รีเซต

"น็อต วรฤทธิ์" เปิดวีรกรรมสุดแสบในอดีต ไปเรียนเมืองนอกสร้างเรื่องจนถูกแบนวีซ่า

"น็อต วรฤทธิ์" เปิดวีรกรรมสุดแสบในอดีต ไปเรียนเมืองนอกสร้างเรื่องจนถูกแบนวีซ่า
EntertainmentReport2
25 มกราคม 2567 ( 13:22 )
55

นักแสดงมาดเข้ม "น็อต วรฤทธิ์" ที่วันนี้ควงคุณพ่อ "ตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์" มาเผยวินาทีชีวิตติดเชื้อในกระแสเลือด วูบ ขยับตัวไม่ได้นานกว่า 6 ชั่วโมง พร้อมเล่าวีรกรรมสุดแสบ เกเรหนักมาก โดนไล่ออกจากโรงเรียน แถมไปเรียนเมืองนอกยังโดนแบนวีซ่า ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี หนิง ปณิตา และ อาจารย์ เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

"น็อต วรฤทธิ์" เปิดวีรกรรมสุดแสบในอดีต ไปเรียนเมืองนอกสร้างเรื่องจนถูกแบนวีซ่า

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพ่อป่วย?
อาตุ่ม : มันพูดไม่ถูกมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร อยู่ดี ๆ มันก็วูบหายไปเลย มีแต่ความรู้สึก แต่ทำอะไรไม่ได้เลย มันชา แม้กระทั่งจะเอื้อมมือยังไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเลย ตื่นเช้ามาทำทุกอย่างปกติ เดินลงมาจากห้องนอนลงมาข้างล่างจะมาเปิดประตูบ้าน พอมาถึงหมดสติล้มพับลงไป

พ่อเป็นคนที่ดูแลตัวเองอยู่แล้ว?
อาตุ่ม : ใช่ ออกกำลังกาย รดน้ำต้นไม้
น็อต : คือทำกิจกรรมทั้งวัน

แล้วอาหารการกินละ?
น็อต : กินวันละมื้อเหมือนพระ
อาตุ่ม : 2 มื้อ ๆ
น็อต : แกงถุงนึงกินทั้งวัน
อาตุ่ม : วันนึงเสียค่ากับข้าว 50 บาท กับข้าวอย่างเดียว

หรือกินน้อยไป?
อาตุ่ม : น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ดื่มนมทุกเช้า 1 กล่อง

ตอนที่คุณอาล้มลงมีสติ แต่ขยับตัวไม่ได้เลย?
อาตุ่ม : ไม่ได้เลย ตอนนั้นฉันจะโทรศัพท์เรียกใคร เรียกคนงานให้มาช่วยเปิดประตูให้หน่อย มาดูเราสิว่าเราเป็นอะไร แต่มันคลานไม่ได้ ต้องค่อย ๆ นอนราบไปกับพื้น หยิบโทรศัพท์ไม่ได้ บังคับตัวเองไม่ได้

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน?
อาตุ่ม : ที่สวน จันทบุรี อยู่คนเดียว

แล้วรอกี่ชั่วโมงกว่าจะมีคนมาเจอ?
อาตุ่ม : ไม่รู้ มันเหมือนกับฝัน เหมือนตัวเองไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งสิ้น เขามาเปิดประตูได้ยังไงก็ไม่รู้ เอาเราไปโรงพยาบาลได้ยังไงก็ไม่รู้ เพียงแต่ว่าเราทำตามที่เขาสั่งไปอาบน้ำก่อนไปโรงพยาบาล เพราะมันเหมือนกับฉี่ราด
น็อต : คือบังคับตัวเองไม่ได้แล้ว

ตอนนั้นความรู้สึกเรากลัวตายไหม?
อาตุ่ม : ไม่มีความรู้สึกตรงนั้นเลย รู้อย่างเดียวฉันต้องไปโรงพยาบาล

ตอนนั้นเสียงสามารถพูดได้ไหม?
อาตุ่ม : ไม่ได้พูด เพราะไม่รู้จะพูดกับใคร จิตสั่งทางจิต ไม่รู้จะพูดกับใคร คนงานก็อยู่ไกล ตะโกนก็ไม่ได้ ต้องใช้โทรศัพท์อย่างเดียว

 

แล้วใครเป็นคนไปเจอ?
อาตุ่ม : คนข้างนอกอยู่สวนไหนก็ไม่รู้ เขาต้องมาเข้าสวนมาหาเราทุกเช้า เขาเข้ามาร่วมเที่ยงแล้วมั้งแล้วพาเราส่งโรงพยาบาล

พี่น็อตรู้ตอนไหน?
น็อต : รู้ตอนถึงโรงพยาบาลแล้ว ลูกน้องพ่อโทรมา แต่ก็พูดไม่รู้เรื่อง ก็คุยกับหมอ ซึ่งลักษณะหมอชอบพูดให้เรากังวล พ่อเป็นอย่างนู้น อย่างนี้ เอาไงดี สรุปเป็นอะไรกันแน่ มีทางรักษาไหม ตอนนี้พ่อมีสติอยู่หรือเปล่า เขาบอกว่ารู้ตัวแล้ว ขยับตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าพ่อเป็นอะไร แล้วขั้นตอนการรักษาของหมอเป็นอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง เขาก็เล่าๆ เราก็มาเล่าให้ที่บ้านฟัง ใครจะเป็นหน้าที่ไปดูแลพ่อยังไง แบ่งหน้าที่กัน ตอนนี้ไม่ว่างนะ แม่เลยเป็นคนที่ไปดูแลพ่อ ไปอยู่กับพ่อที่โรงพยาลาลกับพี่แนน

ใจตอนนั้นกังวลแค่ไหน?
น็อต : ตอนที่รู้ข่าวเขาพูดไม่รู้เรื่อง เราก็กังวลนะว่าพ่อเราเป็นอะไรหนักหรือเปล่า แต่พอเราตั้งสติแล้วฟังคุณหมอเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เราก็รู้แล้วว่าตอนนี้พ่อปลอดภัยแล้ว แต่ว่าอยู่ในช่วงการดูแลรักษาของคุณหมอว่าจะต้องดูให้ละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ว่าสาเหตุที่พ่อเป็นเกิดจากอะไร ก็เลยเบาใจลงค่อยๆ วางแผนต่างๆ 

แล้วพี่น็อตคุยกับพี่แนนไหม?
น็อต : คุยกันตลอด เธอไปดูแลกับแม่ก่อนนะ แล้วคอยรายงานตลอด เพราะบางทีคุณหมอพูด เขาชอบพูดให้เราตกใจ เขาไม่ให้ความหวังเรา เขาต้องเผื่แไว้อีกทาง

 

ขอบคุณคลิปจาก คุยแซ่บ Show

พี่ใช้คำพูดว่าคุณหมอพูดไม่ให้ความหวัง แปลว่าอาการที่วันนั้นฟังคือวันนั้นพ่ออาจจะเสียชีวิต?
น็อต : ถามว่าถึงขั้นเสียชีวิตหรือเปล่า คงไม่เสียชีวิต ณ ตอนนั้น แต่มันมีโอกาสให้คุณพ่อเสียชีวิตได้ ถ้าไม่รักษาให้ทัน  แต่มันเป็นธรรมชาติของคุณหมอไง คุณหมอจะไม่พูดในแง่บวก เพื่อไม่ให้ความหวังเรา ให้เราเตรียมใจๆว้ เพื่อระมัดระวังมากขึ้น อันนี้เราเข้าใจ

วันนั้นคุณหมอวิเคราะห์ว่าอาการเป็นอะไร?
น็อต : หมอบอกไม่รู้ว่าพ่อเป็นอะไร คาดว่าน่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดนะครับ แล้วติดเชื้อในกระแสเลือดจากสาเหตุอะไร คุณหมอก็ยังหาสาเหตุไม่เจอว่าเกิดจากอะไร แต่คิดว่าน่าจะเป็นแผลเล็กๆ ที่ขาแล้วมีอะไรแปลกปลอมเข้าไปแล้วไปติดเชื้อ คือไม่รู้สาเหตุ

รู้สึกขัดแย้งไหมกับสิ่งที่คุณหมออธิบายมา?
น็อต : ตัวเราก็ไม่มีความรู้หรอก แต่เรารู้ว่าอาการของพ่อวันนั้นที่เข้าโรงพยาบาลคือขาบวมมาก
อาตุ่ม : แต่เราไม่รู้นะว่าขาบวม
น็อต : ขาบวมแล้วมีแผล คาดว่าพวกเชื้อโรคต่าง ๆ จะเข้าไปทางแผล ทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด นั่นคือความคาดเดาของคุณหมอนะว่าวินิจฉัยว่าเป็นอย่างนั้นแล้วคำว่าติดเชื้อในกระแสเลือดในความรู้สึกเรา มันคือรุนแรง มันคือเรื่องใหญ่ แต่ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลแล้วใกล้มือหมอ โอกาสรอดมันสูงอยู่แล้ว

ใช่แผลที่ขา ที่พ่อทายาอยู่ทุกวันนี้ไหม?
อาตุ่ม : ใช่ ๆ 
น็อต : ทุกวันนี้ยังไม่หายเลยนะ แต่อันนี้ดีขึ้นมากเลย
อาตุ่ม : ทายาสมุนไพร เพราะโรงพยาบาลรักษาไม่หาย

ทุกวันนี้พ่อดีขึ้น กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ยังไม่รู้ว่าสาเหตุของโรคคืออะไร? 
อาตุ่ม : ใช่ ไม่รู้ แต่เราก็ถือโอกาสทำบอลลูนไปเลย รอให้การติดเชื้อในกระแสเลือดหายเรียบร้อย แล้วเราก็ทำบอลลูนอีกเส้นนึง

เขาเรียกว่าไฟลามทุ่งใช่ไหม?
อาตุ่ม : เขาเรียกว่าไฟลามทุ่ง ที่มันเหมือนสะเก็ดเงินแต่ไม่ใช่ เหมือนแผ่นเนื้อมันไหม้แล้วมีการพอง ตอนอยู่โรงพยาบาลเขาก็เอาเข็มมาจิ้มให้น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำใส ๆ ออกมา นี่ 6 เดือนแล้วยังไม่หายเลย

ความทรมานตอนที่เรามีสติ เรารู้สึกตัว?
อาตุ่ม : ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่คัน มันมีแต่แผลขึ้นมา

สาเหตุของการเกิดโรคทุกวันนี้ก็ยังวินิจฉัยไม่ได้?
อาตุ่ม : ไม่ได้ไปหาหมอหมดไปเยอะแล้ว ตรงไหน ๆ ไปหมด มีหมอเป่าน้ำมนต์เราก็ไป เป่าเหล้าเราก็ไปทำทุกอย่าง ไม่หาย

พ่อเป็นคนดูแลตัวเอง เป็นคนเนี้ยบคนนึง พอมาเป็นแบบนี้ รู้สึกกังวลใจอะไรไหม?
อาตุ่ม : เฉยๆ ปลงแล้ว อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด อะไรมันจะหาย มันก็หายไปเอง มันเกิดได้ มันก็หายได้ 

พ่ออยู่โรงพยาบาบาลเป็นเดือนเลย?
อาตุ่ม : ครึ่งเดือน เพราะติดเชื้อในกระแสเลือด เขาต้องรักษา เราก็เบลอไม่รู้เรื่อง แล้วเราเป็นคนติดบุหรี่ อาละวาดทั้งโรงพยาบาล เราไม่รู้ตัวว่าอาละวาด ในความคิดของเราฉันต้องสูบบุหรี่ให้ได้ ฉันอยากสูบบุหรี่เหลือเกิน เรียกหมอมาด่า เพื่อนๆ มาโรงพยาบาลนี้กูไม่เข้าอีกแล้ว จำเอาไว้ โพสต์ด้วยนะ โพสต์ในกลุ่มเพื่อน

เห็นว่าหลังจากที่เหตุการณ์นี้เกิดพี่น็อตตั้งกฎเหล็กขึ้นมา มีกฎอะไรบ้าง?
น็อต : ไม่ใช่ผมหรอก แต่ทั้งครอบครัว ก็คือเรื่องของการขับรถ เราไม่ให้ขับรถแล้ว เพราะว่าเราไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ จะวูบไปตอนไหน มันเกิดอุบัติเหตุได้

พ่อดื้อไหม?
น็อต : ไม่ดื้อ หลังจากเกิดเหตุการณ์ผ่านความตายนี่โอ้โห..เลี้ยงง่ายมาก พูดอะไรก็เชื่อ
อาตุ่ม : เราทำอย่างนี้เพื่อให้ทุกคนในบ้านสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรา

อีกหนึ่งข่าวดีคือคุณพ่อเลิกสูบบุหรี่?
อาตุ่ม : ถูกต้อง หาวิธีการเยอะแยะมาก ไปซื้อยาหม้อต้ม หลายอย่าง เมื่อก่อน 3-4 หนเลิกไม่ได้ ยังไงก็ต้องกลับมาดูด แล้วดูดวันละ 2 ซอง ขนาดไปทำบอลลูนเส้นแรก หมอบอกคุณชลิตอยากตายไหม ถ้าอยากตายดูดต่อไป ถ้าไม่อยาหตายเลิกดูด ผมเลิกไม่ได้ครับหมอ ช่วยผมหน่อยเถอะ มาทำเส้นที่สอง เข้าโรงพยาบาลเที่ยวนี้เลิกได้เพราะอยู่โรงพยาบาลนาน

ตั้งแต่พ่อป่วย พี่น็อตไป กลับ กรุงเทพ-จันทบุรี บ่อยมาก พี่น็อตหวังอะไรหรือเปล่า?
น็อต : เป็นห่วงคุณพ่อ อายุมากแล้วอยู่คนเดียวที่สวน แล้วเรามัวแต่สนใจเรื่องของตัวเอง มัวทำงานอยู่ในกรุงเทพ ไม่ได้ไปดูเขาเลย เราก็อยากไปดูว่าชีวิตความเป็นอยู่ตรงนั้นเป็นยังไง อายุก็เยอะใครจะคอยดูแลเขาในวันที่มันเกิดเหตุแบบนี้อีกครั้งจะต้องจัดการยังไง แล้วดูว่าเราสามารถแบ่งเบาภาระพ่อส่วนไหนได้บ้าง

พอลูกไปถึงปั๊บแบ่งเบาได้ไหม?
อาตุ่ม : คิดหนัก เพราะความที่เขามาแบบนี้จริงเหรอ มันจะทำจริงนะ ใจนึงก็ดีใจ แต่อีกใจนึงความที่เราอยู่คนเดียวมันชิน เราต้องมาแบกภาระมาดูแลมันอีก 
น็อต : สวนทุเรียนมันอยาก แล้วพ่อคงรู้ว่าการทำทุเรียนต้องทุ่มเทขนาดไหน แล้วเขาคงรู้จักลูกชายคนนี้ดีพอว่ามึงจะทุ่มเทได้ขนาดนั้นหรือเปล่า

ตอนเด็ก ๆ คุณพ่อทำงานเยอะ ทำให้พี่น็อตไม่ค่อยได้เจอกับคุณพ่อ พี่น็อตเข้าใจไหม?
น็อต : เข้าใจนะ เราไม่ได้ซีเรียสอะไรกับการที่พ่แไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา เพราะคุณแม่ทำหน้าที่แทน มันไม่ถึงกับว่าไม่ได้เจอหน้ากันเลย ยังเจอบ่อยๆ แต่ว่าไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันนั้นเอง

พ่อเคยรู้วีรกรรมการเกเรของลูกไหม?
อาตุ่ม : ไม่เคยรู้เลย เพิ่งมารู้เรื่องช่วงหลัง ๆ นี่แหละ

รุ่นนี้เขาทำระเบิดเป็นนะ?
น็อต : เป็นเด็กวัยรุ่นคึกคะนอง สมัก่อนมันไม่มีโทรศัพท์มือถือให้เล่นกัน สิ่งที่เราเล่นก็เล่นตามนิสัยผู้ชาย ตอนนั้นมันฮิตกระจับ ระเบิดสามเหลี่ยม มันเป็นประทัดชนิดนึง ตอนนั้นเราต้องร้างคามตื่นเต้นให้กับโรงเรียน โรงเรียนมันสงบเกินไป เราก็เอากระจับมามัดรวมกันหลายๆ ก้อน ต่อชนวนยาวๆ แล้วเราไปยัดไว้ในซอกต้นไม้ เราก็จุดแล้ววิ่งหนี แล้วเราก็ไปจุดต้นก้ามปูใหญ่ เสียงดัง คนตกใจกันใหญ่เลย แล้วไปจุดหน้าห้องน้ำ คนก็ตกใจ แต่เราก็ป้องกันนะคอยกันคนไม่ให้ออกมา เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุกับคนเรารับผิดชอบไม่ไหว

ในกลุ่มมีกี่คน?
น็อต : 10-20 คน

โดนไล่ออกหมดไหม?
น็อต : เราโดนไล่ออกคนเดียวเพราะว่า เขาปิดโรงเรียนค้นเลยนะว่าใครมีระเบิด เราเคลียร์กระเป๋าเรียบร้อยไม่มีแน่นอน ตอนตรวจเราก็สบายใจ แต่พอเปิดกระเป๋ามาทุกอย่างมารวมอยู่ที่เราหมดเลย เพื่อน ๆ เอามายัดรวมในกระเป๋าเราหมดเลย เราก็โดนคนเดียว นอกจากประทัด กระจับ หนังสือโป๊ยังมี มันคือความคึกคะนองตอนเด็กมากกว่าไว้มี ไว้อวดเพื่อน
อาตุ่ม : เขาเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วยนะ เราคิดว่าเป็นนักกีฬาแล้วปัญหาอื่น ๆ จะไม่มี

ความโชคดีคือกลับตัวทัน?
น็อต : จริง ๆ ไม่ได้กลับตัวหรอก ถูกดัดสันดานมากกว่า หลังจากนั้นถูกไปอยู่ต่างประเทศ
อาตุ่ม : เราก็คิดว่าลูกเราตั้งใจเรียน เมืองไทยไม่ติดเตรียมอุดม เลยต้องไปเมืองนอก เพื่ออนาคตหารู้ไม่มีเหตุผลอีกต่างหาก
น็อต : โรงเรียนก็เรียกคุณแม่ไปคุยว่าจะเอายังไงดี ลูกมีพฤติกรรมแบบนี้ ถ้าอยู่ต่อไปทางโรงเรียนไม่รู้ว่าจะสามารถทำให้เขานั่น ๆ หรือเปล่า แม่ก็โอเคส่งลูกไปเรียนเมืองนอกแล้วกัน เป็นประเทศนิวซีแลนด์

ไปเกิดอะไรขึ้นที่นู้น?
น็อต : ด้วยความที่เราไม่ชอบเรียนหนังสือ ในสมัยก่อนฝรั่งจะดูถูกคนเอเชีย เราก็จะถูกรังแกบ่อย ๆ แต่ตอนนั้นเราเริ่มตัวใหญ่แล้ว ไม่ยอมคน ก็มีปัญหาทะเลาะกัน โรงเรียนแรกก็มีปัญหา โดนไล่ออกก็ย้ายโรงเรียนอีก ก็เจอปัญหาเดิมๆ อีก คือ 1.เราไม่ชอบเรียนหนังสือ เราชอบไปใช้ชีวิต แล้วเราโดนคนต่างชาติเขาดูถูก แล้วเราโดนโค้ชที่เราอยู่ด้วยเขียนจดหมายด่าเราให้แม่ฟังว่าลูกคุณเป็นอย่างนี้ๆ นะ ปัญหาเราไม่ใช่เด็กที่เกเรขนาดนั้น แต่1.เราไม่ไปเรียนหนังสือ 2.เราอาจจะไม่ได้ช่วยงานบ้าน 3.เราอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตกับคนที่เป็นแฟมิลี่ที่เราไปอยู่ด้วย

ทำไมถึงขั้นต้องแบนวีซ่า?
น็อต : เพราะว่าเราน่าจะโดนโรงเรียนรีพอร์ตไปที่สถานทูตแหละว่าเด็กคนนี้มาแทนที่จะเรียนหนังสือ แต่มาก่อความวุ่นวาย จำได้เขาเขียนว่า เป็นผู้นำคนไทยให้เกเร ซึ่งเราไม่ได้เป็นผู้นำนะ เราเกเรของเราคนเดียว

ตอนนี้เข้านิวซีแลนซ์ได้ไหม?
น็อต : เข้าได้แล้ว ตอนนั้นแค่โดนแบนไม่ให้เรียนหนังสือในเครือ อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลียอะไรพวกนี้ แค่ห้ามไปเรียน แต่ไปเที่ยวได้ สุดท้ายแม่คงเห็นว่าไม่ไหว กลับมาเถอะ เลยกลับมาสอบเทียบ ทุกวันนี้เสียดายโอกาสมากๆ สมัยนั้นโอกาสที่เรียนต่างประเทศมันยากนะ ถ้าย้อนกลับไปได้ไม่ทำแน่นอน เสียดาย ทุกวันนี้เราต้องยอมรับว่าเรามีความรู้ไม่เทียบเท่าคนอื่น เราทำด้วยความโชคดี เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่นแค่นั้นเอง

จุดเปลี่ยนที่ทำให้กลับมาเป็นเด็กดี แล้วเข้าใจคุณพ่อ?
น็อต : เข้าวงการบันเทิงนี่แหละ มันเปลี่ยนชีวิตเราเยอะเลย เปลี่ยนทั้งนิสัย ความคิด ความอ่านทุก ๆ เรื่องเลย ตอนแรกไม่ได้อยู่ในหัวเลยเรื่องเข้าวงการบันเทิง

เห็นว่าเขาเรียกตัวผิดจริงเหรอ?
น็อต : ใช่เขาเรียกผิด ตอนแรกเขาจะเรียกเอส วรฤทธิ์  ชื่อเหมือนกัน อายุเท่ากัน เรียนที่เดียวกัน เรียกผิดมาเรียกน็อต วรฤทธิ์ ไป วันแรกอายุก็ยอมรับนะ อาขอโทษนะลูก อาเรียกผิดคน ไม่เป็นไรอา ผมกลับก็ได้ไม่มีอะไร จนวันนึงเขาต้องการนักแสดงเยอะในเรื่อง เสือ 11 ตัว เขาก็เรียกเรากลับไปอีกครั้งเพื่อไปลองแคสดู สุดท้ายก็ได้มาเล่นละคร แต่เข้าไปก็สร้างวีรกรรมเลย เข้าไปเขาให้ซ้อมละคร เขาให้ซ้อมการแสดงใช่ไหม ไปก็โดนไล่ให้กลับบ้าน มึงกลับไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก เมาไปแล้วไปสายด้วย โดนไล่ออกเลย แต่ว่าไม่กลับ เพราะว่าแฮงค์เลยรอกินข้าวก่อน เขาเห็นถึงความพยายาม เลยเรียกเราไปซ้อมใหม่ เราเลยได้เล่นละคร

เลยเข้าใจชีวิตการทำงาน วิถีการใช้ชีวิตของพ่อมากขึ้น?
น็อต : ใช่ เราเข้าใจ ถ่ายละครเหนื่อยนะ บางทีถ่ายข้ามวัน ข้ามคืน ถ่ายต่างจังหวัดไม่ได้กลับบ้าน ก็เข้าใจคุณพ่อมากขึ้นว่าเขาต้องเหนื่อยขนาดไหนกว่าจะได้เงินมาสักบาทเพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัว เพราะเราเจอมากับตัว

จุดนี้เป็นจุดที่พี่เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วเป็นคนที่ดีขึ้นด้วย?
น็อต : ใช่ เพราะเราถูกดัดสันดาน โดนด่าเยอะ พี่โดนด่าเป็นปีกว่าจะเป็น น็อต วรฤทธิ์ แบบทุกวันนี้ได้ พ่อฉลาดไหมล่ะฝากให้คนอื่นด่า ไม่ด่าเอง

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อ่าน ข่าวบันเทิงวันนี้ ที่เกี่ยวข้อง :