รีวิวหนัง "Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์" รับหน้าที่ปิดจักรวาลแบบ Back to Basic
อยู่ ๆ ก็กลายมาเป็นหนังที่ทำหน้าที่ปิดจักรวาลวายร้ายของไอ้แมงมุมไปโดยปริยาย หลังจากที่สตูดิโอหนังตัดสินใจยุบแผนโปรเจกต์ต่าง ๆ ลงทั้งหมด เพื่อหันไปโฟกัสกับหนังไอ้แมงมุมเรื่องหลักแทน การมาของ "Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์" จึงเป็นทั้งความตื่นเต้นและความกดดันที่ได้รับตำแหน่งปิดตำนานแบบปุบปบ กับจักรวาลหนังที่เชื่อว่าอีกหน่อยก็คงจะถูกลืมเลือนไป
จุดเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ทางสายใยที่แสนซับซ้อนระหว่างพ่อลูกตระกูลเครเวนนอฟ ที่ได้แปลงเปลี่ยนโชตชะตาของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง นำมาสู่เส้นทางแห่งการชำระแค้นที่นำสู่ผลลัพธ์ที่โหดร้ายเกินกว่าจะคาดคิด แต่มันกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขา เซอร์เก เครเวนนอฟเติบใหญ่มาเป็นนักล่าที่แข็งแกร่ง แต่ก็แฝงด้วยพละกำลังและสัญชาตญาณที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในโลกอีกด้วย
"เจ.ซี. แชนดอร์" ผู้กำกับฝีมือดีที่เคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์กับผลงานแจ้งเกิด แต่เขาก็หายไปเลยกับช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา กลับมาครั้งนี้ก็ได้หยิบจับสร้างหนังแอนตี้ฮีโร่ที่น่าจะเป็นงานท้าทายสำหรับเขาไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาเขามักจะถนัดสร้างหนังแนวระทึกขวัญเนื้อหาคม ๆ มากกว่า แต่เมื่อต้องมาจับงานสร้างงานจากคอมิกส์ ก็นับว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่และแตกต่างจากงานก่อน ๆ ของเขาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
Kraven the Hunter ถือเป็นการระดมทีมปั้นบทกันไม่ธรรมดาเลย เพราะได้นักสร้างหนังรุ่นใหญ่ "ริชาร์ด เว็งค์" จากหนังไตรภาค The Equalizer มาสังเขปสตอรี่และเนื้อหาของบท โดยที่มี "แมตต์ ฮอลโลเวย์" กับ "อาร์ต มาร์คัม" คู่หูมือเขียนบทจากหนัง Iron Man และ Uncharted มาช่วยตบ ๆ และขัดเกลาบทให้อีกครั้ง ที่กลายออกมาเป็นบทหนังที่เชยสะบัด แม้ว่าจะพยายามสร้างความหนักแน่นและแข็งแกร่งเอาไว้ในโครงสร้างแล้วมากมาย แต่ไม่เกิดประสิทธิผลใด ๆ
ปัญหาหลักของหนังเรื่องนี้เริ่มต้นที่กระดุมเม็ดแรกเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่คาแรกเตอร์ คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์ อาจจะไม่ได้ทรงพลังถึงขนาดแผ่ขยายชีวิตของเขาออกมาขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่าทีมผู้สร้างพยายามบิ้วท์ตัวละครนี้ด้วยปณิธานที่ดี แต่กลับกลายเป็นคอนเทนท์ที่ค่อนข้างจืดชืดสำหรับในยุคนี้ ยุคนี้เต็มไปด้วยการแข่งขันสูงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในหมวดหนังฮีโร่ ที่อยู่ในช่วงขาตกต่ำอยู่ด้วยซ้ำ เพราะหากว่าเป็นหนังแนวฮีโร่ที่ตอบโจทย์คนดูแค่นิดเดียว ก็หมายถึงหายนะได้เลย
บทหนังและวิธีการเล่าเรื่องของ Kraven the Hunter จึงราวกับว่าพาย้อนกลับไปนั่งดูหนังเมื่อสัก 20 ปีก่อน ช่วงยุคปี 2000s ต้น ๆ ที่จักรวาลมาร์เวลยังไม่เป็นตัวอ่อนเลยด้วยซ้ำ เป็นยุคที่ฮอลลีวูดพยายามดันสร้างหนังฮีโร่ออกมาแบบตามมีตามเกิด หยิบตัวละครนั่นนี่มาวางมาดวาดลวดลายการต่อสู้ของแต่ละคนที่เอกเขนกกันไป ที่ยังเป็นหนังฮีโร่ที่ล่องลอย ไม่มีหลักแหล่งความมั่นคง ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้พาเรากลับไปสู่พื้นฐานอะไรแบบนั้นในตอนนั้นเลย
ในแง่มาตรฐานงานสร้างใน Kraven the Hunter ก็คือว่าผู้กำกับทุ่มเทและโชว์วิสัยทัศน์ในการปั้นความปังในระดับหนังฮีโร่ที่ควรจะมีอยู่ มันยังพบเห็นฉากต่อสู้ตระการตาแบบเด็ด ๆ อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าปริมาณของมันจะค่อนข้างไม่สะใจไม่สักหน่อย เพราะกลายเป็นว่าหนังความยาว 2 ชั่วโมงเรื่อง ค่อนข้างเสียงเวลาไปกับการปูเรื่องราวที่ไปเรื่อย ๆ แข็งบ้าง อ่อนบ้าง ปะปนกันไป แต่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยน้ำมากกว่าเนื้อ กลายเป็นหนังฮีโร่อีกเรื่องที่ค่อนข้างขาดสมดุลไปเสียเยอะ
ขณะที่ทีมนักแสดงที่หมายมั่นว่าน่าจะมาเป็นแกนหลักในการช่วยผลักดันและประคับประคองหนังเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็อาจจะไม่สามารถพูดแบบนั้นได้เต็มปาก เพราะเอาเข้าจริง ๆ "แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน" ก็น่าจะเป็นแค่นักแสดงคนเดียวที่แบกหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้แบบกึ่งมีสติครบถ้วนอยู่ลำพัง เพราะบทหนังเขียนมาเพื่อเน้นในพาร์ทคาแรกเตอร์ของเขาโดยเฉพาะ จึงทำให้โดดเด่นได้ดี ถึงท่วงท่าของเขาจะแอคติ้งแบบเท่ ๆ อารมณ์เหมือนถ่ายแบบอยู่บ่อย ๆ ก็ตามที
นักแสดงรางวัลออสการ์ อย่าง "อารีอานา เดอโบส" กับ "รัสเซลล์ โครว์" ที่เป็นการหยอดใส่เข้ามาแบบไม่เต็มประสิทธิภาพ ทั้งที่พวกเขามีศักยภาพได้มากกว่านี้ ด้วยบทที่อาจจะถ่ายทอดและสร้างมิติให้ตัวละครของพวกเขายังไม่หนักแน่นเพียงพอ กลายเป็นว่าซีนของพวกเขาถ่ายทอดได้เต็มที่ แต่กลับไร้ซึ่งพลังและไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่เลย
ประกอบกับแคสติ้งนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็จัดได้ว่าค่อนข้างไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ไม่ว่าจะเป็น "อเลสซานโดร นิโวลา" ในบท เดอะ ริโน หรือจะเป็น "คริสโตเฟอร์ แอบบอตต์" สวมวิญญาณเป็น เดอะ ฟอร์อิเนอร์ ตัวละครของพวกเขาน่าสนใจมาก แต่กลับถูกใส่เอาไว้ไม่ต่างกับตัวประกอบ ไร้มิติ ไร้การพัฒนา จนกลายเป็นบทที่น่าหยุมหัวให้จบไปเร็ว ๆ และ "เฟรด เฮชิงเกอร์" ท้ายที่สุดก็ท่าดีทีเลว เพราะส่งต่อบทไปดียังไง การแสดงของเขาก็ยังแบกบทบาทนี้เอาไว้ได้ไม่ถึง
ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้ว โซนี่ พิคเจอร์ส เจ้าของจักรวาลหนังแห่งนี้ก็น่าจะทราบถึงคำตอบนั้นดี ถึงได้ตัดสินใจไม่ดันทุรังไปต่อกับจักรวาลแห่งนี้ เพราะผลลัพธ์ของ Kraven the Hunter ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าและอาการค่อนข้างฝืนอยู่พอตัวที่จะเดินหมากไปต่อ มันอาจจะไม่ใช่หนังที่ย่ำแย่อะไร เพียงแต่ว่าตลอดทศวรรษที่ผ่านมา หนังฮีโร่ถูกสร้างออกมาเยอะแยะ เกิดมาตรฐานใหม่ ๆ เกิดมากมาย เมื่อหนังกลับไปใช้สูตรเก่าแบบในอดีตอีกครั้ง ถึงมันจะเป็นหนังที่ดูได้สนุกแบบเพลิน ๆ แต่ก็ดันกลายเป็นคอนเทนท์ที่หาจุดพัฒนาการใด ๆ ไม่ได้เลยเหมือนกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์
- ประเภท: แอคชัน / ผจญภัย / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: เจ.ซี. แชนดอร์
- นำแสดงโดย: แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน, รัสเซลล์ โครว์, อารีอานา เดอโบส, เฟรด เฮชิงเกอร์
- ความยาว: 127 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 25 ธันวาคม 2024
Movie.TrueID METRIC: Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.3/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.5/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.4/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.1/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5.5/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa