โหนกระแสล่าสุดวันนี้ : "ครูเต้ย-ขนม" เผชิญหน้าเคลียร์ทุกดราม่า น้ำตาท่วมจอ ประกาศจะเลิกแซะต่อกัน

จากกรณี "ครูเต้ย อภิวัฒน์ บุญเอนก" เลิกรา "ขนม ศศิกานต์ กนิษฐสุนทร" อดีตภรรยา ซึ่งที่ผ่านมา สองฝ่ายมีการพาดพิงกันไปมาอยู่ตลอด ล่าสุดครูเต้ยรับไม่ได้ ที่ฝ่ายขนมไลฟ์สดพาดพิงเรื่องในอดีต เป็นเรื่องที่ครูเต้ยไม่อยากมีลูกคนที่สองด้วยเหตุผลบางอย่าง ถึงขั้นอยากให้ยุติการตั้งครรภ์ จนทำให้เป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ ซึ่งในรายการ "โหนกระแส" วันที่ 6 มิ.ย.2568 ดำเนินรายการโดย "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ ขนม อดีตภรรยา, ภูผา เพื่อนสนิท และผู้จัดการ เผชิญหน้า ครูเต้ย มาพร้อม ทนายโนบิ กฤษฎา โลหิตดี
โหนกระแสล่าสุดวันนี้ : "ครูเต้ย-ขนม" เผชิญหน้าเคลียร์ทุกดราม่า
>>ดูทีวีออนไลน์ ช่อง 3HD<<
ครูเต้ยไม่มองหน้า ?
ครูเต้ย : ไม่ครับ มองได้
แต่ขนมเหลือบมองตลอด มองตรง ๆ ไม่ได้เหรอ ?
ขนม : มองตรง ๆ ได้ค่ะ
ไม่ได้เจอนานแค่ไหน ?
ขนม : จริง ๆ เพิ่งเจอล่าสุดตอนเขามารับตั้งใจไปค่ะ ไม่นาน
อดีตครูเต้ยเป็นครูสอนหนังสือ ?
ครูเต้ย : ใช่ครับ เป็นวิชาดนตรี ตอนหลังร้องเพลงพอได้ ก็ทำเพลงลงโซเชียลเรื่อย ๆ จนได้เป็นนักร้อง
คุณดังมากเลยนะ ?
ครูเต้ย : ช่วงนึงครับ ช่วงนี้ไม่ดังเท่าช่วงนั้นครับ
คนสนับสนุนเยอะ เลยออกจากการเป็นครูมาเป็นนักร้องอาชีพ ?
ครูเต้ย : ใช่ครับ ตัดสินใจลาออกจากการเป็นครู
ครูเต้ยในอดีตมีแฟนแล้วเลิกรากันไป และมาได้คนนี้ ?
ครูเต้ย : ใช่ครับ ตอนนั้นผมไปจีบเขาครับ ก็คุยกันมาเรื่อย ๆ และคบหากัน ได้แต่งงานกัน มีลูกด้วยกัน 2 คน
มีประเด็นเกิดขึ้นก่อน เป็นนักร้องแฟนคลับเยอะ แฟนคลับรู้ว่าคุณคบขนม แต่ไม่เคยรู้ว่ามีลูก อยู่ดี ๆ คุณเปิดตัวอุ้มลูกมาเลย แฟนคลับงง ?
ครูเต้ย : มีบางกลุ่มที่รู้ว่ามีลูกครับ เขาก็พร้อมซัพพอร์ตในเรื่องที่เรามีครอบครัว แต่ที่เลือกไม่เอาลูกออกมาช่วงท้องหรือตั้งครรภ์ในตอนแรก เพราะต้องการปกป้องลูก ตอนนั้นกระแสไม่ดี เป็นกระแสทั้งฝั่งแฟนเก่าและขนม เป็นกระแสว่าผมคบซ้อน
แล้วซ้อนมั้ย ?
ครูเต้ย : ไม่ครับ ผมเลิกแล้วถึงมาคบกับขนม เป็นกระแสไม่ดีมาก ทุกสำนักข่าวก็ด่า ถ้าผมเอาลูกออกมา ณ เวลานั้น ผมคิดว่าทัวร์ก็น่าจะลงลูกผมด้วย ก็เลยปรึกษาเขาว่าเราน่าจะเก็บเรื่องลูกไว้สักปีนึงได้มั้ย ถ้าวันเกิดเขา เราจะเอาเขาออกมาให้พี่ ๆ เอฟซีได้รู้ เราก็อยู่กันแบบลับๆ โดยมีลูกในเวลา 1 ปี
ตอนนั้นตั้งใจมีลูกเลยใช่มั้ย ?
ขนม : ค่ะ เป็นลูกคนแรก
ไม่กล้าเอาลูกออกมา ไม่ได้กลัวจะเสื่อมความนิยม แต่กลัวคนมาด่าลูก ?
ครูเต้ย : ใช่ครับ เพราะจากที่เห็นมาศิลปินหลายคนที่มีปัญหาเรื่องนี้ เอาลูกออกมา ส่วนใหญ่คนโจมตีลูกด้วย ก็มองว่าเก็บเรื่องนี้ไว้ดีกว่า อยากเอาลูกออกมาโดยเขาไม่โดนกระแสพวกนี้ ก็ปล่อยให้ซาไป 1 ปีครับ
แต่งงตรงที่ คุณอุ้มลูกคนที่สองออกมาโชว์ เดือนเดียวเท่านั้นเอง แล้วคุณประกาศเลิกกันเลย ?
ครูเต้ย : จริง ๆ ก่อนหน้านั้นมีปัญหากันมาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว ถึงวันนั้นเราตัดสินใจว่าไม่น่าได้ไปต่อกัน
เป็นอย่างนั้นมั้ย ?
ขนม : จริงค่ะ แต่ถ้าจริง ๆ เรื่องน้องตั้งใจ ใช่อยู่ค่ะเรากลัวกระทบถึงลูก แต่อีกมุมก็กลัวมันจะลบ ถ้าพูดออกไปว่ามีลูก ก็มีการคุยกันว่า ถ้าหนึ่งปีแล้วไม่เปิดเรื่องลูก ก็จะไม่อยู่ หนูจะไม่อยู่ เพราะตอนนั้นไม่ได้มีแค่ว่าเราจะเปิด มีบางคนที่ไม่โอเคถ้าจะเปิด เหมือนกลัวว่ากระแสจะลบ เหมือนกลัวว่างานจะหาย
บางคนคือเขาหรือเปล่า ทำไมไม่เอ่ยกันตรง ๆ?
ขนม : (หัวเราะ) เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมีคำพูดแบบนี้ออกมา ตอนนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่เก็บ
เป็นเขาเหรอ ?
ขนม : ไม่ใช่เขาค่ะ เป็นที่บ้านเขาค่ะ พูดว่าบางคนเก็บลูกได้เป็น 20 ปีเลยก็มี
คุณก็ต้องยอม?
ขนม : ไม่ยอมค่ะ จนบอกพี่เต้ยว่าถ้าลูก 1 ขวบแล้วยังไม่เปิด หนูจะแยกย้ายไปใช้ชีวิตของหนู นั่งร้องไห้เลยตอนพูดกัน ถ้าเขาจำได้
ครูเต้ย : ไม่ครับ อันนี้ไม่ได้พูดเรื่องจะแยกย้ายกัน
ขนม : พูดค่ะ ถ้าปีนึงยังไม่เปิดลูกก็จะไม่เอาแล้ว จำได้ แม่ก็อยู่ หนูก็เล่าให้เขาฟัง เขาก็ตอบกลับมาว่า ทำไมไปใส่ใจอะไรแบบนั้น ทำไมมีชุดความคิดแบบนี้ หนูแค่อยากให้เขาบอกกับที่บ้านเขาบ้าง
ครูเต้ย : ทำไมไม่โฟกัสแค่เรา ผมก็บอกกับที่บ้าน มีแค่ความคิดช่วงแรกแค่นั้น สุดท้ายก็ไม่มีอะไร สุดท้ายก็เป็นความคิดร่วมกันของเราที่จะปิดไว้ 1 ปี
คุณติดใจตั้งแต่คนแรก ?
ขนม : ติดค่ะ หนูนั่งร้องไห้เลย แต่เขาไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยถาม (เสียงสั่นเครือ)
ขนมเข้าใจครูเต้ย แต่ไม่เข้าใจบ้านคุณ ที่บอกว่าไม่ต้องออกมาหรอก เดี๋ยวเสียคะแนนนิยม บางคนเก็บไว้ 20 ปี คุณค้างใจบ้านเขา ไม่ได้ค้างใจตัวเขา ?
ขนม : ใช่ค่ะ หนูก็เข้าใจบ้านเขาด้วย แต่ที่พูดคือตัวพี่เต้ยไม่ได้ซัพพอร์ตความรู้สึกหนูเรื่องนี้ พอหนูมาร้องไห้เล่าให้เขาฟัง เขาก็จะพูดว่าทำไมถึงมีชุดความคิดแบบนี้ ทำไมถึงไปคิดว่าคนโน้นเขาจะมีความคิดแบบนี้กับเรา เขาอาจไม่ได้มีความคิดแบบนั้นก็ได้ แต่หนูกับเขาก็รับรู้เรื่องนี้ มันเหมือนเป็นความรู้สึกอย่างนึงที่เกิดขึ้นตอนนั้น
ครูเต้ย : เราก็คุยกันในเรื่องตรงนี้ ผมก็อธิบายแบบนั้น ผมก็ไปพูดฝั่งนั้นให้เข้าใจ และเราก็ตกลงร่วมกันว่าจะปิด
ขนม : เพราะเราทำอะไรไม่ได้แล้ว จะพูดก็ไม่ได้ เรารอวันมีตติ้ง เราจะรอให้ลูกครบ 1 ขวบก่อน
อยู่ดี ๆ เกิดอะไรขึ้น คุณแยกย้ายกันไป คุณไม่ได้จดทะเบียนแต่เลิกกันไป เลิกเมื่อไหร่ ?
ขนม : เลิกตั้งแต่เขาไปทัวร์ต่างประเทศ หลังจากนั้นไม่ได้คุยกันอีกเลย เราทะเลาะกันมาเรื่อย ๆ ก่อนไปต่างประเทศ จนเขากลับมาก็เก็บของ เก็บเสื้อผ้า แล้วออกไปเลย
ครูเต้ย : ก่อนหน้านี้ทะเลาะกันบ่อยมาก และเลิกกันบ่อยมาก ก่อนผมไปต่างประเทศมันสุดจริง ๆ เรื่องที่ทะเลาะกัน ผมก็เลยเรียกแม่เขามาคุยวันนั้น คุยกัน 3 คนทำไมเราไปต่อกันไม่ได้แล้ว เขาเป็นแบบนี้นะ แม่เขาเข้าใจ สิ่งที่บอกเขา เขาไม่เคยปรับเลยเพื่อให้เป็นครอบครัว งั้นก็อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
แต่ตอนนั้นมีลูกคนที่ 2 นะ ?
ครูเต้ย : สิ่งที่ขอเขา เขาปรับไม่ได้ ก็เลยไปต่อกันไม่ได้
ขนม : หนูก็มีสิ่งที่ขอเขา และเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
มีคนบอกว่าวันนี้ขอบายนะ ไม่ดู เรื่องนี้ให้อะไรกับสังคม แต่รู้มั้ย แค่เฟซบุ๊กในโหนกระแส คนดู 1.3 แสน ยูทูป 1 แสน แค่เบรกแรกเองนะ ยังไม่ได้เข้าเรื่องเข้าราว แสดงว่ามีคนตามสาระเรื่องคุณเยอะเหมือนกัน ปัจจุบันต่างคนต่างมีแฟนใหม่แล้ว ทำไมเจอกันเร้วเร็ว ?
ขนม : หนูมูฟออนไวค่ะ ไม่ได้คบซ้อนค่ะ
ครูเต้ย : ผมเพิ่งคบกันครับ
เลิกกันไม่ได้มีมือที่สาม ?
ขนม : ไม่มีมือที่สาม แต่มีหลายเรื่องต่อ ๆ กันมาเรื่อย ๆ และแรงขึ้น ๆ
ทะเลาะกันเรื่องอะไร ?
ขนม : ตั้งแต่วันมีตติ้งจะไปส่งนมลูก หนูรู้อยู่แล้วว่าไปส่งเช้า 8-9 โมงเขาไปไม่ไหว ก็บอกว่างั้นไปตอนเที่ยง วันนั้นทางบ้านเขามา เขาอยากพาบ้านเขาไปกินข้าวตอนบ่ายก่อนไปมีตติ้ง แต่เปิดดูแมฟชม.กว่า น่าจะกลับมาไม่ทัน เขาเลยหงุดหงิด โมโห และหันมาว่าหนูว่า โง่ ไม่มีสมอง ทำไมไม่รู้จักวางแผนอะไรเลย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา พี่เต้ยน่าจะเป็นซึมเศร้า เรื่องอารมณ์เขาจะมีตลอด เราก็เข้าใจแต่ก็อึดอัดค่ะ เวลาเขาเป็นแบบนี้ ลูกก็รับรู้ ลูกเดินมาถามว่าป่ะป๊าเป็นอะไร หนูอยากให้เขาไปหาหมอจะได้อยู่ด้วยกันได้ ถ้ากินยาอาจจะดีขึ้น แล้วก็มีเหตุการณ์มาเรื่อยๆ ยังเป็นคำว่าเดิม โง่ ไม่มีสมองเหมือนเดิม จนสุดท้ายเขาพูดมาอย่างนึงต่อหน้าแม่หนู ถึงแฟนเก่าเขา ว่าถ้าไม่ติดเรื่องไปดื่มมาแล้วกลับมาทะเลาะกัน นอกนั้นดีหมดเลย
ครูเต้ย : เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องพูดกับแม่เขาเลย ตอนนั้นกินข้าวกัน เขาประชดผมว่าทำไมยังรู้สึกแบบนั้นกับเรื่องเก่าๆ ผมก็เลยอธิบายให้เขาฟัง ไม่ได้มีเจตนาข่มเขากับคนเก่า ผมแค่เล่าเพราะเขาถามผมแค่นั้น แต่ที่จริงเรื่องทั้งหมดเป็นมาตั้งแต่ลูกคนแรกแล้วครับ ผมต้องขอโทษขนม ขอโทษอากงและแม่ยาย ถ้าที่ผ่านมาทำให้ไม่สบายใจ หรือทำอะไรผิดไป แต่สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่คิดจะเอามาพูดในโซเชียลเลย ช่วงทะเลาะกันผมไม่เคยคิดแก้ตัวหรือใส่ร้ายอะไรเขาเลย มีแต่ฝั่งเขาโจมตีผมเรื่องนั้น แซะผมเรื่องนี้ ผมรอแก้อย่างเดียว
คุณโจมตีอะไรเขา ?
ขนม : วันที่เกิดเรื่องครั้งแรก พี่ภูโพสต์ เราก็ทะเลาะกัน
ภูผา : วันนั้นไปร้านนึงแถวรัชโยธิน หนูก็มองเพื่อน แล้วสงสารเพื่อน
สงสารอะไร ?
ขนม : หนูโดนเอฟซีเขาว่าเยอะมาก และว่าแรงมาก
เพื่อนสงสารเลยพิมพ์ไปในโซเชียล ?
ภูผา : ใช่ แต่ไม่ได้ด่านะครับ พิมพ์ว่าสงสารเพื่อนจังเลย โดนด่าทุกวัน ๆ ทั้งที่มันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทางฝั่งเขามาตอบกลับ ก็กลายเป็นเรื่องตอบกันไปตอบกันมาทั้งคืนเลย
นี่คือเริ่มจุดชนวนเลย เป็นเพราะคุณเลย ?
ภูผา : ใช่ครับ แต่แค่โพสต์สงสาร
ครูเต้ย : มันไม่ได้โพสต์สงสาร มันเยอะกว่านั้น ฟีลจะแฉผม พวกคุณไม่รู้ความจริงหรอก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง รอฟังได้เลย ผมอยู่ตลอดเรื่อยๆ ไม่จบสักที ทั้งที่ผมกับขนมจบกันด้วยดี
เป็นเพราะภูผา ?
ครูเต้ย : เป็นเพราะคนรอบตัวครับ
พอภูผาโพสต์ คนก็เริ่มเปลี่ยนทิศมาหาครูเต้ย จากนั้นยังไงต่อ ?
ขนม : พอทางนี้เริ่ม ทางนั้นตาม หนูก็เข้าใจคนรอบตัวหนูนะคะ เพราะเขาเพิ่งมารู้เรื่องตอนหลังที่เลิกกัน เขาก็มีความไม่พอใจ ว่าทำไมไม่บอกให้คนของตัวเองหยุดเสียที
ครูเต้ย : คนที่ว่าขนม ไม่ใช่เอฟซีผมโดยตรง เป็นคนทางบ้านที่เขามองว่า อ้าว เพิ่งคลอดลูก ทำไมถึงมีแฟนใหม่ไวจัง ซึ่งไม่ใช่แค่กลุ่มเอฟซี เป็นมุมมองคนทั่วไป เราดันมาโฟกัสว่าเป็นเอฟซีของพี่อย่างเดียวแล้วก็เอามาฟาด ซึ่งสิ่งที่เอามาฟาดคืออดีตของพวกเราที่เคยทำผิดพลาดมาฟาด พี่มองว่าไม่ถูกต้อง บางอย่างมันจะกระทบกับลูกในอนาคต พี่บอกหนูตลอดเลยว่าถ้าเราทะเลาะกัน มันทะเลาะกันได้เรื่องอื่น แต่ขออย่างเดียวคือเรื่องลูก พี่ขอ (ร้องไห้)
ขนม : ตอนนี้พี่อาจเจ็บปวด แต่ตอนนั้นหนูก็เจ็บปวดเหมือนกัน ไม่เคยได้รับคำขอโทษเลยนะพี่เต้ย
ครูเต้ย : หนูก็รู้ว่าพี่รักลูกมากขนาดไหน (ร้องไห้)
ขนม : ใช่ หนูรู้ แต่ทำไมไม่หยุด
ครูเต้ย : (ร้องไห้หนักมาก) พี่ยอมทุกอย่างที่ผ่านมา แต่พี่ขออย่างเดียวอย่าพูดเรื่องลูก เราเคยตกลงกันแล้ว แต่ทำไมหนูต้องเอาเรื่องนี้มาพูด
ขนม : เพราะก่อนหน้านั้นพี่ออกมาไลฟ์สดว่าพี่จะฟ้องคนรอบตัวหนูให้หมดเลย (ร้องไห้) แต่พี่ไม่นึกไง ว่าทำไมเขาถึงโกรธ
ครูเต้ย : ไม่ เขาไม่ได้โกรธพี่เรื่องนี้
ขนม : เขาโกรธเรื่องนี้กันทุกคน
ภูผา : โกรธพี่ที่พี่จะให้เอาเด็กออก
ครูเต้ย : ฟัง ไม่อยากให้พูดคำนี้ออกมาในรายการ เพราะวันนึงเด็กมาเห็น ต้องเข้าใจนะเราทะเลาะกันแค่ผู้ใหญ่ ควรเอาแค่สิ่งที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ไม่ใช่เอาเด็กมาโหนเพื่อทำร้ายกัน
ขนม : หนูไม่ได้เอาเรื่องเด็กมาโหนแต่พี่ไม่คิดเลยว่าทำไมเขาถึงโกรธ (ร้องไห้)
ครูเต้ย : ยิ่งภูผาเป็นคนนอก ยิ่งไม่ควรเข้ามายุ่งตรงนี้ แต่ทำไมภูผาออกมาอะไรแบบนี้ตลอด ทุกเวลา ภูผาแทบไม่ใช่ญาติ
ขนม : เขาไม่ใช่ญาติ แต่อยู่ข้างหนูตลอดนะคะ พี่รู้มั้ยวันที่เขาร้องไห้คนเดียว ตอนที่พี่บอกให้ทำแบบนั้น เข้าใจว่าคุยกันแล้ว แต่คืนก่อนหน้านั้นพี่ออกมาไลฟ์สดไง เขาเลยไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เข้าใจบ้างว่าทำไมคนรอบตัวถึงโกรธพี่ ทั้งพ่อทั้งแม่ทุกคน
ครูเต้ย : เรื่องของลูก เป็นเรื่องที่เราสองคนคุยกัน ไม่ใช่ว่าพี่ใช้อภิสิทธิ์ตัดสินใจ บังคับให้หนูไปทำตรงนั้น เราสองคนคุยกัน มีแชตที่จริงมันเยอะกว่านั้น ที่แคปมามันอาจเหมือนผมที่คุยอยู่ฝ่ายเดียว แต่จริง ๆ เราคุยด้วยกัน เราหาวิธีร่วมกันตรงนั้น แต่ผมยอมรับผิดว่าเวลานั้น ช่วงเวลานั้น ผมมีความคิดแบบนั้น ในอดีตมีความคิดแบบนั้น ก็ขอโทษคำที่บอกว่าทำไมต้องสร้างแต่ปัญหา วันนั้นเราทะเลาะกัน
ขนม : ไม่ได้ทะเลาะ (ร้องไห้)
ภูผาโพสต์เหมือนมาแซะครูเต้ย ครูเต้ยโมโห เลยบอกจะฟ้องคนแซะเขา เพราะเขาไม่ไหวแล้ว ขนมมองว่าจะไปฟ้องคนรอบข้างได้ไง คนรอบข้างปกป้องขนมนะ มันคิดคนละอย่างเท่านั้นเอง แต่ประเด็นที่เกิด ขนมไลฟ์พูดไปเรื่อยๆ มีคำพูดคำนึงซึ่งครูเต้ยบอกว่าเขารับไม่ได้จริงๆ คำพูดคำนั้นเกี่ยวกับลูกคนที่สองของเขา คำพูดทำให้หลายคนมองว่าครูเต้ยไม่รักลูกคนนี้หรือเปล่า มันเลยเซนซิทีฟกับครูเต้ย ครูเต้ยเลยพยายามบอกขนมว่าไม่ควรเอาเรื่องนี้มาพูดแบบนี้ เพราะมีประเด็นไปถึงลูก เดี๋ยวลูกเข้าใจผิดว่าไม่รักลูกหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ครูเต้ยคิด ขนมมองยังไง เจตนาพูดแบบนั้นออกไป มองยังไง ?
ขนม : จริง ๆ หนูพยายามเลี่ยงที่จะไม่พูดเรื่องนี้หลายครั้งมาก แต่รอบล่าสุดเขาออกมาไลฟ์สด หนูแค่รู้สึกว่าทำไมเขาไม่สำนึกในสิ่งที่เขาทำบ้าง (ร้องไห้) หนูไม่เคยได้รับคำขอโทษจากเขาเลยแม้แต่คำเดียว
ครูเต้ย : พี่ขอโทษขนม ในแชตก็มี เราขอโทษกัน เราเข้าใจกันแล้วตรงนี้
ขนม : มันติดอยู่ในหัว วันที่รู้ว่ามีน้อง เดินไปบอกกลับได้คำตอบว่าสร้างแต่ปัญหา แล้วไล่ให้ไปร้องไห้ที่อื่น (ร้องไห้)
ครูเต้ย : คนละประเด็นนะครับ วันนั้นเราทะเลาะกันก่อน แล้วผมก็กลับบ้าน ตอนนั้นอารมณ์มันดาวน์ ผมยอมรับ ผมขอโทษ ที่พูดคำนี้ไปว่าทำไมสร้างแต่ปัญหา พอหลังจากตรงนั้นเราก็มาปรึกษากันว่าจะเอายังไงตรงนี้ เพราะก่อนหน้านั้นเราเคยคุยกันว่าเราจะมีลูกคนเดียว ความคิดผม ผมรักลูกคนแรกมาก คิดปรึกษากันและหาวิธี ในแชตที่ทุกคนเห็นเป็นแชตผมจริง เป็นคำพูดผมจริง แต่เป็นแชตที่เราคุยกัน พี่ไม่ได้ไปบังคับใช่มั้ย เราแค่หาวิธี
ขนม : เขาถามหนูว่าจะไปทำที่รพ.หรือจะไปทำเอง หนูบอกว่าหนูไปรพ.ไม่ได้ หนูไม่มีทางเลือกอื่นเลย หนูบอกใครก็ไม่ได้ (ร้องไห้)
พี่ว่าอันนี้มันอาจไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ในการเล่าดีเทล ความรู้สึกไม่ได้มีเราแค่สองคน มีอีกคนที่เขาโตขึ้นมาแล้วรู้เขาจะรู้สึกไม่ดี ครูเต้ยอาจไม่มีเจตนาให้เป็นแบบนั้น แต่ขนมเองก็อยู่ในภาวะที่พูดออกไป เพราะรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง แต่บางครั้ง พอพูดออกมาไม่ได้มีผลแค่ครูเต้ย มันมีผลไปถึงตัวน้องด้วย ขนมเข้าใจใช่มั้ย ?
ขนม : เข้าใจค่ะพี่หนุ่ม
ครูเต้ย : ส่วนนั้นก็ขอโทษขนม ขอโทษแม่ยาย ที่ตอนนั้นมีความคิดแบบนั้น (ร้องไห้)
ขนม : (ปล่อยโฮ)
ครูเต้ย : จากนั้นเราก็ตกลงกันว่าเราจะมีเขาอย่างเต็มใจ และรักเขาไม่แพ้พี่คนโต อะไรทุกอย่างที่เราคิดว่าดี เราก็ทำให้เขาไม่แพ้พี่คนโต ในเรื่องลูกคนเล็ก ที่ผมออกมาวันนี้ ไม่ได้อยากมาแก้ตัว (ร้องไห้) แค่อยากออกมา เผื่อวันนึงลูกผมมาเห็นข่าวพวกนี้ แล้วเขาเข้าใจผิดว่าผมไม่ต้องการเขา ไม่รักเขา แต่ที่จริงๆ ตรงนั้นผมคิดที่คิดตอนนั้น ผมยอมรับผิด แต่หลังจากนั้นผมไม่มีความคิดแบบนั้นอีกเลย ผมรักเขามาก (ร้องไห้) ถ้าลูกมาดูคลิปนี้ของพ่อ พ่ออยากขอโทษลูกที่ตอนนั้นพ่อมีความคิดแบบนั้น แต่หลังจากนั้นพ่อรักหนูไม่แพ้เจ่เจ้ (ร้องไห้) แล้วพ่อก็สัญญาว่าพ่อจะดูแลลูกสองคนให้เต็มที่
สองคนนี้ไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหาเกิดจากคนรอบข้าง ครูเต้ย มีปัญหากับคนรอบข้างขนม เนื่องจากคนรอบข้างขนมเห็นใจขนมที่โดนแฟนคลับครูเต้ยต่อว่า ก็พยายามออกตัวแทน ครูเต้ยเลยประกาศจะฟ้อง เอาเรื่องคนรอบข้างขนม ขนมก็ออกมาปกป้องคนของตัวเองเหมือนกัน เป็นวิถีของเขาอยู่แล้ว แต่อาจมีคำพูดบางอย่างกระทบกระเทือนความรู้สึกส่วนลึกของครูเต้ยหรือแม้กระทั่งลูก ซึ่งเขารู้สึกว่ายอมไม่ได้ แต่มีประเด็นมากกว่านั้น เรื่องค่าใช้จ่าย มันเป็นยังไง ?
ขนม : ตอนแรกเลิกกันแล้ว บอกพี่เต้ยว่าขอให้ลูกเดือนละ 5 หมื่นได้มั้ย ลูกสองคน คนละ 5 หมื่น รวมเป็น 1 แสน แต่ได้คำตอบว่าไม่ได้ มีครั้งนึงที่หนูโกรธ หนูแค่รู้สึกว่าไม่ได้เป็นจำนวนที่เยอะไปสำหรับเขา ถ้าเราอยากให้คุณภาพชีวิตลูกเราเป็นเหมือนเดิม มันก็ต้องอย่างนั้นแหละค่ะพี่หนุ่ม แต่เขาให้ไม่ได้ หนูก็เข้าใจเขาในส่วนนี้ เขาอาจกลัวคนอื่นมาได้ใช้ด้วยกับลูก หนูก็เข้าใจ แต่เป็นความรู้สึกว่าถ้าวันนี้หนูไม่มีล่ะ หนูจะเอาเงินที่ไหนสำรองจ่ายไปก่อน ที่ขอแค่อยากให้คุณภาพชีวิตของลูกเท่าเดิม ส่วนเรื่องที่เขาเคยพูดเรื่องเงิน 2 แสน ก็จริงค่ะ ที่ผ่านมาเขาซัปพอร์ตลูกมาโดยตลอด ไม่เคยอิดออดแม้แต่ครั้งเดียว แต่ไม่ใช่ว่าค่าใช้จ่ายลูกทั้งหมดจะอยู่ใน 2 แสน จะมีค่าอย่างอื่นด้วย
ครูเต้ย : เรื่องเงิน 1 แสนที่คุยกัน ผมไม่ได้ติดใจหรือมีปัญหา ระหว่างทางที่ผ่านมา เดือนละ 2-3 แสน ผมก็จ่ายได้ ผมไม่เคยติดใจ เพื่อให้ลูกมีคุณภาพที่ดี แต่ว่ามุมผม ผมอยากจ่ายเป็นบิลอยู่เพราะผมอยากรู้ว่าลูกผมได้ใช้จ่ายอะไรบ้าง ได้กินอะไรบ้าง ได้ไปที่ไหนบ้าง อีกส่วนนึงถ้าผมทิ้งเงินให้ลูกอย่างเดียว โดยผมไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกเลย ผมอยากใช้ส่วนนี้มีปฏิสัมพันธ์กับลูก ลูกอยากได้อะไร ชอบอะไร ผมยังได้ใช้ส่วนนี้มีปฏิสัมพันธ์กับลูก
ขนม : แค่โทรหาลูกทุกวัน ยังทำไม่ได้เลย เติมเต็มนอนรพ.7 วัน พี่ทักมาวันที่ 7 จริงมั้ย
ครูเต้ย : ก็ไปหานะ
ขนม : ทำไมถึงไม่โทรถาม ก่อนรอบสุดท้ายที่เข้ารพ. บอกพี่ใช่มั้ย ขออย่างเดียว ขอให้โทรหาลูกทุกวันได้มั้ย ทำเหมือนเดิมได้มั้ย ไม่งั้นจะไม่ให้เจอลูก แล้วพี่ทำมั้ย แค่วันละ 10 นาที
ครูเต้ย : ลูกไม่รับสาย
ขนม : ลูก 3 ขวบ เขาไม่ได้ถือโทรศัพท์ตลอดเวลาไง พี่ต้องทำความเข้าใจก่อนนะ
ครูเต้ย : พี่ถามลูกแล้ว เขาบอกแม่ยายเก็บไว้
ขนม : ถามเบนซ์ก็ได้ เบนซ์อยู่ใกล้บ้าน ทำไมไม่ทำทุกวัน
ครูเต้ย : เบนซ์ไม่อยู่วันที่พี่ทักไป เบนซ์อยู่นครพนม
ขนม : ทักทุกวันมั้ย
ครูเต้ย : ไม่ได้ทักทุกวัน แต่ก็โทรหาลูกในไลน์ แต่ลูกไม่ได้รับ
ขนม : นี่คือสิ่งที่โกรธ ทำไมโทรหาลูกทุกวันไม่ได้ แล้วรู้มั้ยใจ๋พูดว่ายังไง
ครูเต้ย : ใจ๋พูดว่าแม่ยายไม่ให้เล่นโทรศัพท์
ขนม : พี่เต้ยฟังก่อนนะ ลูก 3 ขวบ
ครูเต้ย : ลูก 3 ขวบพูดทุกอย่าง อากงดูดบุหรี่ ลูกอ้วก ลูกก็พูด
อากง อดีตพ่อตา ยกมือทำไม ?
พ่อขนม : อยากเคลียร์ครับ เยอะแล้วครับ นั่งฟังตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ผมรักเขาที่สุดในชีวิตครับ ซักกางเกงในให้ ซักถุงเท้าให้ครูเต้ยด้วย
พ่ออึดอัดหัวใจ ?
พ่อขนม : ผมในนามคนเป็นพ่อเลยครับ
อะไรก็ตามแต่ที่เรากำลังคุยกันอยู่ อย่าคิดถึงตัวเองเป็นที่ตั้ง ต้องคิดถึงลูกและหลานเป็นที่ตั้ง เรื่องนี้จบเร็วดีที่สุด คนได้ประโยชน์คือหลานๆ เดี๋ยวหาทางลง ใจเย็นๆ ต้องจบกันให้ได้วันนี้ ไม่งั้นไม่จบแล้วจะต่อเนื่องกันไปอีก แล้วคาราคาซัง เรื่องพวกนี้ยิ่งยืดเยื้อจะยิ่งไม่ดี มันเซนซิปทีฟ เพราะมีผลกระทบถึงตัวเด็กทั้งสองคนด้วย มันอาจไม่เหมาะ ก็ขออนุญาตสงวนไว้แล้วกัน แต่ผู้ใหญ่ต้องหาทางลงให้ได้ พ่อคาใจอดีตลูกเขยยังไง ?
พ่อขนม : ผมคาใจตั้งแต่เรื่องแรก เรื่องการแต่งงาน ผมมีลูกคนเดียว ผมไม่ให้นะตอนแรก (ร้องไห้) แต่ลูกผมต้องการ มีคนแค่ 16 คนในงานแต่งงาน นี่อะไรครับ ไม่ใช่ปิดบังเหรอ ลูกผมต้องอยู่ในบ้าน 1 ปีเต็ม ๆ หลานผม ผมต้องซักผ้าและตากในบ้าน ปิดประตู ออกไปข้างนอกไม่ได้ เพราะญาติเขาโทรมาด่าเมียผม กดดันเมียผม ต้องให้พูดมั้ยว่าใคร ผมกดดันตลอด แต่ผมยอมนะครับเพื่อลูก นี่คือข้อบ่งชี้ว่ามันคือการปิดบัง ลูกผมไปอยู่กับเขา ต้องไปนอนอยู่หลังรถ เอาผ้าไปคลุมไว้ นี่คือการแต่งงานเหรอครับ ถามหน่อยครับ เอาลูกผมไปต่างจังหวัด แต่งงานกันแล้ว ไล่ลูกผมออกจากห้อง ไล่ลูกผมให้นอนกับพื้น ผมไม่เคยทำแบบนี้กับลูกผมครับ (ร้องไห้)
ครูเต้ย : เคยเหรอ
พ่อขนม : รอให้ผมพูดให้จบก่อนครับ ผมไม่เคยตีลูกผม ไม่เคยด่าลูกผม ผมเลี้ยงลูกผมมาอย่างดี วันเอาลูกผมไป ผมบอกแล้วว่าลูกผมทำอะไรไม่เป็น อย่าเอาลูกผมไปเลย ลูกผมกำลังจะได้ขึ้นการบินไทย คุณมาทำให้ชีวิตลูกผมพัง คุณบอกว่าไม่เป็นไร ข้าวเซเว่นมี ผมอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องเลิกทำหนัง เพราะผมต้องซัปพอร์ตลูกผม เพราะระหว่างทางมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ลูกผมโดนไล่จากภูเวียงตอนฝนตก ท้อง 2 เดือน ไล่ไปอยู่ขอนแก่นโดยไม่มีการเหลียวแล ลูกผมโทรหาผม ผมขับรถจากกรุงเทพฯ ไปรับลูกผม ผมไม่เคยว่าครูเต้ยสักคำ ผมบอกว่าลูกผมผิดตลอด ผมทำแฟนลูก ผมทำทุกอย่าง ซักผ้า ถูบ้าน ซักกางเกงใน ซักถุงเท้า จัดที่นอน ผมทำทุกอย่างครับ เพราะผมรู้ว่าลูกผมทำอะไรไม่เป็น ผมทิ้งงานเลยนะครับ มาอยู่ภูเวียง 2 ปี ครูเต้ยไม่ได้ให้อะไรผมเลย ผมทำบ้านให้เขา ทั้งเขียนแบบและคุมงาน บ้านหลังนั้นเสร็จเพราะผมหรือเปล่า ถามหน่อย แล้วมีข่าวว่าผมโกงกิน บิลทุกใบที่ส่งให้มันคือบิลอะไร ถ้าจ่ายเงินแล้วจะว่าผมโกงกินได้ยังไง หนึ่งบิลใบกัญชา คุณมาถามว่าบิลกัญชาคืออะไร ผมอยู่ขอนแก่น ครูเต้ยอยากได้รถจากกาญจนาฯ ผมก็ให้เด็กผมไปเอา พอเด็กไปส่งที่บ้าน คุณไม่ถามค่าใช้จ่ายเลย คุณจะเอากุญแจรถ ผมส่งมาจากขอนแก่น เด็กวิ่งไปเอาให้ เด็กวิ่งกลับมาคุณก็ไม่ได้พูดถึงค่าใช้จ่าย ผมถามเขาว่าเท่าไหร่ค่าใช้จ่าย เขาบอกไม่เอาหรอกน้า ผมก็ให้เขาไปหน้าปากซอย ซื้อยา เขาดูดกัญชา เขาเอาบิลมาเบิกผม ถามหน่อยผมไม่มีรายได้อะไร ผมต้องส่งบิลนั้นไปมั้ย ผมเคยอธิบายแล้ว
ครูเต้ย : ไม่เคยครับ กรณีพ่อตั้งแต่คบกันมา ผมรักขนม รักพ่อ รักแม่มากเหมือนกัน พ่อกับแม่บ่นตลอดอยากกลับไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะเบื่ออากาศกรุงเทพฯ ผมก็โอเค พ่อกับแม่มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ผมคุยกับขนม ผมจะซัปพอร์ตตรงนี้ เพื่อให้พ่อกับแม่ไปอยู่กับขนมที่ต่างจังหวัด มีค่าบ้าน ผมจัดการให้ ค่ารถ ค่างวดรถ ผมจัดการให้ มีหนี้ผมให้เงินไปจัดการ พ่อบอกว่าจะเอาที่ร้อยเอ็ดมาให้ผม ผมบอกว่าให้เก็บไว้ให้หลาน ตอนนั้นเป็นโควิด พ่อไม่มีงานเลย ก็กลับไปอยู่ขอนแก่นด้วยกัน ก็เข้าใจว่าหนูเป็นลูกคนเดียว พี่ก็เข้าใจ อยากให้พ่อแม่หนูมาอยู่ด้วยกัน ก็ซัปพอร์ตทุกอย่าง โดยพ่อแม่ไม่ต้องหาเงินมาใช้ในส่วนตรงนี้ ที่พ่อบอกว่าในระยะ 2 ปี พ่อไม่เคยได้อะไรจากผมเลย พี่ถามขนมว่าจริงมั้ย
ขนม : ไม่ได้เงินเดือนหรือค่าข้าว ที่พ่อแม่มาอยู่ตอนนั้นแกแค่มาเยี่ยม แต่ดันตรวจเจอว่าท้องตั้งใจ เดินไปบอกพ่อแกไม้กวาดหล่นมือเลย เพราะกำลังเรียนอยู่ แกเลยต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ เพราะเวลาพี่ไปคอนเสิร์ต นี่ท้องโต ไม่สามารถอยู่คนเดียวกลางทุ่งนาได้แบบนั้น แกต้องมาเฝ้าและอยู่ด้วย ไม่ใช่แกจะย้ายมาอยู่ด้วย ตอนแรกแกไม่อยากมา
ครูเต้ย : ไม่อยากมาได้ไง แกคุยกับพี่
ขนม : พอรู้ว่าท้อง แกก็ต้องอยู่ด้วย นี่จะอยู่กับใคร พี่ไปคอนเสิร์ต นี่คือจุดสำคัญที่แกย้ายมา พี่อย่าเพิ่งหลงประเด็น
ครูเต้ย : แล้วที่พ่อกับแม่บอกว่าไม่เคยได้อะไรจากพี่เลย จริงมั้ย พี่ถามตรงนี้ ทุกเทศกาลทุกอย่างพี่ให้ทั้งทอง เงิน พี่จ่ายให้หมด
ขนม : ในส่วนของวันเกิด เทศกาล ในไลฟ์สดเขาก็พูดว่าพี่จ่ายค่าบ้านให้ เขาไม่เคยพูดว่าพี่ขาดตกบกพร่องเรื่องนี้ แต่สิ่งที่พ่อพูดหมายถึงว่าทางบ้านพี่พูดว่าพ่อแม่เขาเอาเงินเดือนจากพี่ จริงมั้ย
ครูเต้ย : ช่วงแรกที่พ่อไปทำงานกับพี่ พี่ให้เงินเดือน 3 หมื่น จริงมั้ย
พ่อขนม : ผมไปขับรถนะครับ ผมไม่ได้ไปกินเฉยๆ ผมขับรถหนีเอฟซีก็มีมาแล้วครับ
ขนม : จริงค่ะ บนทางด่วน
พ่อขนม : ผมขอพูดเลย เรื่องที่เขาพูดมันไม่ใช่ จะเล่าให้ฟังตั้งแต่เริ่มต้น ผมมีบ้านอยู่โชคชัย 4 มีหนี้สินครับ ผมเป็นคนทำงาน ผมจะขายบ้านโชคชัย 4 มาใช้หนี้ แต่เขาบอกไม่ต้องขาย จะเก็บไว้ให้ลูก ผมไม่ได้เงินดาวน์ ไม่มีเงินไปจ่ายหนี้ ผมจ่ายเอง 2 ปี ก้อนแรกที่ครูเต้ยให้ผมคือ 5 หมื่น มีตั้งใจ ผมซื้อทองให้ตั้งใจ 1 บาท ก้อนที่สองให้มา 3 หมื่น ผมทำห้อยคอให้เขา ทอง 1 บาท ก้อนที่สามให้ 5 หมื่น ผมซื้อของขวัญรับเสี่ยเต็ม 1 บาท ผมได้อะไรครับ ญาติเขาเคยทำมั้ยกับหลาน ผมพยายามเล่าให้ฟังว่าเงินที่เขาบอกว่าเอาเงินมาให้ผมจ่ายหนี้ มันเกิดจากอะไรครับ
เต้ยรู้มั้ยเขาไม่ได้เอาไปจ่ายหนี้ ?
ครูเต้ย : มันคนละส่วนกับจ่ายหนี้ครับ อันนี้หมายถึงเงินที่ผมให้เขาตามวันเกิด ตามวันสำคัญ
พ่อขนม : ใช่ครับ แต่เขาพูดถึงหนี้ 7 แสน ผมก็เล่าให้ฟังว่าผมจะขายบ้านไปจ่ายหนี้ แต่เขาพูดว่าเขาจะเอาบ้านหลังนี้ไว้ให้หลาน ผมไม่ได้เงินดาวน์ ไม่ได้อะไรเลย ผมมีแต่ตัว วันนึงคุณออกจากบ้านผมไป คุณไม่ผ่อน นี่คือสิ่งที่คุณบอกจะเอาไว้ให้หลานเหรอ บ้านที่พระราม 7 ทีมคุณก็อยู่ คุณจะไม่ผ่อนเหรอ อยู่ฟรี ๆ ไม่มีค่าเช่า แต่คุณต้องเสียค่าผ่อนนะ มันเป็นบ้านผมครับ
ครูเต้ย : เรื่องบ้านที่ผมไม่ผ่อนต่อ เพราะเขาบอกว่าเขาจะขาย
พ่อขนม : ไม่มีใครพูดครับ พูดความจริงครับ
ครูเต้ย : แม่ยายบอกว่าจะขาย เงินส่วนไหนที่ผมจ่ายไปก่อนเดี๋ยวจะเอามาคืน มันจะได้จบกัน แม่ยายพูดกับพี่ พ่อก็อยู่ หนูก็อยู่ โทรคุยกัน ตอนมีปัญหา
พ่อขนม : ไม่อยู่ครับ อย่ามาเกี่ยวกับผม
ครูเต้ย : แกจะซื้อบ้านอยู่ขอนแก่นแล้ว บ้านตรงนั้นคงต้องขาย ผมก็ย้ายออก แล้วบ้านที่พระราม 7 ที่ผ่านมา ผมผ่อนให้ 2 หลังเลย
ขนม : หลังนึงทีมงานอยู่ อีกหลังจะเก็บไว้ให้ลูก
เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว ไปคุยทีหลัง คนดูเขาไม่เข้าใจด้วย วันนี้ต้องหาทางลงว่าจะเอายังไง เข้าใจอารมณ์โกรธทั้งสองฝั่ง แต่สิ่งที่ต้องดำเนินต่อไป ลูกสำคัญ คุยทางลงดีกว่า ถ้าคุยแบบนี้มันคือทางขึ้น ถามธงพ่อต้องการอะไร ?
พ่อขนม : ผมต้องการให้ปัญหาจบแล้วแยกย้าย ใครอยากฟังก็ได้ฟัง จะได้ไม่ต้องมานั่งพูดกัน สุดท้ายลามมาด่าผมแล้ว ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่ใช่คนในโซเชียล ผมไม่ยุ่ง ไม่เคยเอาใครมาหากินเลย
ขนม : พี่เต้ยบอกว่าพวกอา ๆ ที่มาดูแล หรือพ่อแม่หรือแม้แต่พี่บุ๊ค ลงรูปวันแรก เขาบอกว่าคนพวกนี้หาแสงกับลูก เอาลูกมาหากิน พอพี่มีแฟนใหม่ แล้วพาลูกไปเจอแฟนใหม่ พี่กลับพูดว่า ก็ดีแล้วมีคนรัก คนเอ็นดูลูกเรา แต่ความจริงที่แชตทักมาหาหนูคือหาแสงทำไม บอกพี่บุ๊คหาแสงทำไม อา ๆ หาแสงทำไม จริงมั้ย
ครูเต้ย : มันเป็นประเด็นที่มีกระแสแรก ๆ เราบอกว่าถ้าต่างคนต่างมีแฟน อย่าเพิ่งให้ลูกรับรู้ตรงนี้ได้มั้ย พี่เคยคุยกับหนูแล้ว แต่หนูพาเด็กๆ ไปทำคอนเทนต์ว่าเจอพี่หมอ มันลงในโซเชียล ตอนนั้นพี่ขอโทษ พี่โมโหจริง ๆ เพราะมีคนคอมเมนต์ว่าดีกว่าพ่อจริง ๆ คนที่เลี้ยง ดีกว่าคนทำให้เกิด ซึ่งคุณเพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง พี่ก็เลยโกรธ แล้วก็เลยทักไปว่าจากที่คุยกันว่าจะไม่ให้ลูกรับรู้เรื่องพวกนี้ไว เพราะเขายังไม่ถึงช่วงนั้น แต่ทำไมลงรูปลูกพวกนี้ ที่เขาโมโหตรงนั้นเขาก็ผิด
ถ้าคุยแบบนี้ คงหาทางลงกันยาก เรื่องทั้งหมด เข้าใจพ่อ ?
พ่อขนม : ที่ผมติดใจที่สุด ผมเลี้ยงลูกมาขนาดนี้ ทนุถนอมขนาดนี้ คุณพูดแบบนี้กับลูกผมได้ยังไง ปัญหากระทบเด็กด้วย ผมเลยไม่พูด
ขนม : มันมีเรื่องราวหลังจากนั้น พอพี่เต้ยกลับบ้านไปทุกครั้ง พ่อหนูจะไม่พอใจ ทำให้เกิดเรื่อง รอบแรกคือจะตีกันกับน้อง รอบสองมาหน้าบ้าน พ่อทำหน้าไม่พอใจใส่เขา ต้นเหตุจากเรื่องนี้ เขาออกไปหน้าบ้านตะโกนว่าออกมาเลย
ต๊ะ : เขามองหน้าพี่ผม เขานักเลงเกินไป เอามือล้วงกระเป๋า
พ่อขนม : ไปถึงผมไม่ได้ท้าทายใครเลย ผมเอามือล้วงกระเป๋า หน้ายังไม่มอง แต่ผมเดินออกมาแล้ว ผมถามว่าผมผิดมั้ย
ครูเต้ย : ผม ต๊ะ หนุ่ม สามคนเข้าไปในบ้าน มีน้องอีกคนรออยู่หน้ารถ พอผมเข้าไปในบ้าน อากงทำท่าทีไม่พอใจพวกผม แม่ยายบอกให้อากงออกไปนอกบ้าน ผมก็นั่งเล่นอยู่กับลูกในบ้าน 3 คน พอลูกนอนก็ออกมาจากบ้าน พอออกจากบ้าน น้องที่รอบนรถบอกว่าอากงเดินออกมา แล้วล้วงกระเป๋า เอาเปล่าล่ะ พูดแบบนี้ มั่นใจครับ
พ่อขนม : คืนนั้นผมได้รับข่าวไม่ดีจากลูก ผมได้ยินครั้งแรกจากลูกเลย โมโหมั้ยครับ ผมเป็นพ่อนะครับ ผมเลี้ยงลูกมาขนาดนี้ คุณเป็นฆาตกรครับ คุณสั่งให้คนสองคนต้องไปตาย ผมถามหน่อยครับ ถ้าขนมกินยา แล้วตกเลือด ทำยังไงครับ
ครูเต้ย : ไม่พูดคำรุนแรงขนาดนั้นนะครับ
ขอพ่ออย่าพูดเรื่องนี้ ถ้าพ่อขึ้นง่ายแล้วพ่อหลุดหมด อย่าเพิ่งพูดดีกว่า ไม่งั้นจะไปถึงเด็ก มันไม่เหมาะ ?
พ่อขนม : ผมไม่อยากพูด แต่มันต้องวกเข้ามาไงครับ
วกเข้ามาไม่ได้ไงพ่อ ?
ครูเต้ย : คำว่ายังไม่พร้อม เพราะลูกคนแรกผมกับขนมยังไม่มีเวลาให้เขาได้เต็มที่เลย ผมทำงานแทบทุกวัน เดือนนึงผมเข้าบ้าน 3-4 ครั้ง ลูกคนแรกยังมีแค่แม่ยาย อากงป็นคนเลี้ยง คนที่สองถ้าเรามีจะขนาดไหน แล้วขนมมีปัญหาเรื่องพอต ยังไม่เลิกดูดพอต คนดูดพอตไม่ใช่คนไม่ดี แต่คุณเป็นแม่
ขนม : เคยทำ ยอมรับ
ครูเต้ย : คุณเป็นแม่ยังไม่เลิกตรงนี้เลย แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ เราเคยตกลงกันแล้ว เรามีลูกจะไม่ทำแบบนี้ ผมไม่เคยดูดพอต ไม่เคยดูดบุหรี่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมไม่มั่นใจในตัวเขาเลย ในการมีลูกคนที่สอง คือผมได้รับรู้ว่า เขาพูดพอตตอนท้องอยู่ (ร้องไห้)
ขนม : โอ้ย อันนี้แล้วเลย
ครูเต้ย : แล้วจะมีผลอะไรต่อลูก
ขนม : ไปหาหลักฐานมาค่ะ
ยิ่งพูดยิ่งไม่เป็นผลดีกับอีกคนที่ไม่อยู่ตรงนี้ เอาธงเลยดีกว่า จบเลย ธงคืออะไร ?
ขนม : อยากให้ใส่ใจลูกมากกว่านี้ค่ะ ไม่ใช่ 7 วัน ลูกไม่สบายแล้วไม่ทักมาหา อยากให้โทรหาตั้งใจทุกวัน เหมือนที่เคยเป็น ใส่ใจลูกบ้าง แล้วตกลงด้วยว่าเรื่องลูกสรุปจะเอายังไง แล้วก็สำนึกในสิ่งที่ทำจริงๆ
คุณอยากให้ลูกเป็นไง ?
ขนม : อยากให้ลูกไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างไป ตั้งแต่เลิกกัน พี่เต้ยแทบไม่ได้สนใจลูกเลย นี่คือสิ่งที่หนูโมโห หนูเข้าใจว่าทำงาน แต่การยกหูโทรศัพท์หาลูกทุกวัน วันละ 10 นาทีมันไม่ได้นานเกินไปหรอกค่ะ แต่เขาทำไม่ได้
ข้อสองมีมั้ย ?
ขนม : ถ้ารู้สึกผิด ก็ขอให้รู้สึกผิดจริง ๆ หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีก
ไม่มีการพูดถึงกัน ?
ขนม : ไม่ หนูก็จะไม่พูดถึงเขา แต่เขาต้องรู้สึกผิดจริงๆ
เรื่องค่าเลี้ยงดูเรียกร้องยังไง ?
ขนม : หนูว่าสองฝ่ายต้องเห็นด้วยกัน ว่าเขายังสะดวกเป็นบิลเบิกตามเดิมมั้ย แต่ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เขาสะดวกที่จะหารสอง หนูก็สะดวกที่จะหารสอง ลูกหนูเหมือนกัน หนูไม่เอาเปรียบเขาอยู่แล้ว
จะเอาเป็นก้อนหรือยังไง ?
ขนม : เป็นก้อนเขาน่าจะไม่สะดวก ไม่รู้ตอนนี้สะดวกหรือยัง
มีอะไรอีกมั้ย ?
ขนม : ไม่มีค่ะ หลัก ๆ อยากให้เขาใส่ใจลูกมากเท่าเดิม อีกเรื่อง ตอนนี้น้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว รอบล่าสุดน้องเขากับญาติเขาทักมาหาเรื่องน้องผู้หญิงกับแฟน ทางนี้เขามาฟ้องพี่เต้ย สิ่งที่พี่เต้ยตอบกลับมาคือไปเคลียร์กันเอาเอง ไม่เกี่ยวกับเขา เชื่อพี่เล่นกับน้องเขาไม่คุ้ม
ฝั่งพี่ ๆ น้อง ๆ ครูเต้ย วันนี้เขาร้องขอมา อยากให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับทางโน้น ได้มั้ย ?
ต๊ะ : ได้ครับพี่ ผมไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวก่อนเลยครับ
ขนม : แต่ทักมาจะตีเขา
ต๊ะ : ทักจริง แต่จะดูแชตมั้ย ว่าทำไมถึงทักไป
ขนม : เพราะคิดว่าแฟนเขาไปว่าตัวเอง
ต๊ะ : ก็ว่าจริง ไม่ต้องมาแถ
ขนม : ไม่ได้แถ เขาเอ่ยชื่อหรือเปล่า แล้วจะโพสต์ถึงพี่เต้ยทำไม แล้วเป็นอะไรถึงจะตีกันอย่างเดียว
คนรอบข้างเต้ยและขนมเอง ไปมีเรื่องกันด้วย เต้ยกับขนมก็ออกมาปกป้องฝั่งตัวเอง ก็เลยเป็นประเด็น ?
ขนม : สิ่งที่หนูไม่โอเคกับพี่เต้ยคือแทนที่จะไปตักเตือนกัน แต่กลับพูดกับน้องสาวหนูว่า เชื่อพี่เถอะ เล่นกับน้องเขา ไม่คุ้ม
หยุดพิมพ์แซะได้มั้ย ?
ขนม : ได้ค่ะ จะบอกคนของหนูทุกคน
ฝั่งโน้นก็รับปากนะ ไม่ไปเกี่ยวแล้วนะ ข้อแรกอยากให้เต้ยมีเวลามากกว่านี้ อยากให้โทรทุกวัน ให้ลูกได้คุยกับพ่อตลอด สองค่าใช้จ่ายที่จะดูแลร่วมกัน จะเอาเป็นก้อนหรือตามจริง สามคนรอบข้าง ต่างคนต่างต้องหยุด จะไม่มีการโพสต์แซะโพสต์ว่ากันอีก ?
ขนม : ที่เขาสัญญาว่าจะให้ลูก ขอให้ยืนยันคำเดิม กลัวเอาไปให้ผู้หญิงคนอื่น เพราะเด็กสองคนนี้ไม่ได้อะไร แม้แต่ความอบอุ่นจากเขาเหมือนเดิมก็ไม่ได้ เหตุผลที่หนูออกมาซื้อบ้านเอง เพราะเขาตกลงกับหนูว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่หามาได้ ณ ตอนนี้ ถ้าเรามีครอบครัวใหม่ เราจะไม่พาแฟนใหม่เข้าไป หนูเลยซื้อบ้านใหม่เอง ก็ขอให้เขายืนยันคำเดิมกับหนูเหมือนกัน (เสียงเครือ) เขายืนยันว่าทุกสิ่งของเขา ณ ตอนนี้ที่ไม่ได้หาได้หลังจากนี้ เป็นของลูกทั้งหมด หนูสัญญาว่าจะไม่ยุ่ง ไม่แตะ แต่ขอให้เก็บทั้งหมดให้ลูก
สัญญา 4 ข้อ อยากให้เต้ยโทรคุยกับลูกทุกวัน ค่าเลี้ยงดูหารคนละครึ่ง ค่าใช้จ่ายตามจริง ส่วนสเปเชียลอะไรให้ลูกก็แล้วแต่เขาเลย สามคนรอบข้างทั้งสองฝั่ง ต้องยุติในการต่อล้อต่อเถียงกัน ไม่เอาอีกแล้ว ไม่งั้นสังคมด่าเลยนะ ผมให้สังคมเป็นพยานนะ ข้อ 4 สิ่งไหนเคยพูดเอาไว้ว่าจะให้ลูกก็ขอให้ลูก ทรัพย์สินที่หามาได้ช่วงขนมท้องก็ขอให้เป็นของลูกจริงๆ แต่หลังจากนี้เรื่องของคุณ ?
ขนม : ใช่ ตอนอยู่กับหนู สร้างขึ้นมา ขอให้เป็นของเด็กสองคนนี้ ตามที่เขาเคยสัญญากับหนูไว้ (ร้องไห้)
สี่ข้อที่เขาขอ ได้มั้ย ?
ครูเต้ย : ได้หมดครับ เรื่องโทรหาลูก ขอชี้แจงว่า มันมีปัญหาเรื่องเวลามาก บางวันผมทำงานตอนกลางวัน ผมโทรไปเขาก็ไม่ได้รับ ทักหาอาเบนซ์ เขาก็ไม่ว่าง ขอชัดเจนเลยว่าต่อจากนี้จะให้ผมติดต่อไปทางไหน
ขนม : ถ้าคุยกันดีแล้ว หลังจากนี้ ไม่มีอะไรติดใจกัน ถ้าอยากคุยกับลูก ให้โทรหา แม่ โทรหาเบนซ์ โทรหาพ่อ
ได้มั้ยพ่อ แล้วไม่ต้องทะเลาะกันนะ ถือว่าจบ วันนี้ผมขอ ?
พ่อขนม : ผมจบแล้วครับ
ขนม : ให้พี่สะดวกใจจริง ๆ ถ้าไม่สะดวกใจก็เป็นเบนซ์เหมือนเดิม
ค่าใช้จ่าย ว่ายังไง ?
ครูเต้ย : ผมยังอยากทำเป็นบิลครับ ผมอยากมีปฏิสัมพันธ์กับลูกครับ
มุมนึงเขาเองพยายามอธิบายว่าคุณไม่จำเป็นต้องจ่าย 1 แสนเท่าเดิมก็ได้ เขายอมจ่ายครึ่งนึง ?
ขนม : ตอนนี้จ่ายอะไรเกี่ยวกับลูกหนูสำรองไปก่อน ตอนนี้บิลล่าสุดที่เบิกแล้วจะเอามาหารกัน 5 เดือน เป็นจำนวนเงินค่อนข้างเยอะ หนูไม่ได้ติดปัญหาตรงนั้น หนูยังสามารถจ่ายได้อยู่ แต่ปัญหาคือพอเอามาปุ๊บแล้วหารสอง พี่เต้ยโอเคแบบนี้ใช่มั้ย
ครูเต้ย : โอเค ถ้าเป็นค่าใช้จ่ายตามจริง ขอพูดก่อนว่าทำไมไม่ไว้ใจเรื่องพวกนี้ เพราะก่อนหน้านี้มีการทำบิลเพิ่ม มีคนมาบอกว่าพ่อทำบิลเพิ่ม ซึ่งมันก็เลยทำให้ผมไม่มั่นใจว่าถ้าผมให้เงินเป็นก้อน ลูกผมจะได้เต็มที่ขนาดไหน
สบายใจตรงไหน ?
ครูเต้ย : สบายใจที่เป็นบิล บิลนั้นขอชัดเจนว่าเป็นของลูกจริง ๆ
ถ้าคุณจะมีคำถาม ก็จะมีอยู่ดี ว่าบิลของจริงหรือเปล่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคิดได้หมด เราคิดร้ายบิลก็ปลอม คิดดีบิลมันก็ใช่ คิดว่าทางที่ดีเต้ยตีจำนวนเงินไว้เลย อาจ 8 หมื่น 7 หมื่น ต่อเดือน เข้าใจว่าอาจกังวลใจ แต่ไม่ต้องสนใจ เราถือว่าเรามอบสิ่งนี้ให้แม่ไปดูลูกของคุณ จะเหลือนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่เราให้อดีตคนเคยรักไป มันจบกว่า เหมือนเราถวายพระไป พระจะไปฉันท์อะไรก็เรื่องของพระ จบตรงนี้เลยดีกว่า คุณตีเป็นกลมๆ มาแล้วคุณไปว่ากันจะเอาเท่าไหร่ ?
ครูเต้ย : เงินเป็นก้อนถ้าในอนาคตข้างหน้างานผมไม่ได้มีเหมือนเดิม รายได้ผมไม่เท่าเดิม บางเดือนมันไม่ได้ ผมจะมีปัญหาอีกมั้ยครับ
ขนม : วันมีงานน้อย เราพร้อมเข้าใจอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ณ วันนี้เรามองก่อนว่าคุณภาพชีวิตลูก ความสุขลูกมันต้องเท่าเดิม
ครูเต้ย : ครับ ที่ผ่านมาผมมองลูกก่อนเสมอ ผมไม่เคยรู้สึกไม่โอเคที่จะจ่ายตรงนี้ ผมโอนให้ทุกครั้ง ๆ
ทนายโนบิ : ขนมบอกว่าค่าใช้จ่ายกับลูกทั้งหมด จะเท่าไหร่ก็แล้วแต่หารสอง เชื่อว่าบางอันก็มีบิล ไม่มีบิลบ้างแหละ รายการที่เกี่ยวกับลูกก็แจ้งมา คุณพ่อครึ่งนึง คุณแม่ครึ่งนึง ก็เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ถ้าช่วงนี้ดีก็เลี้ยงดี ช่วงไหนอัตคัด ก็เลี้ยงตามฐานะ
ขนม : หนูสำรองจ่ายมา 5 เดือนแล้ว แต่พี่ไม่ถามสักคำ ค่ารพ.กี่บาท ค่าโน่นค่านี่กี่บาท
ครูเต้ย : เราคุยกันตลอดว่าบิลเมื่อไหร่จะเบิก
ขนม : ห๊ะ คุยกับใคร
ครูเต้ย : หนูบอกว่ายังไม่ทำ ตอนเข้าบ้านก็ถาม ว่าทำไมบิลถึงไม่เบิก
ขนม : เรื่องออกก่อน ณ ตอนนี้ไม่ได้มีปัญหา เพราะนี่ก็ทำงาน มีซัพพอร์ตลูกเหมือนกัน แค่อยากได้ความรู้สึกว่าเงินเดือนนี้พอมั้ย นึกออกมั้ย แค่นั้นเอง
ครูเต้ย : เราทะเลาะกัน จะให้ถามหนูทุกครั้งที่ทักไป
ขนม : วันนั้นมารพ. ไม่ถามสักคำว่าอาการลูกเป็นยังไง จนลูกเข้ารพ.ใหม่อีกรอบ พี่ถึงถามรพ.
ครูเต้ย : ผมโทรถามรพ. ไม่ถามพวกคุณ เพราะเราทะเลาะกัน
ขนม : แต่มันก็ถามได้ในเรื่องลูก นี่ยังคุยกับพี่ได้ปกติในเรื่องลูก
ค่าใช้จ่ายลูกเอายังไง ?
ครูเต้ย : เดี๋ยวไปตกลงกันครับ
ขนม : ตกลงเลย
ทนายโนบิ : เต้ยอาจจะเมาหมัดอยู่ตอนนี้ เดี๋ยวขนมเขาจะสรุปมา อันไหนสงสัยก็แค่ถาม ไม่มีปัญหามองว่ามันแฟร์ ยอดเล็กไม่มีปัญหาหรอก แต่จะมีปัญหากับยอดใหญ่ๆ แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหานะ
ตกลงกันคนละครึ่ง จ่ายตามบิล ?
ทนายโนบิ : ที่สำคัญผมห่วงเรื่องเอฟซีแต่ละฝ่ายมากกว่า
เอฟซีวิจารณ์ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่คนใกล้ตัว คนรอบข้างจะไม่ยุ่งกันอีก ถ้าเอฟซีถล่มกัน ต้องปรามเอฟซีด้วยเหมือนกันว่าอย่าไปว่าเขา เรื่องมันจบแล้ว ?
ทนายโนบิ : น้องขนม ยังชมครูเต้ยด้วยซ้ำว่าดูแลครอบครัวดีในตอนแรก พอเกิดปัญหามันเลยเป็นแบบนี้ ถ้าไม่อยากให้เกิดผลกระทบกับเด็ก เราอย่าไปเสี้ยมให้เขาทะเลาะกันนะครับ เข้าใจว่าเป็นการปกป้อง คุณรักครูเต้ย รักขนม แต่ก็ต้องรักน้องด้วย ที่ทุกคนมานั่งตรงนี้เพื่อหาทางออกร่วมกัน ขอเอฟซีนะ
อะไรก็ตามแต่ ที่อยู่ในช่วงเวลาลูกคุณกับภรรยา เขาขอให้เป็นของลูก คุณตามนั้นมั้ย ?
ครูเต้ย : ตามนั้นครับ แต่ส่วนให้ลูก ผมให้แค่ลูกผมนะครับ คนรอบข้างไม่ยุ่งนะครับ
ขนม : หนูบอกแล้วว่าไม่ยุ่งแน่นอน เติมเต็ม ตั้งใจเท่านั้น
จะขออะไรเขา ?
ครูเต้ย : เรื่องบุหรี่ พอต เรื่องกัญชา ที่ดูดในบ้าน ผมขอได้มั้ยครับ
พ่อขนม : ผมดูดในบ้านตอนไหน ผมสายเขียว อยู่นอกบ้านเลยครับ
ครูเต้ย : ลูกผมอ้วกเพราะกลิ่นกัญชา
พ่อขนม : ไม่ใช่ครับ ถามหมอได้ คุณไม่จบ
ครูเต้ย : นี่คือสิ่งที่ผมขอครับ
ขนม : เอาเป็นว่าตอนนี้บอกพ่อแล้ว พ่อรับทราบ พ่อเข้าใจ กัญชาพ่อไม่ได้ยุ่ง แต่บุหรี่พ่อยังดูดอยู่ จะพยายามบอกพ่อ คนเคยดูดมาตลอดก็ต้องใช้เวลา ก็เข้าใจ แต่ก็จะทำให้
ทนายโนบิ : ถ้าหยุดไม่ได้ก็หาสถานที่ดีกว่า ไม่ต้องให้พ่อหยุดหรอก ให้พ่อยังสามารถใช้สิทธิ์ของพ่อได้ จะดูดก็ให้อยู่ในพื้นที่ของแก
ครูเต้ย : ตัวเล็กเข้ารพ.บ่อยมาก มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ
พ่อขนม : เข้ารพ.บ่อยเพราะภาวะครรภ์ครับ เติมเต็มคลอดก่อนกำหนดครับ คุณได้ถามหมอหรือยังครับ
อันนี้เป็นเรื่องที่เขาขอ ?
พ่อขนม : ผมทำตามเลย สัญญา ผมเลิกเลยครับ สบายใจได้เลยครับ
ครูเต้ย : เวลาผมไปหาลูก ไม่ต้องคุยกับผมก็ได้ แต่ไม่ต้องแสดงกิริยารังเกียจ หรือไม่พอใจผม เวลาผมไปหาลูก ล่าสุดเติมเต็มผมแทบไม่ได้อุ้มเขาเลย เวลาผมไปบ้าน ก็บอกว่าเติมเต็มนอนแล้ว
พ่อขนม : คุณทำขนาดนี้ แม่ยายจะให้อุ้มเหรอครับ
ตอนนี้ให้เขาอุ้มลูกเขาได้มั้ย ?
พ่อขนม : ไม่ครับ เขาไม่สำนึกผิดครับ ตั้งใจผมไม่สน ผมไม่ยุ่ง ไปรับตั้งใจผมไม่เคยว่าเลยครับ แม้แต่เอาลูกไป แพมเพิสผมก็เตรียมไปให้ครับ
ก็เป็นลูกเขาเหมือนกัน เขามีสิทธิ์ ?
ขนม : หนูตรงกลาง หนูเข้าใจทั้งเขาและพ่อ เข้าใจความเจ็บปวดที่ทั้งสองคนเจอ แต่เอาเป็นว่าหนูจะพยายามพูดให้เขาเข้าใจ ส่วนเรื่องลูกไม่เคยบอกว่าไม่ให้ยุ่ง ไม่ให้แตะ ไม่ให้ต้อง หนูไม่เคย หนูจะไปบอกคนรอบตัวให้ มันคือสิ่งที่ลูกต้องได้รับ หนูเห็นแก่ลูกอยู่แล้ว
ผมมองว่าเรื่องนี้อย่าไปสร้างอะไรให้มีรอยด่างเยอะ เขาในฐานะพ่อ ทางนี้อยากให้คุยกับลูกสองคนมากกว่านี้ แต่พอจะอุ้ม โดนห้ามไม่ให้อุ้ม ตรงนี้ไม่ถูกต้อง เพราะมันย้อนแย้งกันแล้ว ?
ขนม : หนูขอคนโตค่ะ คนเล็กหนูเข้าใจว่าเขาไปบางทีเขาได้อุ้มแต่บางทีไม่ได้อุ้ม แต่หนูสัญญาว่าหลังจากนี้ไป หนูจะไปบอกทางนั้น หนูเข้าใจว่าลูกต้องได้รับตรงนี้
พ่อเซ็ตซีโร่ซะ เริ่มต้นใหม่ ไม่ได้เริ่มในฐานะครอบครัวเดียวกัน เริ่มในฐานะเขาเป็นพ่อของหลานเรา เราเป็นตาของหลาน เด็กจะโตมีคุณภาพได้ ถึงแม้แยกย้ายกัน ผมเข้าใจพ่อมองว่าที่ผ่านมาทำแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรจะมาอุ้ม แต่วันนี้ ลองดูใหม่ ไม่ผิดถ้าจะลองมันอาจจะดีก็ได้ ?
พ่อขนม : ครับ วันนี้ปัญหาทุกอย่างผมยกออกจากอกแล้วครับ
รับปากกับผมนะ เข้าไปก็ให้โอกาสเขาหน่อย ?
พ่อขนม : ผมไม่ได้ห้ามครับ เป็นแม่ยายครับที่ไม่เปิดใจ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเมียครับ
โอเคมั้ย ?
ครูเต้ย : โอเคครับ ถ้าไม่กีดกันเรื่องลูกผมโอเค (ร้องไห้)
ขนม : ถ้าขอโทษตั้งแต่แรกก็จบแล้ว วันนี้หนูก็ขอโทษเหมือนกัน ขอโทษพี่ ขอโทษทางบ้านพี่ ขอโทษทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกที่หนูก้าวเข้าไปในชีวิตพี่ ถ้าหนูทำอะไรผิดพลาด จนถึงวันนี้ ขนมขอโทษทุกอย่าง ให้เราจบ ให้เราหยุดกันที่ตรงนี้ (ร้องไห้) ขนมบอกตลอด ขนมต้องการแค่ไปใช้ชีวิต ให้พี่ไปมีความสุขของพี่ได้เลย อย่ามายุ่งกันอีก นี่คือสิ่งที่ขอตลอด ให้เราคงเหลือความสัมพันธ์สุดท้ายไว้ได้เพื่อรักษาหน้าที่ความเป็นพ่อแม่ หนูพูดกับพี่ตลอด หนูขอแค่นั้น ระหว่างเราไม่มีอะไรแล้ว เหลือแค่หน้าที่อย่างที่บอก
เต้ยอยากบอกอะไรพ่อ ?
ครูเต้ย : (ยกมือไหว้) ผมขอโทษอากง ขอโทษแม่ยาย ถ้าที่ผ่านมาผมทำอะไรให้ไม่สบายใจ หรือทำอะไรผิดไป ขอโทษขนมถ้าที่ผ่านมาทำให้ไม่สบายใจ แต่ขอเรื่องเดียวคือเรื่องลูก (ร้องไห้)
พ่อขนม : พ่อรักหนูนะ ใช่มั้ย พ่อทำให้หนูทุกอย่างใช่มั้ย
ครูเต้ย : ใช่ครับ ผมก็รักพ่อครับ
พ่อขนม : พ่อโกรธหนูเรื่องอะไรรู้ใช่มั้ย มันไม่ใช่สิ่งที่ลูกพ่อจะทำอย่างนี้ เขาคือลูกชายผมนะ ผมบอกเลย
ภูผาก็มีประเด็น อยากบอกอะไรเขา ?
ครูเต้ย : ให้เขาเลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมครับ ที่ผ่านมาเขาเป็นตัวจุดประเด็นตลอด
ภูผา : คนที่โพสต์ด่าเพื่อนหนู คือเอฟซีคนสนิทที่พี่รู้จัก สนิทมาก
ครูเต้ย : ทำไมเขาถึงโพสต์ เพราะเราไปโพสต์ยังไงใส่เขา เราสองคนทะเลาะกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับขนมเลย สุดท้ายขนมออกมาปกป้องเรา
ขนม : ขอให้ทำความเข้าใจว่าทำไมปกป้องเขา เพราะวันที่ไม่มีใคร ก็มีเขานั่นแหละ (ร้องไห้)
เราในฐานะเพื่อน เข้าใจว่าเป็นห่วงขนม แต่ผาดูแลซัปพอร์ตดูแลในส่วนของเราแล้วกัน เขาจะไม่ยุ่งกับคุณ คุณก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ?
ภูผา : หนูเคยโดนน้องเขาทักมาหาเรื่องเหมือนกัน
ขนม : ท้าตีอีกแล้ว
ต๊ะ : ผมทักไปตอนไหนครับ
ภูผา : ตั้งแต่คืนนั้นเลยครับ แต่น้องยกเลิก
ต๊ะ : พี่แคปแชตผมลงสตอรี่ก่อน ผมก็เลยทักไปบอกว่าอันนี้คือแชตผม พี่มีปัญหาอะไรกับผม
ภูผา : ทักว่ามาดิ
ต๊ะ : ก็พี่แคปแชตผมลงไง
ครูเต้ย : คุณไปแฉเขาไง แฉเขาก่อน ยอมรับมั้ย
ต๊ะ : พี่เอาแชตผมลงก่อนครับ ผมไม่ได้ทำอะไรพี่ก่อนเลย
อยากได้อะไรอีกมั้ย ?
ครูเต้ย : ไม่มีครับ ที่ผ่านมาฝั่งผมไม่เคยเริ่มอะไรก่อนเลย มีแต่ฝั่งเขาที่เริ่มแซะเริ่มทุกอย่าง ฝั่งนี้ถึงได้ขึ้น
ภูผา : หนูขอโทษ ทั้งพี่เต้ย ทั้งน้องที่หนูลง และขอโทษฝั่งญาติๆ หนูขอโทษด้วยความจริงใจ (เสียงเครือ) ไม่เคยขอโทษพร่ำเพรื่อ หนูขอโทษครับ (ยกมือไหว้)
ต๊ะ : ผมก็ขอโทษขนม ขอโทษอากงที่ล่วงเกินด้วยครับ
เวลาพูดอะไร มันเป็นสิ่งที่จะถูกเก็บไว้เป็นข้อมูล มันลบไม่ได้ มีอะไรอีกมั้ย ?
ครูเต้ย : วันนึงถ้าลูกโต แล้วมาเห็นข่าว ลูกอาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่หลายสื่อ สื่ออกไปว่าผมไม่รักลูก หรือบังคับให้แม่เขาทำอะไร ณ เวลานั้น ผมผิดที่ผมคิดแบบนั้น ในช่วงเวลานั้น (ร้องไห้) แต่มันมีเหตุผลหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ผมคิดแบบนั้น แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยคิดในเรื่องนี้กับลูกอีกเลย ผมก็รักเขาเท่ากัน ผมพาเขาไปรพ.ที่คิดว่าดีที่สุด ทำทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุด เพราะผมรักลูก อยากให้ลูกเข้าใจตรงนี้ ถ้าลูกเห็นสื่อเข้าใจในมุมที่สื่อออกไปว่าเป็นแบบนั้น อยากให้เข้าใจว่า (ร้องไห้) พ่อรักเติมเต็มไม่น้อยไปกว่าใจ๋ (ร้องไห้) ทุกอย่างที่พ่อทำพลาดไปตอนนั้น พ่อขอโทษ (ร้องไห้) หลังจากนั้นพ่อไม่เคยคิดแบบนั้นอีกเลย พ่อเต็มที่กับลูก อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีเท่ากัน ขอแค่นี้ ถ้าวันนึงลูกจะมาเห็นข่าวนี้ ขอแค่นี้ (ร้องไห้)
ทนายโนบิ : เรื่องนี้เป็นเรื่องครอบครัว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ว่าคุณจะรักขนม หรือครูเต้ย ให้มีสติมากๆ เพราะสิ่งที่พูดกันคือเรื่องในครอบครัว ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำร้ายน้อง ๆ ฝากพี่ ๆ ทุกคนทั้งเอฟซีทั้งสองฝ่าย ให้หยุดอยู่แค่นี้ ให้คนในครอบครัวเขาได้ปรับความเข้าใจกัน กลับไปมีความรักที่ดีที่มีต่อกัน เชื่อว่าที่ผ่านมา คุณพ่อก็รัก ครูเต้ยก็รัก แต่ปัญหาคือไม่เข้าใจกัน ถ้าปรับความเข้าใจกัน ทุกอย่างก็จะจบด้วยดี ผมเห็นปัญหาในครอบครัวเยอะ จะเดือดตอนทะเลาะกันนี่แหละ แต่พอปรับความเข้าใจกันได้ ทุกอย่างก็หาทางออกได้ดี ฝากให้คิดถึงลูกให้มาก ๆ
สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งที่คุยกันบนโต๊ะขอให้เป็นไปตามนั้น เพราะไม่งั้นสุดท้ายคุณต้องได้ขึ้นสู่กระบวนการตามชั้นศาลแน่นอน ดูทรงแล้ว ศาลท่านก็คดีเยอะแล้ว อีกอย่างเป็นเรื่องที่คุยกันได้ จบได้ก็จบกันไป ฝากเอฟซีสองฝั่ง อย่าไปด่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ให้กำลังใจกัน อยากให้ใช้คำว่า ยังไงก็ให้นึกถึงลูก เป็นคำเตือนเขา ?
ทนายโนบิ : ฟ้องไปสุดท้ายก็ต้องไกล่เกลี่ยอยู่ดี
อ่าน ข่าวบันเทิงวันนี้ ที่เกี่ยวข้อง :