ณเดชน์ ส่งกำลังใจ เอม สรรเพชญ์ ฝากถึงคนวิจารณ์ควรให้โอกาสกันและกัน
ส่งกำลังใจรุ่นน้อง ณเดชน์ คูกิมิยะ เปิดใจเรื่อง เอม สรรเพชญ์ เจอดราม่าถล่ม ปมพากษ์เสียงภาษาไทย Superman 2025 แนะอย่าหยุดทำ เป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้งาน ฝากถึงคนวิจารย์ อย่ามองแต่ทางด้านลบอย่างเดียว
กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชี่ยลอย่างหนัก เกี่ยวกับประเด็นของการพากษ์เสียงภาษาไทยในภาพยนตร์เรื่อง ซูเปอร์แมน Superman 2025 ที่ได้พระเอกดาวรุ่ง เอม สรรเพชญ์ ลูกชายสุดหล่อของพิธีกรและนักแสดงมากความสามารถ ดู๋ สัญญา คุณากร มาเป็นคนให้เสียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เอม สรรเพชญ์ ยอมรับคำวิจารณ์ปมพากษ์เสียง Superman แค่อย่าล้ำเส้นถึงครอบครัว
- จากปาก เอม สรรเพชญ์ เปิดใจหลังถูกติงเรื่อง พากย์เสียงซุปเปอร์แมน
ซึ่งก็มีทั้งคนที่โอเค และคนที่รู้สึกว่าน้องยังขาดประสบการณ์ในการพากษ์เสียง ทำให้อารมณ์ของตัวละครขาดหายไป แต่ก็มีบางส่วนที่ออกมาวิจารณ์แบบรุนแรง ลุกลามไปถึงครอบครัวกันด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้นักแสดงหนุ่มรุ่นพี่อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่มาร่วมงานเปิดจักรวาล "ใจขังเจ้า Fin Meeting" ที่ช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ ซึ่งมีประสบการณ์การพากษ์เสียงมาก่อน และล่าสุดก็ได้พากษ์เสียง ดร.เฮนรี่ ใน Jurassic World Rebirth ให้แสดงคิดเห็นว่า
ภาพจาก : kugimiyas
"ผมว่าเป็นโอกาสที่ดีนะครับ ที่นักแสดงได้มีโอกาสทำงานพากย์ มันเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ มันเป็นศาสตร์ใหม่ๆ ที่เราได้เรียนรู้ ถึงแม้ว่าจะมีดราม่าอะไรก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าอย่าหยุดเถอะครับ อย่าหยุดที่จะได้ทดลองทำมีประสบการณ์ในการทำงานในชีวิต ผมว่ามันไม่ได้มีอะไรที่เสียหายกับการได้มีโอกาสได้ทำ
การแสดงด้วยน้ำเสียง หรือว่าน้ำเสียงที่เราใช้ แม้กระทั่งการเล่นละคร แต่ละตัวละครเราสามารถที่จะดีไซน์เสียงให้มันแตกต่างกันได้ เพราะฉะนั้นเรื่องการวอยซ์โปรเจ็กต์ การโปรเจ็กต์เสียง การใช้ช่องเสียง มันเป็นศาสตร์หนึ่งเราในฐานะนักแสดงเราก็เรียนรู้มันได้เหมือนกัน แล้วยิ่งเราได้เรียนรู้งานพากย์ เรื่องของวิธีการพูดหรือการใช้เสียง มันก็จะอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว มันเป็นไอเท็มที่ดีมากๆ
ถ้าสมมติว่าผมมาพากย์จูราสสิคเรื่องแรก ผมว่าผมก็ไม่รอดเหมือนกัน เราเองก็มีประสบการณ์ แล้วเราก็มีวอยซ์ ไดเร็กเตอร์ด้วย นักพากย์กันเองก็ยังต้องมีคนคุมอยู่"
และเมื่อถูกถามว่า ถ้าตัวเองเจอสถานการณ์แบบนี้จะรู้สึกอย่างไร หนุ่มณเดชน์ ก็ตอบว่า "มันไม่มีใครไม่เครียดหรอกครับ เวลาที่เราโดนกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะใครก็ตามจะเป็นศิลปินนักแสดง แม้กระทั่งคนธรรมดาที่เล่นโซเชียลมีเดีย โดนคนในโซเชียลมีเดียด่าถูกวิพากษ์วิจารณ์เขาก็เก็บมาคิดมาเครียดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราอาจจะต้องมองในมุมมองของคนที่เป็นอีกคนนึงด้วย ว่าการที่เราไปพูดหรือใส่ร้ายอะไรที่มันเกินความเป็นจริง โดยที่เรายังไม่รู้ลึกตื้นหนาบาง มันก็เป็นสิ่งที่เราไม่ควร
เพราะฉะนั้นการที่เราจะไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ตามไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน ผมว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึง เพราะมันจะติดเป็นนิสัย พอติดเป็นนิสัยแล้วจะรู้สึกว่ามันส์คันปาก คันไม้คันมือ อยากที่จะขอให้ได้พูด ซึ่งจริง ๆ แล้วเราต้องกลับมาดูตัวเองว่าทำไมถึงไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรที่มันเกินขอบเขต อันนี้ต้องระวังไว้ เดี๋ยวมันจะติดตัวไปจนแก่ แล้วจะกลายเป็นคนที่อาจจะมองคนในแง่ร้าย"
ภาพจาก : aimmku