รีวิวหนัง "สุสานคนเป็น Tomb Watcher" จากละครขึ้นหิ้งสู่จอใหญ่ฉบับเนื้อเน้น ๆ จนเหนื่อย

เชื่อว่าถ้าหากเอ่ยถึงชื่อ "สุสานคนเป็น" หลาย ๆ คนก็คงจะนึกถึงละครไทยสุดคลาสิกที่มาพร้อมกับพล็อตเรื่องแนวสยองขวัญปะปนไปด้วยเรื่องราวชิงรักหักสวาทที่อยู่คู่กับหน้าจอทีวีไทยมาอย่างนานกว่า 4 ทศวรรษได้แล้ว เพราะเป็นละครที่ถูกรีเมคสร้างวนเวียนซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้ง และในปีนี้ก็เป็นครั้งที่ 6 ที่ถูกสร้างใหม่ แต่แตกต่างด้วยการดัดแปลงสร้างเป็นฉบับหนังจอใหญ่เป็นครั้งแรก ที่ได้ยินว่าเป็นการตีความใหม่เต็มไปด้วยความจัดจ้าน
เมื่อ ลั่นทม เศรษฐีนีเจ้าของธุรกิจร้อยล้านเสียชีวิตลง ชีพ ผู้เป็นสามี และ รสสุคนธ์ ชู้รักของชีพ ได้โอกาสใช้ชีวิตคู่รักอย่างเปิดเผย แบบที่รสสุคนธ์เฝ้ารอมานาน ชีพชวนรสสุคนธ์ย้ายไปอยู่ที่บ้านพักตากอากาศด้วยกัน แต่ทว่า เธอกลับได้พบความสยองเกินคาดคิด เมื่อพบโลงแก้วที่มีศพของลั่นทม เมียหลวงที่เสียชีวิตไปแล้ว ตั้งอยู่ในบ้าน รสสุคนธ์และชีพต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยเงื่อนไขบางอย่าง เงื่อนไขที่เริ่มมาจากความรักแบบผิดๆ นำมาซึ่งการแก้แค้นอันน่าสยดสยอง
สุสานคนเป็น นับว่าเป็นหนึ่งในบทประพันธ์ระดับตำนานของค่ายกันตนาเลยก็ว่าได้ เพราะบทประพันธ์นี้แทบจะไม่เคยตกไปอยู่ในมือผู้จัดรายอื่นเลย และในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน บทประพันธ์ได้ถูกนำมาดัดแปลงและตีความใหม่ออกมาเป็นฉบับภาพยนตร์อย่างเต็มรูปแบบ ที่ก็ยังจัดได้ว่าเป็นงานสร้างที่อยู่ใต้ชายคาของเครือกันตนาอีกเช่นเคย กับค่ายสร้างหนังน้องใหม่ Global Ink พร้อมกับทัพผู้สร้างที่เคยเฉิดฉายมาจากซีรีส์สตรีมมิงสุดฮิตเมื่อปีก่อน อย่าง สืบสันดาน นั่นเอง
โดยงานสร้างในครั้งนี้มาอยู่ในมือของ "โอ๊ต-วทัญญู อิงควิวัฒน์" นักสร้างที่คร่ำหวอดและคลุกคลีป้อนผลงานให้ค่ายกันตนาและในเครือมากว่าสิบปีแล้ว และเขาก็เพิ่งจะแจ้งเกิดในฐานะผู้กำกับหนังในผลงานเรื่องก่อน อย่าง The Up Rank อาชญาเกม นั่นเอง แน่นอนว่าแม้ว่าบทประพันธ์เรื่องนี้จะค่อนข้างเก่าและกลิ่นอายค่อนข้างเชยไม่น้อยแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้วิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่ ๆ มาช่วยแต่งเติม ก็เลยทำให้ได้ความจรรโลงที่ต่างไปจากฉบับละครออกมาอยู่
หนึ่งในสิ่งที่สุสานคนเป็นฉบับหนังใหญ่เรื่องนี้ทำออกมาได้คมคายมาก ๆ ก็คงจะเป็นองค์ประกอบงานสร้าง ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านาน ๆ ทีจะเห็นหนังสยองขวัญที่ความละเมียดละไมและความเฉียบคมในการดูแลเอาใจใส่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในหนังได้ค่อนข้างดีเช่นนี้ หนังค่อนข้างมีจังหวะการตัดต่อที่ค่อนข้างดีใช้ทีเดียว การสลับสับเปลี่ยนจากฉากไปสู่อีกฉากค่อนข้างทำได้ตรึงใจและเร้าอารมณ์ผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด
ขณะที่ด้านงานออกแบบโปรดักชันเรื่องนี้ก็ไม่ธรรมดา ถึงในตอนแรกอาจจะรู้สับสนเบา ๆ ว่านี่เป็นหนังยุคสมัยไหนกันแน่ แต่ในด้วยเนื้อหาก็มีการระบุชัดเจนว่าเป็นหนังที่มีไทม์ไลน์และกลิ่นอายความเป็นพีเรียดอยู่เบา ๆ นั่นจึงทำให้งานละเลงใส่การเซ็ตฉากต่าง ๆ ค่อนข้างลื่นไหล การเสาะหาโลเคชันในการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ค่อนข้างแปลกตาและใช้สถานที่ได้ค่อนข้างคุ้มไม่น้อย
ส่วนทางด้านงานออกแบบเครื่องแต่งกายและแต่งหน้าทำผมในหนังเรื่องนี้ ก็สัมผัสได้ถึงการลงรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ไล่มาตั้งแต่โทนการแต่งหน้าและสีสันเติมแต้มที่พยายามให้เข้ากับคนยุคนั้นให้ได้มากสุด นับว่าเป็นหนังไทยที่นาน ๆ ครั้งจะเห็นทีว่าจะมีความละเอียดในการเก็บองค์ประกอบเหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้ขนาดนี้ ถึงมันอาจจะยังไม่ได้ส่วนที่สมบูรณ์เต็มรูปแบบอะไรก็ตาม แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีอีกส่วน
มาถึงในแง่การดัดแปลงและปั้นบทหนังเรื่องนี้ออกมากันบ้าง ต้องยอมรับว่านี่คือการหยิบเอาต้นฉบับที่เป็นละคร ความยาวขนาดออนแอร์ฉายได้เป็น 2-3 เดือน มาย่อสรุปทำให้กระชับเหลือเพียงเนื้อหาในหนังเพียงแค่ 90 นาที นับว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทายกับทีมเขียนบทเป็นอย่างมาก แต่ก็ถือว่าพวกเขาทำได้ดี เพราะในเวลาที่จำกัดและต้องรีบบิวท์อารมณ์คนดูที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขมากมาย พวกเขาจึงสาดใส่วัตถุดิบที่เต็มไปด้วยเนื้อเน้น ๆ ชนิดที่น้ำใส่มาแค่กรุบกริบ
เพราะว่าความที่บทประพันธ์ค่อนข้างเก่าและตกยุคไปพอสมควรแล้ว แม้จะพยายามปรับให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น ก็ยังค่อนข้างติดกลิ่นอายความเป็นละครไทยเข้ามาประปรายอยู่พอประมาณ โดยเฉพาะบางส่วนของไดอะล็อกตัวละครที่ค่อนข้างพิถีพิถันมากไปนิด ผนวกกับจังหวะการเล่าเรื่องที่เกือบจะไปสุด แต่มาติดตรงสไตล์การเล่าแบบ Slow Burn ในช่วงครึ่งแรก ก็พลอยทำให้เกิดการปรุงรสแกงอ่อมออกมาให้หอมฉุยอยู่เล็กน้อย
แต่กระนั้นแล้ว เวอร์ชันหนังของสุสานคนเป็น ก็สามารถสั่งความพรั่งพรูแบบเต็มที่ในช่วงโค้งสุดท้าย ประมาณ 15 นาทีของหนังได้ถึงใจถึงอารมณ์ จนทำให้คนดูออกอาการเหนื่อยตามกันได้ ผู้สร้างรู้ดีกว่าคนดูต้องการอะไร ก็เซอร์วิสให้แบบถึงพริกถึงขิงเช่นกัน และอย่างน้อย ๆ เวอร์ชันใหม่นี้ก็สามารถบทที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิติของคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างชัดเจน สะท้อนแนวคิดและความทะเยอทะยานในมุมต่าง ๆ ของมนุษย์ ที่ทำให้สัมผัสเห็นได้ถึงเหตุกับผลของทุกตัวละครค่อนข้างชัด
3 นักแสดงนำหลักของเรื่องนี้ก็คือรวมพลังกันเอาอยู่จริง ๆ "นุ่น วรนุช" ที่ห่างจากการเล่นหนังจอใหญ่มาเกือบ 20 ปีแล้ว ถึงอินเนอร์ของเธอจะแอบติดความเป็นละครมาอยู่บ้าง แต่ก็โชว์ศักยภาพการเป็นคุณนายลั่นทม ฉบับที่จะกลายเป็นมีมในโซเชียลมีเดียได้ไมยากเย็นยุคนี้ ขณะที่ "แก๊ป ธนเวทย์" กับ "ก้อบ อรัชพร" สองคนนี้เขาใส่เต็มที่ รับมือได้กับทุกบทบาทอยู่แล้ว กลายเป็นผลงานที่พวกเขาทั้งคูได้มีจังหวะในการปล่อยของทางการแสดงได้อย่างอิ่มเอมเลยทีเดียว
โดยสรุปภาพแล้วนั้น สุสานคนเป็น เวอร์ชั่นหนังปี 2025 ถือว่าเป็นการปัดฝุ่นหยิบเอาละครในตำนานของไทยมาขึ้นจอใหญ่ที่ค่อนข้างน่าพอใจใช้ได้อยู่ ถึงบทประพันธ์จะตกยุคไปแล้วก็ตาม แต่ก็ใส่กลวิธีในการรังสรรค์เรื่องราวออกมาได้กระแทกใจคนดูได้ดี นี่คือหนังสยองของไทยที่ค่อนข้างดีเด่นในแง่งานสร้างอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่ฝั่งการแสดงก็เหมือนเป็นการคืนกำไรให้คนดู แม้ว่าจะไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะเป็นละครรีเมคซ้ำ ๆ เดิม ๆ แทบจะเฉาไปแล้ว แต่การปรุงรสชาติออกมาใหม่ในครั้งนี้ เราก็ว่าจะไม่อาจจะมองข้ามไปได้เหมือนกันนะ
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง สุสานคนเป็น Tomb Watcher
- ประเภท: สยองขวัญ / ดรามา
- ผู้กำกับ: วทัญญู อิงควิวัฒน์
- นำแสดงโดย: วรนุช ภิรมย์ภักดี, อรัชพร โภคินภากร, ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล
- ความยาว: 92 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 24 เมษายน 2025
Movie.TrueID METRIC: สุสานคนเป็น Tomb Watcher
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐️✰✰✰ (7.3/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐️⭐️✰✰✰ (7.0/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐️✰✰ (8.0/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8.4/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.8/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa