รีวิวหนัง "The Bikeriders เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส" ดื่มด่ำกับโฟร์คิงส์ฉบับอเมริกันชายฉกรรจ์

ถือว่าเป็นหนังที่อยู่ ๆ ค่ายหนังในบ้านเราก็ตัดสินใจลัดคิวนำมาฉายแบบชวนประหลาดใจ เพราะนี่คือหนังดรามาฟอร์มดีแต่กระแสค่อนข้างเงียบและดูทรงจะขายได้ยากในตลาดต่างประเทศ แต่มีดีที่ทีมนักแสดงหลักใน "The Bikeriders เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส" ตีแผ่วิถีชายฉกรรจ์นักบิดแห่งยุค 60s ที่เป็นการหยิบเอาตำนานเรื่องจริงของแก๊งมอเตอร์ไซค์มาขึ้นจอใหญ่อย่างเกรียงไกรไม่เบา

The Bikeriders เดอะ ไบค์ไรเดอร์ส เล่าถึงห้วงเวลาแห่งความขบถในอเมริกา เมื่อวัฒนธรรมเปลี่ยนไป ผู้คนเปลี่ยนตาม แคธี หญิงสาวผู้ที่มีปณิธานมุ่งมั่นอันแรงกล้า ได้บังเอิญพบกับ เบนนี ชายหนุ่มสมาชิกใหม่ในแก๊งมอเตอร์ไซค์แห่งมิดเวสต์ ที่ชื่อว่า แวนดัลส์ ที่นำทีมโดย จอห์นนี ผู้ลึกลับ พวกเขาออกตระเวนขี่รถสองล้อสุดเฉี่ยวไปทั่วประเทศ ที่นำพาคนท้องถิ่นไปสู่โลกที่รุนแรงและอันตรายข้างนอกนั้น ที่บัดนี้มันกำลังบีบบังคับให้เบนนีต้องเลือกระหว่างหญิงสาวที่พานพายกับความจงรักภักดีกับแก๊งซิ่งอันมีสไตล์

"เจฟฟ์ นิโคลส์" กลับมาทำหนังอีกครั้งแรกในรอบ 6-7 ปีเลย เขาคือผู้กำกับหนังสายรางวัลที่สร้างผลงานที่โดดเด่นตามเวทีรางวัลต่าง ๆ เมื่อช่วงทศวรรษที่แล้ว แต่เขาก็หายไปเสียดื้อ ๆ โดยการกลับมาครั้งนี้อาจจะค่อนข้างขรุขระเล็กน้อย เพราะจริง ๆ หนังก็่ถ่ายทำเสร็จไปตั้งแต่ปลายปี 2022 แต่เจออุปสรรคในการจัดจำหน่ายนิดหน่อย กว่าจะได้ฉายก็ปามากลางปี 2024 อย่างที่เห็น

และฝีไม้ลายมือการรังสรรค์ผลงานของเจฟฟ์ นิโคลส์ ก็ยังคงกลมกล่อมพอเหมาะพอเจาะเหมือนเช่นเคย เอกลักษณ์ในการงานสร้างที่มักจะบิวท์อารมณ์คนดูด้วยการถ่ายทอดแบบซื่อ ๆ ง่าย ๆ กับการภาพที่เหมือนจะธรรมดา แต่แฝงไปด้วยการถ่ายทอดเชิงวิถีชีวิตได้ค่อนข้างน่าทึ่งด้วยเทคนิคมุมภาพและการจัดแสงเงาต่าง ๆ เป็นหนังดรามาที่อาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ก็ลงตัวดีในตัวเอง

แน่นอนว่า เจฟฟ์ นิโคลส์ ก็ยังรับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้เองด้วย ซึ่งเป็นการหยิบเอาหนังสือสารคดีภาพชื่อเดียวกันของ แดนนี ลีออง นักเขียนที่ลงพื้นที่ไปเก็บภาพและบันทึกเรื่องราวชีวิตของไบค์เกอร์ย่านมิดเวสต์อย่างคลุกคลีอยู่เป็นปี ๆ ถึงในส่วนบทหนังของ The Bikeriders จะไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่ การร้อยเรียงเรื่องราวไปแบบเรียบง่ายของหนังเรื่อง ก็ทำออกมาเป็นสูตรที่กำลังพอดี และช่วยทำให้มันทรงพลังด้วยความราบเรียบในตัวเองเช่นกัน

ถึงแม้ว่า The Bikeriders จะเป็นหนังที่อัดแน่นไปด้วยตัวละครและความชายฉกรรจ์เกือบทั้งหมด แต่ที่สร้างความประหลาดใจให้ไม่น้อย ก็คือการที่หนังเลือกที่จะหยิบเอาตัวละครนักแสดงนำหญิงมาเป็นตัวชูโรงและนำทางเรื่องราวได้อย่างชาญฉลาดและทำออกมาได้ประสบความสำเร็จด้วยดี ทั้งที่ถูกรายล้อมไปด้วยชายกลุ่มใหญ่ แต่ตัวละครผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กลับไม่จมไม่หาย และน่าประทับใจเป็นอย่างดี

3 นักแสดงนำของ The Bikeriders นับว่าเป็นองค์ประกอบที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ พวกเขาเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่สำคัญต่อหนัง การผนึกกำลังของพวกเขาได้ช่วยกันส่งเสริมและยกระดับความทรงพลังให้กับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี "ออสติน บัตเลอร์" ไม่มีอะไรจะเอื้อนเอ่ย นอกจากคำค่อนข้างหยาบว่า 'เท่ฉิบหาย' เขาคือดาราดาวรุ่งที่หยิบจับบทไหนก็ดูแทรกซึมเป็นตัวละครนั้น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และคาแรกเตอร์ในเรื่องนี้ก็เต็มด้วยเสน่ห์และออร่าระยิบระยับ

ขณะที่ "ทอม ฮาร์ดี้" ก็มอบอินเนอร์ทางการแสดงในลักษณะน้อยแต่มาก ด้วยการเก็บรายละเอียดคาแรกเตอร์ต้นแบบอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะท่วงท่า ลีลาการเคลื่อนไหว ไปจนถึงแววตาและเสียงพูดที่เปล่งออกมา เขาคนคือเก็บดีเทลเอาไว้ได้ละเอียดยิบ นี่คือนักแสดงมืออาชีพตัวจริง ถึงแม้ว่าบทนี้ของเขาจะไม่ได้มีอะไรซับซ้อน และสร้างมิติทางการแสดงไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่เขาก็ทำมันออกมาได้ถึงแก่น

ส่วนที่ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ "โจดี้ คอเมอร์" กลายเป็นนักแสดงนำหญิงที่เฉิดฉายและโดดเด่นอยู่ในหมู่ชายฉกรรจ์ของเรื่องนี้โดยแท้ อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่ารู้สึกแปลกใจที่ผู้สร้างเลือกที่จะให้ตัวละครหญิงมาเป็นบทบาทที่ชูโรงและนำเรื่องราวทั้งหมด และเธอคนนี้ก็ทำมันได้ปัง เป็นอีกคนที่เก็บรายละเอียดตัวละครได้ดี โดยเฉพาะท่วงท่าและน้ำเสียงที่ใช้ในหนัง เป็นความใส่ใจที่ดี ปล่อยมาพร้อมกับอินเนอร์ทางการแสดงที่พร้อมจะระเบิดออกมาใส่คนดูได้ทุกเมื่อ

ถ้าหากว่าในบ้านเราหนังชายฉกรรจ์ปัง ๆ อย่าง 4Kings มาแล้ว ดังนั้น The Bikeriders ก็น่าจะเป็นหนังที่สไตล์คล้ายกันจากฝั่งอเมริกา ที่เป็นการตีแผ่วิถีชีวิตสังคมของกลุ่มชายแท้ในอดีต ที่อาจจะเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ แต่แฝงไปด้วยวัฒนธรรมและอำนาจกับอิทธิพลที่เหลือเชื่อ ถึงแม้ว่าตัวหนังอาจจะไม่ได้กัดกินใจโทนดรามาในระดับที่ยิ่งใหญ่ล่ารางวัลใด ๆ แต่ความเรียบง่ายในการร้อยเรียงหนังเรื่องนี้ก็คือสมการที่ออกมาค่อนข้างลงตัวและดูได้เพลินดี

ผนวกเข้ากับทีมนักแสดงมืออาชีพที่ลงตัวเหมาะเจาะ โดยเฉพาะ 3 นักแสดงนำที่ทำหน้าที่ของตัวเองออกมาได้อย่างขันแข็ง การเป็นการแสดงที่ช่วยส่งเสริมบทบาทตัวละครของกันและกัน ผลักดันทำให้หนังเกิดอรรถรสความทรงพลังได้ดียิ่งขึ้น นี่คือหนังแก๊งไบค์เกอร์ขนาดความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยห้วงแห่งชีวิตในยุคหนึ่ง อาจจะยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบในทุกด้านอะไร แต่แค่ฟังเสียงสตาร์ทเครื่องรถให้กระหึ่มกังวานไปทั้งโสตประสาทการรับฟัง เพียงเท่านี้ก็กินใจแล้ว