"ปันปัน เต็มฟ้า" อัปเดตหัวใจหลังประกาศโสดกลางโซเชียล พร้อมกลับมารับงาน
นักแสดง นักร้อง มากความสามารถ "ปันปัน เต็มฟ้า" ลูกสาวคนสวยของนักร้องผู้ล่วงลับ "แหวน ฐิติมา" ที่วันนี้จะขอเปิดใจจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตถึงขั้นต้องออกจากวงการบันเทิงรวมถึงการเปิดใจหลังสูญเสียครั้งใหญ่ คุณพ่อปุ๊ กรุงเกษม ไปอย่างไม่มีวันกลับ แถมยังอัปเดตสถานะหัวใจหลังเลิกรากับไฮโซหนุ่มที่คบกันมากว่า 4 ปีผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
"ปันปัน เต็มฟ้า" อัปเดตหัวใจหลังประกาศโสดกลางโซเชียล พร้อมกลับมารับงาน
เมื่อกลางปีที่ผ่านมาเพิ่งสูญเสียคุณพ่อไป ทำยังไงให้เราแข็งแกร่งขึ้นมาได้?
ปันปัน : ตอนที่เสียคุณแม่จะหนักมาก ตอนที่เสียคุณพ่อเหมือนเรามีการทำใจไว้แล้ว เหมือนเราเจอเหตุการณ์มาหนึ่งรอบแล้ว พอคุณพ่อมันจะรู้สึกใจหายมากกว่าว่าอาทิตย์ที่แล้วยังคุยกันอยู่เลย อยู่ดีๆ วันหนึ่งเขาหายไปเลย แต่ว่าในเรื่องของการใช้ชีวิตหรือดูแลตัวเอง เราค่อนข้างเซตมาแล้ว ตอนคุณแม่มันค่อนข้างฉุกละหุกแล้วเรายังเด็กมาก แต่รอบนี้รู้สึกว่าชีวิตคนเรามันก็สั้น ทำให้เรากลับมาคิดได้ว่าเราควรมีความสุขกับปัจจุบันดีที่สุด
"ปันปัน เต็มฟ้า" อัปเดตหัวใจหลังประกาศโสดกลางโซเชียล พร้อมกลับมารับงาน
ในเคสของคุณพ่อ หนูใช้เวลานานขนาดไหน?
ปันปัน : เป็นหลักเดือนนะคะ จะไม่ได้นานจนเกินไป โชคดีมีทั้งเพื่อนที่ทำงาน คนรอบตัวเรา คนที่แกรมมี่ หรือว่าผู้ใหญ่ทุกคนให้กำลังใจดีมาก
มีความรู้สึกเคว้งบ้างไหม เพราะวันหนึ่งจากคุณแม่ที่สูญเสียไปแล้วมาเป็นคุณพ่อ พอไม่เหลือใครที่เป็นเสาหลักทั้งสองคน ความรู้สึก?
ปันปัน : ตอนคุณแม่เรารู้สึกไปไม่ถูกเลย เหมือนตอนนั้นเราเพิ่งคุณแม่เยอะ คุณแม่ทำให้ทุกอย่าง เรายังเด็กมากด้วย อายุประมาณ 22 ปี เพิ่งจบมหาวิทยาลัย ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรเองสักเท่าไหร่เพิ่งเรียนจบ โอเคในการที่มาทำงานประจำ มาหาเส้นทางของตัวเอง ถือว่ายากมาก ทั้งคุณแม่ไม่อยู่ 2.ในเรื่องความสามารถที่เราไม่มี
ตอนนั้นเรามาสายไฟแนนซ์ใช่ไหม ประสบการณ์น้อยมาก สู้ตรงนั้นมันค่อนข้างยาก แต่เมื่อมันเริ่มเข้าที่แล้ว พอตอนคุณพ่อเราอาจจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ก็เลยจะง่ายขึ้น
ก่อนจากไปคุณพ่อได้สั่งเสียอะไรไหม?
ปันปัน : คุณพ่ออยากให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณพ่อเป็นคนที่สบายๆ ชอบมีความสุข แฮปปี้ รักลูก เพราะฉะนั้นอยากให้ลูกทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุขที่สุด คุณพ่อไม่ได้มีโกมาบังคับเราเยอะแยะว่าเราต้องประสบความสำเร็จที่สุดนู้น นี่นั่น แค่อยากให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะคุณพ่อช่วงหลัง ๆ ก็จะเห็นปันเริ่มทำงานมา แล้วงานเริ่มอยู่ตัว เขาก็เลยไม่ได้เป็นห่วงมาก
ระหว่างนั้นคุณพ่อก็รักษาตัวมาตลอด?
ปันปัน : ใช่ค่ะ คุณพ่อเป็นโรคหัวใจมา 10 ปี มีการทำบอลลูน 2 รอบ แล้วทานยารักษามาเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าโรคหัวใจถ้าจะเป็นมันจะเป็นฉับพลัน แล้วจะเข้าโรงพยาบาลเลย แต่ถ้าช่วงที่ไม่ได้เป็นก็จะใช้ชีวิตได้ปกติ จะมีหอบบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย
เคยรู้สึกท้อ เสียใจไหม ที่ตอนนั้นคุณแม่จากไป แล้วคุณพ่อมาป่วยอีก?
ปันปัน : ไม่นะคะ เรารู้สึกว่าเราเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากว่ามันมีคนลำบากกว่าเรา มันมีคนที่ไม่ได้มีโอกาสดี ๆ ที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนที่คุณพ่อ คุณแม่ส่งไปเรียน หรืองานในวงการบันเทิง หรืออะไรก็แล้วแต่ มันดีที่สุดแล้วเท่าที่มันจะเป็นไปได้ อย่างน้อยคุณแม่ก็ได้อยู่จนถึงเราเรียนจบไม่ได้จากไปเร็วกว่านี้ เราก็รู้สึกว่าแฮปปี้กับปัจจุบัน ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตเศร้าหรืออะไร
ณ วันนี้ท่านมาเข้าฝันหรือมีสัญญาณอะไรไหม?
ปันปัน : มีช่วงแรกเลย คุณพ่อเหมือนเดินอยู่รอบ ๆ เราแล้วก็แฮปปี้ปกติในฝันนะคะ เหมือนแบบว่าไม่ต้อลเป็นห่วงแล้ว ไม่ได้มาพูดอะไร แต่แนวให้ความมั่นใจทางใจว่าเราไม่ต้องเป็นห่วงเขา ส่วนคุณแม่ช่วงแรกๆ มี แต่ช่วงหลังๆ น้อยลงแล้ว ปันอาจจะเป็นคนที่แบบไม่ได้ฝันบ่อย แต่ในใจเราก็ระลึกถึงเสมอว่า สิ่งที่เราทำทุกอย่าง ถ้าคุณแม่อยู่ คุณแม่จะแฮปปี้
ถ้าหนูคิดถึงคุณพ่อ คุณแม่ หนูจะทำยังไง?
ปันปัน : มันก็จะมีร้องไห้บ้าง ช่วงแรก ๆ แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าหนูจะเป็นแนวเน้นพัฒนาตัวเองมากขึ้น รักตัวเอง พอเราทำแบบนี้เราจะรู้สึกว่าคุณแม่น่าจะภูมิใจนะ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
คุณแม่จากไปมันทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้าด้วยไหม?
ปันปัน : เป็นค่ะ ช่วงแรก คือมันไม่ได้เป็นซึมเศร้าว่าเคมีในสมองไม่เท่ากัน แต่มันเป็นซึมเศร้าที่ว่าเจอเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมาก ๆ กระทบจิตใจ เลยเป็นเศร้าเรื้อรัง เหมือนมันเศร้าแล้วมันไม่หายสักที แล้วมันก็เศร้าอีกๆ ผ่านเป็นเดือนๆ แล้วมันก็ยังร้องไห้ ตื่นมาก็ร้องไห้ ก็เลยได้ไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็เปลี่ยนแนวคิดใหม่ ช่วงนั้นมันยาก เพราะคุณแม่หายไปด้วย แล้วเราต้องสู้ในเรื่องหน้าที่การงาน ซึ่งเราประสบการณ์ไม่มีด้วย คุณแม่ทำให้ทุกอย่าง พอคุณแม่หายไปนี่งานในวงการไปไม่ถูกเลย ฉันต้องตื่นตี5 ขับรถไปเองเหรอ แล้วใครจะดูคิวให้ เราเลยโอเคไม่เป็นไรเราพักงานในวงการไปก่อนแล้วกัน เราเรียนจบเศรษฐศาสตร์มา เราก็ไปสายนั้นเลย
หลังจากที่คุณแม่เสียคือเหตุผลหนึ่งเลยเหรอที่ลาออกจากวงการบันเทิง?
ปันปัน : ใช่ค่ะ เพราะว่าตอนที่ปันประสบความสำเร็จในวงการ เหมือนคุณแม่ซัพพอร์ตตลอด ทั้งดูคิว คุยกับผู้ใหญ่ ปันแทบเป็นเด็กที่ไม่ต้องทำอะไรเลย คุณแม่ดูแลตลอด พอจุดนี้มันหายไป เราก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน เราไม่รู้ว่าจะไปรับงานอะไร ยิ่งมาตึกก็ยิ่งคิดถึง มันเหมือนทำใจไม่ได้
แล้วสรุปการที่คุณแม่ปูทางทั้งหมดดีหรือไม่ดี?
ปันปัน : หนูว่ามันจะทำให้ยากช่วงแรก มันมีข้อดี ข้อเสีย ก็คือว่าพอเลี้ยงลูกแบบนี้ช่วงแรกมันจะหนักเลย ลูกจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่สิ่งที่มันดีก็คือว่าคุณแม่จะะเป็นคนมีวินัย เพราะฉะนั้นเราจะความสามารถเยอะ แล้วความสามารถพวกนี้มันจะเอาไปใช้ได้ในช่วงหลัง
แสดงว่าเราได้อะไรมาจากคุณแม่เยอะมาก?
ปันปัน : เยอะค่ะ
เขารักคุณแม่มาก เขาทำงานไม่ได้เลย เดินมาตึกแกรมมี่มันเห็นภาพ?
ปันปัน : มันไม่ได้ มาตึกคือคุณแม่รู้จักทุกคน แล้วมันเคว้งเหมือนไม่รู้จะทำงานอะไร เพลงคุณแม่ก็ฟังไม่ได้ไปเป็นปีเลย มันไม่ใช่แค่เพลงคุณแม่ เพลงฝรั่งต่างๆ ที่คุณแม่ร้องเมื่อก่อน ก็ฟังไม่ได้ ก็เลยแบบงั้นเปลี่ยนภาพชีวิตของเราไปเลยแล้วกัน ไปทำอย่างอื่นเลย ไปทำในสิ่งที่มันแปลกใหม่
ใช้เวลานานไหมกว่าจะเปลี่ยนมาเป็นแบบทุกวันนี้?
ปันปัน : ผ่านมา 5-6 ปีแล้ว ตอนนี้กลับมาฟังเพลงได้แล้ว
มีครั้งหนึ่งที่คุณแม่งอนเรื่องการลงรูปคู่คืออะไร?
ปันปัน : เขาให้ความสำคัญกับเรามาก เพราะฉะนั้นเขาก็อยากได้ความรักตอบแทนจากเรา เช่น การลงรูป แบบเหมือนแฟนงอน นี่ลงรูปแต่กับเพื่อนในไอจีไม่มีแม่เลยนะ นี่แม่ลงรูปเราเยอะมาก ไม่เคยแท็กแม่เลยนะ นี่เลื่อนไปหลายแถวแล้วนะ ปันบอกอ้าว...เหรอ ก็มันไม่มีคอนเทนต์ ก็จะงอนๆ อะไรแบบนี้ พอคุณแม่งอน เราก็เออลงก็ได้ ก็ลงรูปนึง
แต่เห็นว่ามีงอนคุณแม่ถึงขั้นบ้านเกือบแตกเลย เรื่องอะไร?
ปันปัน : ก็ช่วงเริ่มมีแฟนคนแรก แล้วเหมือนคบกัน 3 คน คุณแม่คบด้วย พอปันหลับเขาก็เข้าไปดูว่าคุยอะไรกันบ้าง แล้วปันชอบคนนี้มาก ก็เลยบอกว่าจะดูไปถึงไหน บางทีคุยกันก็ไม่อยากให้แม่เห็น ปันก็แบบโมโหมาก ทะเลาะกันแบบบ้านแตก บอกแม่จะทำตัวแบบนี้ไม่ได้ หนูโตแล้วนะ แต่ก็เข้าใจแหละ ตอนนั้นหนูอายุ 16-17 เสร็จแล้วแม่ก็ดื้อเงียบไง เดี๋ยวก็มีแว๊บๆ ดูอีก แต่ก็เข้าใจว่าคุณแม่เป็นห่วง
แต่ก็ไม่ได้ห้ามถูกไหม?
ปันปัน : ไม่ได้ห้ามค่ะ แต่ก็กังวล เพราะแม่หัวโบราณไม่อยากให้ไปไหน 2 ต่อ 2 กลัวลูกเสีย ส่วนคุณพ่อจะเป็นคนที่ห้ามแบบอะไรใหญ่ๆ เช่น อย่าเข้าห้องเขา 2 คนนะ คนพ่อกับคุณแม่คนละสไตล์เลย คุณพ่อจะชิลๆ เฮฮา คุณแม่จะเขี้ยวเข็นทุกอย่างทุกเป็นระเบียบ ส่วนใหญ่ตอนเด็กๆ ด้วยความที่แม่ชอบบังคับ หนูก็เลยดูเหมือนจะรักพ่อมากกว่า ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ หนูแบบพ่อ ไม่อยากเรียนอะ หนูจะมีความสุขมากทุกครั้งที่แม่ไปทำงานต่างจังหวัดแล้วพ่อไปรับไม่เคยได้เล่นกีฬาเลย กลับบ้านตลอด ตอนเด็กๆ เราก็จะติดคุณพ่อเป็นพิเศษ
ล่าสุดหนูออกมาโพสต์ในไอจีว่าโสด เกิดอะไรขึ้น?
ปันปัน : ด้วยความที่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้สัมภาษณ์อะไรเยอะใช่ไหมค่ะ ด้วยความที่เลิกกันสักพักแล้ว หนูก็ไม่ได้ประกาศ เพื่อนก็บอกว่านี่มันไม่มีคนรู้เลยนะ แล้วหนูก็อยากมูฟออนกับชีวิตแล้ว อันนี้ก็ไม่ได้เป็นความคิดของหนูเองหรอกนะ มีการปรึกษากับเพื่อน และมีพี่ที่เคยเป็นผู้จัดการเก่าด้วย บอกว่างั้นก็ลงไปเลยแล้วกัน
หลายคนมองว่าเป็นเพราะมือที่ 3 หรือเปล่า?
ปันปัน : ไม่ใช่เลยค่ะ ต้องยอมรับว่าความรู้สึกที่เป็นเหมือนแฟนกันมันก็ห่างหายไปหลายเดือนมากๆ แล้ว แต่ว่า อาจจะมีการคุยกันเรื่องงาน เรื่องอะไรอย่างนี้ เพราะว่าทำงานคล้ายๆ กัน พอเรามาอยู่ในจุดที่เราอยากมีความสัมพันธ์ที่มันครบ ตอนนี้มันไม่ได้เหลืออะไรเรื่องการเป็นแฟน เรื่องอะไรแล้ว หนูเลยคิดว่าให้ต่างคน ต่างไปเจอคู่ที่เหมาะกับเราหรือดีกว่าดีกว่า ไม่อยากยื้อไว้
แล้วประเด็นหลักๆ มันเกิดอะไรขึ้น?
ปันปัน : หนูว่ามันจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ใส่ใจกันแล้วมันสะสม เพราะเรื่องความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หนูต้องยอมรับว่าประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่คบเขา หนูอาจจะให้ความสนใจกับงานมากเกินไป เหมือนอยากจะพัฒนาตัวเองเรื่องของงานมากเกินไป จนบางทีใส่ใจเขาน้อยไป แล้วมันสะสม แล้วพอสะสมมาเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าบางทีเราไม่ใส่ใจกัน แล้วไม่ให้ความรักกันเท่าที่ควร มันก็เลยค่อยๆ หายไป แล้วมันก็จะมีปัญหานู้นนี่นั้น เสริมเข้ามาเรื่อยๆ
มีมือที่สามหรือเปล่า?
ปันปัน : ไม่มีค่ะ
มีปรับความเข้าใจกันก่อนไหม?
ปันปัน : มีค่ะ พยายามปรับความเข้าใจประมาณ 2 รอบ หนูก็พยายามปรับตัว คุณไม่พอใจจุดนี้ เราพัฒนาตรงนี้ให้ไหม เราปรับตรงนี้นะ เราน่าเบื่อเกินไปหรือเปล่า เราสนุกขึ้นได้นะ หนูก็คิดนะ แต่มันพยายามไปก็ไม่เวิร์ก เหมือนความรู้สึกมันหายไปแล้ว
มันหมดรักแล้ว?
ปันปัน : น่าจะหมดทั้ง 2 ฝ่าย
ตอนที่ตัดสินใจเราจะเป็นเพื่อนกันใครเป็นคนบอก?
ปันปัน : เหมือนปรึกษากัน สุดท้ายเหมือนเป็นการพูดกันทั้งสองฝ่าย ตกลงกันทั้งสองฝ่ายว่าทางนี้น่าจะดีที่สุด
แล้วมันจะมีโอกาสที่จะกลับมาไหม?
ปันปัน : หนูว่าค่อนข้างยากนะคะ เพราะว่าเราได้ลองกันไป 2 รอบแล้ว มันเต็มที่แล้ว หนูรู้สึกว่าหนูพยายามมากที่สุดแล้ว ความจริงหนูเป็นคนที่ไม่เลิกอะไรง่าย ๆ หนูจะเป็นคนที่จะพยายามก่อน แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ยอมรับ มันไม่ใช่ความผิดของใคร มันก็ผิดกันทั้งคู่ หรือเป็นสิ่งที่มันไม่เข้ากันจริงๆ
พอบอกโสดค่ะ คอมเมนต์เยอะไหม?
ปันปัน : เยอะค่ะ ทุกคนรู้สึกแฮปปี้ ดีใจ
ตอนช่วงที่เราเลิกมันหนักไหม เพราะเราไม่มีคนให้ปรึกษาอย่างคุณพ่อ คุณแม่?
ปันปัน : หนูว่าด้วยความที่มันค่อย ๆ เฟดมา มันไม่ได้เป็นการเจอแบบสถานการณ์นึงแล้วมันตึ้ง โห..เจ็บ มันค่อย ๆ เฟดลงมา มันทำใจมาระดับนึงแล้ว เพราะฉะนั้นมันจะไม่ได้เศร้ามาก แต่แน่นอนแหละร้องไห้อยู่แล้ว ฟังเพลงก็ร้องไห้ นู้นนี่นั่น เราก็อยากให้มันเวิร์กนะ แต่ว่ามันไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องใช้ชีวิตต่อ ต้องเดินหน้าต่อไป
เรามีวิธีจัดการความรู้สึกตรงนี้ยังไง?
ปันปัน : หาเพื่อนดี ๆ ค่ะ อยู่กับเพื่อนดี ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ปันไปที่ทำงานมีเพื่อนที่สนิทกัน 2-3 คน ซัพพอร์ตกันตลอด คุยอะไรก็ได้ หรือเพื่อนที่อยู่กับเรา คุยกับเรารู้สึกว่ามันอิ่มใจ เราไม่ได้อยู่คนเดียว จะมีความรักครั้งใหม่หรือไม่มีก็ได้ เพราะว่าเรามีความสุขกับปัจจุบัน อยู่กับเพื่อน อยู่กับอะไรก็สามารถเติมเต็มให้เรามีความสุขได้แล้ว แล้วงานต่าง ๆ ที่เราทำ คือรักตัวเองไว้ก่อน
ตอนนี้มีคนมาจีบหรือยัง?
ปันปัน : มีบ้างค่ะ แต่ไม่เยอะ
เรามีสเปกไหม?
ปันปัน : ชอบคนเก่ง คนฉลาด คุยเรื่องที่มันมีสาระได้ แล้วก็มีความเป็นผู้นำ ที่สำคัญคือมองโลกในแง่ดี เพราะหนูว่าเวลาคบกันไปสุขภาพจิตมันสำคัญมาก คือการไม่ทำให้เครียด หรือมีปัญหาไรแล้วสามารถทำปัญหาเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็กมันจะไปกันได้นาน
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama