dominion 🦖 งานเลี้ยงรวมรุ่นปิดไตรภาค ฉบับหมดมุกเหรอ?
หนังใหม่ รีวิวหนัง วิจารณ์หนัง Jurassic World: Dominion
มาถึงการปิดฉากอย่างสมูบรณ์แบบของอีกหนึ่งแฟรนไชส์หนังเรื่องยิ่งใหญ่ในยุคนี้ นี่คือ "Jurassic World: Dominion" (จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร) ที่กลับมาสานต่อเรื่องราวจากเหตุการณ์ภาคก่อนที่ยุ่งเหยิงไปอย่างไม่น่าเชื่อ โดยภาคนี้ยังได้ทีมผู้สร้างและทีมนักแสดงชุดเดิมกลับมา พร้อมกับนักแสดงฉบับคลาสสิกยังมาร่วมสมทบอีกด้วย แล้วผลลัพธ์ของหนังปิดไตรภาคเรื่องนี้จะออกมาได้ดั่งใจหรือไม่นะ?
Jurassic World: Dominion เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 4 ปีหลังจากที่อิสลาร์ นูบลาร์ ถูกทำลาย ตอนนี้ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่และออกล่า ไปพร้อมกับมนุษย์ทั่วโลก ก่อกำเนิดเป็นโลกยุคใหม่ สร้างสมดุลอันเปราะบางนี้จะเปลี่ยนโฉมอนาคตและตัดสินว่า มนุษย์จะยังคงเป็นผู้ล่าที่อยู่ลำดับปลายสุดบนดวงดาว และยังคงอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์
นี่คือการปิดไตรภาค จูราสสิค เวิลด์ อย่างเป็นทางการ ที่ถือว่าเป็นเสมือนการเปิดงานเลี้ยงร่ำลาคืนสู่เหย้า เพราะคุณจะได้เห็นทีมนักแสดงทั้งศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่ากลับมารวมตัวกันในหนังเรื่องนี้เรื่องเดียวแบบจุใจ และเป็นการปิดฉากที่เต็มไปด้วยความถวิลหาหนังแฟรนไชส์ ทั้ง 5 ภาคที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุค 90 เป็นต้นมา บรรยากาศกลับมาเป็นวังวนในเรื่องนี้เต็มไปหมด พร้อมกับการหยอดไดโนเสารพันธุ์ ๆ เข้ามาชวนตื่นตาตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ดูเหมือนว่า...ทั้งหมดก็มีอยู่แค่นั้น
ก็คงจะต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า Jurassic World: Dominion เป็นการปิดฉากไตรภาคที่ทำให้รู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้เลยก็ตาม แต่ปรากฏว่านี่เป็นบทสรุปไตรภาคของ จูราสสิก เวิลด์ ที่ช่างกระด้างกระเดื่อง วนซ้ำอยู่กับมุกเก่า ๆ ที่นำกลับมารียูสและหากินซ้ำ กับไอเดียในคอนเซ็ปต์ของหนังภาคนี้ที่น่าสนใจ แต่กลับนำเสนอออกมาได้ค่อนข้างล้มเหลวและไปไม่ถึงดวงดาว
ไม่รู้ว่าผู้กำกับ "โคลิน เทรวอร์โรว์" ที่อยู่กับแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้มาตลอดช่วงเวลาที่ผ่าน เขาเกิดอาการหมดมุกหรือไม่ เพราะสิ่งที่ออกมาใน Jurassic World: Dominion กลายเป็นตอนจบที่ไม่ได้งดงามสักเท่าไหร่ เพราะเนื้อในของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างสะเปะสะปะและซ้ำซากจำเจอยู่ทุกหย่อมหญ้า สารภาพตรง ๆ ว่านี่เป็นหนังที่สร้างความบันเทิงและความเอ็นจอยให้คนดูได้อยู่แล้ว เพียงแต่มันกลายเป็นสิ่งเดิม ๆ ที่เคยเห็นมาก่อน และไม่มีที่ทำให้คนดูรู้สึกประหลาดใจได้เลย
ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า คอนเซ็ปต์ของหนังที่ปูเรื่องบนแนวคิดที่ว่า คนกับไดโนเสาร์จะอยู่ร่วมกันได้เช่นไร นับว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก แต่ปรากฏว่าหนังแตะต้องประเด็นนี้เพียงแค่ผิวเผิน แบบผิวเผินมาก ๆ จนน่าแปลกใจที่หนังตั้งใจแตะต้องเพียงแค่นี้จริง ๆ หรือ และกลับไปเน้นการเล่าเรื่องแบบซ้ำเดิม ที่เคยเห็นมาแล้วจากหนังทั้ง 5 ภาคที่ผ่านมา พร้อมกับโครงเรื่องกับไดอะล็อกที่พยายามยัดเยียดไปสักหน่อย แต่ยังดีที่โครงสร้างของหนังเรื่องนี้ยังพอถูไถให้ดูสนุกได้อยู่ในตัวเอง
ทัพนักแสดงรุ่นใหม่และรุ่นเก่ามากับเพียบ แน่นอนว่าก็ต้องแบ่งแอร์ไทม์กันไปบนหนังที่มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง "คริส แพรตต์" กับ "ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด" ก็ยังรับหน้าที่ในบทบาทของพวกเขาได้ดี เพียงแค่ว่าภาคนี้บอกได้เลยว่า ทำพวกเขา 'หมอง' ลงไปอย่างเห็นได้ชัด และน่าเสียดายที่คาแรกเตอร์ของพวกเขาแทบจะไม่ได้รับการขยี้และสานต่อจากที่ 2 ภาคก่อนปูเอาไว้เลย
มาถึงรุ่นเก่า "ลอร่า เดิร์น", "แซม นีลล์" หรือ "เจฟฟ์ โกลด์บลุม" ก็กลับมาทำให้คนดูรู้สึกคิดถึงวันวานได้ดี เคมีที่เข้ากันดีของพวกเขาเป็นส่วนมาช่วยเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ เพียงแต่ว่ามันเหมือนเป็นการจงใจใส่เข้ามาแบบไม่ธรรมชาติไปสักหน่อย แม้ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ที่แฟน ๆ คิดถึง แต่การกลับมาของพวกเขาในครั้งนี้กลับไม่ได้สร้างโมเมนต์อะไรให้ได้น่าจดจำได้เลยอย่างน่าเสียดาย
แต่ตัวละครใหม่ที่น่าสนใจของภาคนี้ กลายเป็น 2 นักแสดงผิวสี อย่าง "ดีแวนด้า ไวส์" และ "มามูดู อาธี" ที่กลายเป็นความสดใหม่เพียงหนึ่งเดียวที่สอดแทรกเข้ามาไว้ในหนังเรื่องนี้ และคาแรกเตอร์ของพวกเขาก็น่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งยังน่าค้นหาไม่เบา ถ้าจะเล็งเห็นสร้างภาคใหม่หรือภาคแยกตามออกมาอีก เห็นทีทั้ง 2 คาแรกเตอร์นี้ของพวกเขาน่าสนใจที่จะรับพิจารณาไปพัฒนาต่อได้อยู่
และเมื่อโดยรวมของทีมนักแสดงมาอยู่บนหนังเรื่องเดียวกัน แน่นอนว่าการแสดงของพวกเขามีส่วนช่วยพยุงทั้งเรื่องเอาไว้ได้ดีเลย เพียงแต่เสน่ห์ของแต่ละคาแรกเตอร์ถูกนำมากองรวมไว้จนแน่นจอ กลายเป็นการบดบังเสน่ห์ของกันและกันไปอย่างน่าเสียดาย แม้กระทั้งเสน่ห์ของตัวละครไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่าง ๆ ของ Jurassic World: Dominion ที่ยังสัมผัสได้เลยว่า พวกเขาลดเสน่ห์ของพวกมันลงไปอย่างน่าประหลาด
แม้ว่าหนังจะใส่ไดโนเสาร์พันธุ์น่าตื่นตาตื่นใจเอาไว้มากมาย แต่การเล่าเรื่องและการหยอดใส่เข้ามาแบบโต้ง ๆ กับจังหวะจุดขายเดิม ๆ กลับไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกว้าวอีกต่อไป แต่หากว่าคุณมีความสนใจและมีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องสายพันธุ์ไดโนเสาร์ต่าง ๆ อยู่แล้ว การดูหนังเรื่องนี้ของคุณน่าจะช่วยให้อินเพิ่มขึ้นได้มากกว่าหน่อย
เอาเป็นว่าโดยสรุปแล้วนั้น Jurassic World: Dominion ค่อนข้างน่าผิดหวังไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับว่าเป็นหนังที่แย่ เพียงแต่ว่าหนังไม่สามารถทำได้ถึงจุดที่เคยทำได้ถึงมาก่อน กลายเป็นงานหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ที่รสชาติออกจะจืดไปหน่อย มีฉากแอคชั่นเดือดดาลและสนุกดี แต่กลับจับประเด็นได้เพียงแค่ผิวเผิน พลอยทำให้ตลอด 2 ชั่วโมงนิด ๆ ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้น...ไร้สิ่งที่น่าจดจำ และกลายเป็นเพียงหนังที่ดูจบแล้ว ก็กองทิ้งเอาไว้ตรงนั้น ก่อนจะเดินไปที่อื่น...
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Jurassic World: Dominion
- ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย
- ผู้กำกับ: โคลิน เทรวอร์โรว์
- นำแสดงโดย: คริส แพรตต์, ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด, ลอร่า เดิร์น, แซล นีลล์
- ความยาว: 147 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 8 มิถุนายน 2022 (ในโรงภาพยนตร์)
Movie.TrueID METRIC: Jurassic World: Dominion
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10)
-------------------------------------
ดูหนังออนไลน์ได้ที่ >> Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย https://bit.ly/3xEgdAa