รีเซต

"ดีเจมะตูม" เล่านาทีสูญเสียคุณยาย วันแรกเหมือนตายทั้งเป็น (มีคลิป)

"ดีเจมะตูม" เล่านาทีสูญเสียคุณยาย วันแรกเหมือนตายทั้งเป็น (มีคลิป)
EntertainmentReport2
13 กันยายน 2565 ( 19:50 )
216

ดีเจและพิธีกรฝีปากกล้า "ดีเจมะตูม เตชินท์" ที่วันนี้จะขอควง "คุณแม่หญิง เบญญาภา" มาเปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียคุณยายนงค์ กับความรัก ความผูกพันและสิ่งติดค้างที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน พร้อมเผยลางสังหรณ์และประโยคสุดท้ายก่อนคุณยายจากไป ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และเป็กกี้ ศรีธัญญาเป็นพิธีกรดำเนินรายการ

 

"ดีเจมะตูม" เล่านาทีสูญเสียคุณยาย วันแรกเหมือนตายทั้งเป็น (มีคลิป)


ทุกวันนี้มะตูมยังร้องไห้อยู่เลยเหรอ?
ดีเจมะตูม : มีบ้างครับ เป็นเรื่องปกติครับ ตูมว่าทุกคนนี่เป็นการสูญเสียครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของตูม เพราะว่าตูมยังไม่เคยผ่านการสูญเสียญาติผู้ใหญ่ที่แบบคุกคลีและเลี้ยงดูเรามาเลย 
นี่เป็นคนแรก

ผ่านมาเท่าไหร่แล้ว?
ดีเจมะตูม : 1 เดือน กับ 1 วัน คุณยายไปวันที่ 12 สิงหาคม 

 

ขอบคุณคลิปจากรายการ คุยแซ่บShow 

มะตูมร้องไห้หนักมาก แต่แม่หญิงไม่เสียน้ำตาเลย?
แม่หญิง : มันจุกด้วย หน้าที่ในการรับผิดชอบ ณ วันนั้น มันเยอะ เราไม่มีเวลาแม้กระทั่งร้องไห้

มีแอบร้องไห้เวลาอยู่คนเดียวไหม?
แม่หญิง : ไม่ถึงกับร้องไห้ แค่สั่น ๆ ซึม ๆ เวลารู้สึกซึม ๆ เราก็จะเงยหน้าขึ้น แล้วก็ดึงเข้าไปต้องไม่ให้ใครเห็นน้ำตาเรา

เคยเห็นแม่ร้องไห้เรื่องอื่นๆ บ้างไหม?
ดีเจมะตูม : น้อยครับ ส่วนใหญ่ร้องไห้เพราะตูมทำนี่แหละ เมื่อก่อน ตอนเด็ก ๆ แต่ตั้งแต่โตมาก็น้อยมาก แม่กลายเป็นเข้มแข็งกว่าตูมมาก ๆ  แต่ตูมยังไม่ได้

ถ้าย้อนไปตอนที่คุณยายเสียคือคุณยายป่วยเป็นลูคีเมีย ทราบนานหรือยัง?
ดีเจมะตูม : ตูมทราบไม่ถึง 24 ชม.ก่อนยายจากไป ส่วนคุณแม่ทราบล่วงหน้า 1-2 วัน ไม่มีใครรู้เลยว่าคุณยายไม่สบาย เรามานั่งคุยกันด้วยซ้ำว่า หรือบางทียายอาจไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่ว่าคุณยายจะตรวจสุขภาพประจำปีอยู่แล้ว เพราะเป็น อสม.เขาจะบังคับตรวจอยู่แล้ว คุณยายจะบอกพวกเราว่าไม่มีอะไร

แม่หญิง : เลือดปกติ หัวใจปกติ ความดันปกติ เขาก็จะพูดอย่างนี้ตลอด

เวลาตรวจเลือด คุณยายต้องรู้แต่ไม่บอกใครหรือเปล่า?
แม่หญิง : ไม่แน่ใจว่าท่านรู้หรือไม่รู้เพราะว่าคุณหมอบอกมันเป็นแบบเฉียบพลันก็เลยไม่ทราบว่ายังไง ณ วันที่เกิดเหตุแม่โทรมาหาเราตี 5 ตอนนั้นยังไม่ได้รับ เพราะเวลาที่นี่กับที่อเมริกามันต่างกัน เราจะโทรสัก 7 โมงเช้าของที่นี่ แม่ก็บอกว่านี่ไม่ค่อยมีแรงเลย ทานน้ำแล้วน้ำกรดตัวเขา ก็ถามว่าเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาบอกว่าเป็นตั้งแต่ตี 5 ที่เขาโทร.มาหาหนูนั่นแหละ เราก็ถามต่อเขาบอกลุกขาก็ไม่มีแรง อยากเข้าห้องน้ำก็ไปไม่ได้ เราก็ถามว่าจริงหรือเปล่า เราก็บอกแม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาขอดูหน้าหน่อย เขาหยิบถือมันไม่มีแรง เขาก็เลยวางไว้กับหมอน แล้วนอนคุย เราบอกแม่นี่ล้อเล่นหรือเปล่า แม่แกล้งป่วยใช่ไหม อยากให้ลูกกลับเร็วใช่ไหม เขาก็เลยบอกคงงั้นมั้ง เขาก็พูดแบบนี้ พูดปกติ มือยังยกได้อยู่ แต่ขานี่ไม่ได้

หลังจากนั้นไปโรงพยาบาล แล้วเกิดอะไรขึ้น?
ดีเจมะตูม : พอยายไปโรงพยาบาล ยายบอกแม่ว่าอย่าบอกตูม
แม่หญิง : วันที่เราส่งรถไปรับเขา เราพยายามจะส่งจากกรุงเทพไปรับ เขาอยู่ที่สวนใช่ไหม ถ้าส่งจากกรุงเทพไปมันก็ช้า เราก็เลยต้องหาญาติที่อยู่สุพรรณก็โทรไปหาน้าสาวคนหนึ่งบอกว่าช่วยไปดูยายหน่อย ไม่ต้องพูดอะไรนะเอาไปโรงพยาบาลอย่างเดียว เขาก็ไปตามนั้น ณ ตอนนั้นเราก็คอลกับยายอยู่ตลอดเวลา แกบอกอย่าพูดมากเลย เหนื่อยกำลังจะไปละ เราก็ถามว่าจะลงบันไดยังไง เขาบอกไม่เป็นไร พอดีเรียกคนสวนมาให้อุ้มลงไป น้าก็ขับไปส่งโรงพยาบาลที่กรุงเทพก็โทร.กันตลอดทาง จนยายบอกว่าไม่ไหวแล้วถามอะไรเยอะแยะ เหนื่อยแล้ว นอนละ คือเข้าโรงพยาบาลตอนเช้าประมาณ 10 โมง พอตอนเย็นยายสั่งว่าอย่าบอกมะตูมนะ เดี๋ยวมะตูมจะทิ้งงานมาหา เราก็เลยยังไม่บอก พอผ่านไปหนึ่งคืนคุณหมอบอกคุณยาย อย่างนี้ๆ ให้น้ำเกลือแล้ว เราก็โอเคคงจะนอนพักผ่อน วันรุ่งขึ้นมีการตรวจนู้น ตรวจนี่ เราก็เลยเดี๋ยวกลัวลูกด่า
ดีเจมะตูม : คือถ้าตูมมารู้ทีหลังตูมโกรธแน่ ๆ
แม่หญิง : เขาก็โกรธ เพราะเราบอกเขาอีกวันหนึ่งเลย เพราะอเมริกาเราต้องนอนแล้วดีเจมะตูม : คือเวลามันไม่ตรงกัน ตูมแบบทำไมทิ้งไว้นาน ทำไมตูมเพิ่งรู้ว่ายายเข้าโรงพยาบาลแม่ไลน์มาบอกตูม ตูมก็โทรหายายเลย โทรนานมากกว่าจะติด แล้วยายก็รับสาย ยังใช้โทรศัพท์กันอยู่เลย ยายบอกไม่เป็นไร สบาย ไม่เป็นไรลูก ไม่ต้องมา เดี๋ยวออกแล้ว วันแรกยังคุยกับตูมแบบนี้อยู่ แต่ตูมสังเกตคือเสียงเหนื่อยไม่อยากคุยเยอะ เดี๋ยวออกแล้วเดี๋ยวโทรหา ตูมบอกแม่ แม่ใหญ่ไม่น่าเป็นห่วงนะ เขาคุยกับตูมปกติเลย

นานไหมกว่าจะรู้ว่าคุณยายเป็นลูคีเมีย?
ดีเจมะตูม : วันที่ 11 คือคุณยายเข้าโรงพยาบาลวันที่ 9 เสีย 12 คุณหมอบอกจากการตรวจเลือดน่าจะมีแนวโน้มไปทางลูคีเมีย เพราะเม็ดเลือดขาวมันแตกเยอะ หลังจากนั้นคุณแม่โทรหาตูมทันทีบอกว่าตูมไปหายาย
แม่หญิง : ตอนนั้นมันดึกที่นี่แล้ว ประมาณ ตี1 ก็โทรถามตูมทำอะไร เขาบอกทำงานอยู่ เราก็เลยบอกว่าไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ แล้วก็ไม่ได้คุยกัน เขาก็ไปจัดการ
ดีเจมะตูม : ตูมก็ไปเห็นคุณยายนอนอยู่ในห้องกักเชื้อ เป็นห้องกระจกใส ๆ มีหน้ากากอ๊อกซิเจน แล้วเหมือนมีการเจาะเท้า เพราะมือเขาถูกมัด เพราะยายชอบกระตุกสายน้ำเกลือ เห็นภาพนั้นร้องไห้เลย แบบตกใจ เพราะเมื่อวานตูมคุยกับยายการสื่อสารทางโทรศัพท์ปกติ แต่วันนี้ที่เราเห็นต่อหน้าคือคนป่วยหนัก ตูมเดินเข้าไป พอเขาเห็นจากที่ยายหลับอยู่ลืมตาขึ้นมาแล้วตะโกนว่ามาแล้วเหรอลูก หล่อ ๆ จังเลย คือตูมแต่งหน้า เพราะไปถ่ายงานมา ไปถ่ายงาน ๆ ไล่ให้ตูมไปทำงาน แต่ตอนนี้นคุณยายน่าจะเจอฤทธิ์มอร์ฟีน คุณยายจะพูดเยอะมาก ตูมก็เลยแบบหยุดพูดนะ แม่ใหญ่ฟังนะพรุ่งนี้วันแม่แล้ว แม่ไม่อยู่ แต่ตูมอยู่นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเปลี่ยนเป็นห้องพิเศษแล้วเอาลูก เอาหลานมารดน้ำดำหัวที่โรงพยาบาลเลย เดี๋ยวจัดงานวันแม่ให้ที่นี่ ปีนี้ไม่เป็นไร พักผ่อนอย่างนี้แล้วกัน เขาบอกได้ๆ พยักหน้า

มะตูมมารู้ว่าคุณยายเป็นลูคีเมียตอนไหน?
ดีเจมะตูม : หลังจากที่ตูมเจอยายเสร็จปุ๊บ ตูมไมาอยากคุยกับคุณยายเยอะ ตูมเลยออกมาคุยกับคุณหมอว่าคุณยายเป็นยังไงบ้าง คุณหมอบอกให้ตูมทำใจ ตูมตกใจมาก ทำใจอะไรครับ ผมต้องการย้ายห้องคุณยาย คุณมะตูมทำใจก่อนนะ คุณยายน่าจะมีแนวโน้มเป็นลูคีเมียระยะท้ายแล้ว แล้วหมอไม่แนะนำให้รับการรักษาคีโม 
เพราะอายุคุณยายเยอะมาก การทำคีโมคือเซลล์ทุกอย่างในร่างกาย ถ้าเกิดคุณยายหัวใจล้มเหลวจะไม่ขออนุญาตปั๊มหัวใจด้วย เพราะคุณยายอายุเยอะ ถ้าปั๊มคือกระดูกหักแน่นอน พูดง่ายๆ ภาษาชาวบ้านเหมือนเราไปนั่งเพื่อบอกว่ายายกำลังจะตายแล้วนะ แล้วไม่มีทางรักษา ตูมรู้สึกว่าทำไมเป็นตูมคนสุดท้ายที่รู้ ทุกคนก้มหน้าทราบหมดแล้ว ยอมรับสภาพแล้ว แต่ตูมกับช็อกตอนตี1 ตูมโทรไปว่าแม่แบบ
แม่หญิง : ทำไมแม่เซ็นเอกสารกันแบบนี้
ดีเจมะตูม : ทำไมถึงทำแบบนี้กับยาย ไม่ให้โอกาสเขามีชีวิตเหรอ แต่พอตูมมาฟังหมอ ตูมเลยเข้าใจหมอว่านี่คือการทำให้เขาไปอย่างสบายที่สุดก็คือการปล่อยให้เขาไปแบบธรรมชาติ แอร์ ภัณฑิลา ทำพวงมาลัยต้องสวยที่สุดนะวันแม่ปีนี้ ยายกูเข้าโรงพยาบาลกูต้องการดูแลยาย ให้ยายรู้ว่ากูอยู่เคียงข้างเขา ใครจะรู้ว่าตอนเช้าตูมต้องเอาพวงมาลัยไปให้ที่วัดแทน มันไวมากสำหรับตูม

ตูมโทรบอกแม่ตอนไหน?
ดีเจมะตูม : แม่รู้เป็นคนแรก คุณยายไปตอนเช้า คุณยายตื่นมา 7 โมงครึ่ง ขอทานข้าว เขาไม่ได้กินข้าวมา 2 วัน เขาให้อาหารทางสายน้ำเกลือ เพราะว่าเขาป่วย แต่อยู่ ๆ เขามีแรงฮึบเฮือกสุดท้ายกินข้าวจนหมดแล้วบอกพยาบาล
แม่หญิง : คุณหมอเขาจะอัดเป็นข้อความส่งมาด้วย เนี่ยคุณยายขอทานข้าวนะ แล้วคุณยายบอกเนี่ยจะต้องไปถ่ายงานเป็นห่วงงานมาก เดี๋ยวจะไปถ่ายงานกับหลาน ยังมีเสียงมาด้วย
ดีเจมะตูม : ทำให้คุณยายเขารอตูมมารับ เพราะรู้ว่าจะมาเปลี่ยนห้อง บอกว่ากินข้าวเสร็จเดี๋ยวหลานมารับนะ แต่เหนื่อย ขอนอนรอหลาน ก็เป็นการนอนแบบไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

ตอนที่คุณยายไปช่วงเวลานั้นมะตูมอยู่ด้วยไหม?
ดีเจมะตูม : คุณแม่เป็นคนโทร
แม่หญิง : คุณหมอจะส่งข้อความมาว่าคุณยายทานข้าวเสร็จแล้วทีนี้ก็หลับไปเลยนะคะ
ดีเจมะตูม : คือตูมกึ่งหลับ กึ่งตื่น แม่โทรมาหาตูมตอนประมาณ 09:30 น. คุณยายไปตอนประมาณ 09:18 น. แม่โทรมาเรียกชื่อเฉยๆ ตูมรู้เลย แล้วก็ล้มเลย ตูมรู้ว่าคำว่าตูมมันไม่ใช่ความหวัง แต่มันคือฝันสลาย วันนั้นแย่มาก ตูมเตะกระจกเย็บ 8 เข็มเลย ทุกวันนี้ยังถามตัวเองว่าทำไมถึงปล่อยตัวเองหนักขนาดนั้น ไม่ได้กินข้าว เหมือนยายตายแล้วเราตายไปด้วยเลยกับเขา มันหนักมากจริง ๆ 

มะตูมเหมือนหลอกตัวเองตลอดเวลาว่ายายยังอยู่?
ดีเจมะตูม : ยังอยู่ มันไม่ใช่เรื่องจริงสิ ตูมเพิ่งซื้อบ้าน ตูมหลอนแบบขอให้อยู่ๆ ยายฟื้นขึ้นมา มันไม่เอาสัจธรรม มันไม่เอาความเป็นจริง ชีวิตมันอยู่กัยการที่เรายึดติด รู้แหละว่าวันหนึ่งจะต้องจากไป แตาต้องไม่ใช่วันแม่แห่งชาติ และต้องไม่ใช่วันที่เราซื้อบ้านให้เจาอยู่สิ

ยายได้มาที่บ้านหลังใหม่หรือยัง?
ดีเจมะตูม : มาครั้งเดียว คือวันที่ถ่ายคลิปเซอร์ไพรส์แม่ แล้วอีกวันตามไปส่งแม่ไปสนามบิน
แม่หญิง : 20 กว่าปีเขาไม่เคยไปส่งที่สนามบิน ตอนแรกบอกไม่ต้องลงนะ เขาบอกขอลงไปด้วย ก็มีไหว้สวัสดี ก็บอกจะมาทำไมมันเป็นเวลานอนเนี่ย เขาบอกว่าขอไปส่งสักครั้ง เขาพูดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ หนูอาจไม่กลับมาหรือหนูมาอาจจะไม่เจอแม่ หรือแม่อาจจะไม่อยู่ เราก็บอกแม่พูดอะไรเนี่ย ตอนขึ้นเครื่องกลับมาร้องไห้คนเดียวไม่กินข้าว ไม่นอน
ดีเจมะตูม : แม่อยู่อเมริกา พี่กับน้องอยู่เยอรมัน ทุกคนอยู่บนเครื่องหมด วินาทีที่ยายเสียทุกคนต้องเดินทางกลับ มันทำให้คืนแรกเป็นตูมคนเดียว

ตูมมีลางสังหรณ์?
ดีเจมะตูม : 5 วันก่อนคุณยายไป ตูมไปทานข้าว ตูมจะไปกินข้าวกับยายทุก ๆ อาทิตย์อยู่แล้ว มันจะมีร้านที่ยายชอบและตูมไปกินตั้งแต่เด็ก มีเมนูที่ยายชอบมาก ทุกครั้งที่กินยายจะให้ห่อกลับ 2 ชุดเพื่อจะเก็บไว้กินวันรุ่งขึ้น แล้ววันนั้นไปกินข้าวมื้อสุดท้ายกับยาย ยายไม่ทานเยอะ เขากินนิดๆ หน่อยๆ เขาเหมือนนั่งกดโทรศัพท์คุยกับแม่ พอทานเสร็จปุ๊บตูมถามยายว่าเอากี่ชุด เขาบอกไม่เอา กินมาเยอะ พอแล้ว ตูมก็บอกเอาไปแช่ได้ไงแม่วันนี้ยังไม่ต้องกินกินพรุ่งนี้เขาบอกไม่เอา พอแล้ว กินเยอะแล้ว

ตอนนั้นเรารู้สึกอะไรไหม?
ดีเจมะตูม : ไม่รู้สึก หลาย ๆ คนตั้งคำถามว่ายายเป็นถึงลูคีเมียแล้วจากไปกะทันหันไม่มีใครรู้เลยเหรอ อย่างที่ทุกคนเห็นยายดูสุขภาพแข็งแรงจริงๆ คือเรามองไม่ออกจริง ๆ ว่าข้างในยายรู้สึกยังไง เพราะว่าการถ่ายทำคลิปทุกอย่าง วันที่ 26 กรกฎาคม ก่อนที่คุณยายจะจากไป 2 อาทิตย์เรายังไปถ่ายรายการด้วยกัน เล่น ร้องเพลงทุกอย่าง ยายตูมดูแข็งแรงมากจริง ๆ มันเลยทำให้ตูมรับไม่ได่กับการที่ยายไปไวขนาดนี้

วันที่เริ่มพิธีคุณแม่หญิงกลับมาไม่ทันรดน้ำ?
แม่หญิง : คืนแรกค่ะ มาตอนกลางคืนซึ่งงานจบแล้ว

ณ ตอนนั้นตูมจัดการทุกอย่างคนเดียว?
ดีเจมะตูม : ตูมไม่มีประสบการณ์การจัดงานศพให้ใครเลย แล้วไม่อยากทำด้วยนะคะ แต่พอมันได้ทำจริงๆ ตูมโทรหาใครก็ไม่รู้เต็มไปหมด ตูมหันไปอีกทีคือแอร์ยกดอกไม้มาทั้งสวนแล้ว พี่อั้มเอาเครื่องสำอางมา พี่มดเป็นเจ้าภาพ ตูมโขคดีที่ตูมพอมีเพื่อนพี่น้องที่พอมีประสบการณ์ตรงนี้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรา สำหรับเราการตัดงาน 7 วันนี้มันเป็น 7 วันที่เหมือนตูมถูกบังคับให้โตเลย นี่คือการเป็นผู้นำจริง ๆ แล้ว

มะตูมไม่ทานข้าว 2 วัน?
ดีเจมะตูม : 2 คืนแรกมันเหมือนเราตายทั้งเป็น ใครมาเราจำอะไรไม่ได้เลย เราได้แต่ร้องไห้ ตูมเห็นพวงมาลัยที่ตูมจะเอามาไหว้เขาวันแม่ แล้วตูมเอามาคล้องมือเขาตอนรดน้ำ 
ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ แล้วบ้านเรา เรากำลังจะมีคอนเทนต์ด้วยกัน อีก 2 เดือนจะวันเกิดยายแล้ว จะได้ไปร้องเพลงกับน้าโย่งแล้ว แล้วตูมกำลังจะออกรถให้ใหม่ คือตูมมีแพลนกับเขาเยอะมาก ทำให้ 2 วันแรก ตูมหลุดไปกับทุกอย่าง

ยายมาเตือนสติ?
ดีเจมะตูม : เตือนสติแรงมาก คือแขกมาในงานตูมหลังหลบอยู่หลังโลงแล้วร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก จนตูมลุกขึ้นมากำลังจะเปิดประตูออกซึ่งเป็นประตูข้างโลง ด้วยความรีบของเรา เราเตะประตูออกไปเราไม่รู้ว่าประตูมันล็อกอยู่ คิดว่ามันเปิดอยู่ก็เลยใช้เท้าเตะไปก่อน กระจกแตกเสียบไปที่นิ้ว เย็บ 8 เข็ม เห็นกระดูกเลย โชคดีที่วันนั้นดีเจต้นหอมอยู่เขาก็เลยตูม แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ 5 นาทีก่อนพระสวด ตูมก็เลยรีบกำนิ้วตัวเอง เอาทิชชู้ซับ เอาถุงพลาสติกคลุมไว้เลือดก็ไหล นั่งฟังพระสวดให้จบแล้วไปเย็บ ขอบคุณพี่ต้นหอมด้วยที่อาสาพาไป

ซึ่งมะตูมเชื่อว่าเป็นยายที่มาเตือนสติ?
ดีเจมะตูม : หลังวันนั้นตูมไม่ฟูมฟายเลย ตูมกินข้าวเลย ตูมได้สัจธรรมเลย เหมือนยายบอกเลยว่าเจ็บไหม เจ็บใช่ไหมนี่ไงคนที่ต้องมีชีวิตอยู่ ยังเจ็บปวดอยู่ จะมาร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนที่เขาจากไปแล้วได้ยังไง เรายังต้องเป็นคนนำอยู่แล้วแม่ล่ะ แล้วพี่ น้องแล้วแบกล่ะ ตั้งแต่วันนั้นตูมดีขึ้นมากเลย ผ่านงานมาได้ เพราะการเจ็บต้องนี้เลย หลายคนบอกว่าทำไมตูมจัดงานยายดอกไม้ขนาดนั้น ตูมมองว่ายายเสียสละเลือกที่จะเก็บว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร เพื่อไม่ให้ลูกหลานต้องเป็นภาระแล้วต้องรักษาเขา เพราะฉะนั้นเนี่ยแค่นี้มันน้อยไปด้วยซ้ำที่ตูมทำให้เขา ตูมควรทำให้ยายได้มากกว่านี้

มีเรื่องที่ติดค้างกับคุณยาย?
ดีเจมะตูม : ช่วงสุดท้ายของชีวิตคุณยาย ตูมว่าตูมทำหน้าที่ได้เท่าที่หลานคนหนึ่งจะทำได้ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าถามว่าติดค้างอะไรไหม คือตูมตั้งใจจะซื้อรถคันใหม่ให้คุณยาย เพราะว่าคุณยายเคยพูดว่า ขับมา 30 ปีแล้ว รถก็เก่า คนก็แก่เขาจะพูดอย่างนี้กับตูมตลอด จนตูมตั้งใจว่าจะเซอร์ไพรส์วันเกิดซื้อรถคันใหม่ให้ยายขับขึ้นลงสุพรรณ นี่คือสิ่งที่ตูมยังไม่ได้ทำ
แม่หญิง : ของแม่หญิงคือเงินเราจะน้อยกว่าเขา เพราะว่าคุณยายชอบมานั่งตรงริมน้ำ ตรงบ้านสวน เขาบอกว่าตรงนี้น่าจะมีแพลอยน้ำสักหน่อย แล้วก็มีหลังคา เราเลยบอกว่าโอเคเดี๋ยวกลับจากอเมริกาทำให้ แล้วอีกอันคือสวนหน้าบ้าน ซึ่งทำไปแล้ว เหลือแค่แพยังไม่ได้ทำ

อยากบอกอะไรคุณยาย?
ดีเจมะตูม : ไม่ต้องห่วงอะไร การที่ตูมกับแม่มาที่นี่ก็ต้องการให้ยายรู้ว่าเราสองคนเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว การบอกคนที่จากไปเราไม่รู้ว่าเขารับรู้ไหม แต่อยากบอกคนดูตอนนี้ว่าตูมเอาเรื่องของครอบครัวตัวเองมาตูมอยากให้ทุกคนดูแล้วได้อะไรกลับไป อยากให้เป็นวิทยาทาน อยากให้ทุกคนใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุดกับคนที่คุณรัก เพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะมาหรือเปล่า

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama