รีเซต

เปิดชีวิต "บุ๋ม ปนัดดา" เปลี่ยนไปเพราะมงลง เคยโดนขู่ ถึงขั้นต้องพกอาวุธ

เปิดชีวิต "บุ๋ม ปนัดดา" เปลี่ยนไปเพราะมงลง เคยโดนขู่ ถึงขั้นต้องพกอาวุธ
EntertainmentReport3
2 มิถุนายน 2567 ( 08:58 )
73

เปิดชีวิตของ "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" อดีตนางสาวไทยปี 2543 กับชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังได้รับตำแหน่ง ซึ่งในปัจจุบันเป็นคุณแม่สุดแซ่บ และยังได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม จนเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของสังคมเลยทีเดียว ล่าสุด บุ๋ม มานั่งเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองในรายการ "Level Up" ที่ออนแอร์ทางช่องยูทูบ Thairath Online Originals ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 น. ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดใจเล่าแบบหมดเปลือกถึงชีวิตในแต่ละช่วงวัย โดยเฉพาะชีวิตหลังจากได้รับมงกุฎนางสาวไทย เผยว่า หลังจากที่ประกวดนางสาวไทยปี 2543 แล้วได้มงกุฎในปีนี้ ชีวิตเปลี่ยนทันที จากอิสระกลายเป็นทุกก้าวมีคนจ้องมอง เข้าไปทำงานเพื่อสังคมองค์กร ตั้งแต่วันแรกที่ได้มงกุฎ เพราะเราได้พูดไว้บนเวทีว่าอยากใช้เวทีนี้ทำงานเพื่อสังคม ก็เลยได้ทำมาตลอดตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

เปิดชีวิต "บุ๋ม ปนัดดา" เปลี่ยนไปเพราะมงลง โดนขู่ถึงขั้นต้องพกอาวุธ

จากนั้น 4 ปี ก็แต่งงาน ?
บุ๋ม ปนัดดา : ค่ะ เรื่องของเรื่องคือ อยากมีลูกก่อน 30 เพราะเขาบอกว่าจะมีลูกฉลาด ไข่ของผู้หญิงจะต้องอายุไม่เกิน 30 เราเลยตั้งเป้าไว้เราอยากได้ลูกที่ฉลาด

แล้วไปเจออดีตสามีได้อย่างไร ?
บุ๋ม ปนัดดา : เป็นคลาสเรียนของกองทัพเรือค่ะ เขาเรียกว่าพัฒนาความสัมพันธ์ของระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 1 ซึ่งคลาสเรียนนี้จริง ๆ ต้องมีอายุ 45+ แต่ของบุ๋มบังเอิญรู้จักกองทัพเรือจากการแข่งขันแข่งเรือใบ ส่วนของคุณวี (อดีตสามี) เป็นตัวแทนคุณลุงคุณน้ามาจากครอบครัวเขา ก็เลยมาเรียน แล้วกลายเป็นเด็กสองคนที่อยู่ในนั้น ก็เลยโดนรุ่นพี่จับคู่ให้

ชอบกันไหม ?
บุ๋ม ปนัดดา : ชอบค่ะ เขาเป็นคนที่หล่อ นิสัยดี เรียบร้อย ตรงสเปกเลย ก็เลยแต่งงาน รู้จักกันมาประมาณปีนึงก็แต่งงาน ได้ตามเป้าที่เราตั้งไว้เลย คือได้ลูกสาว น้องอันดามัน

เป็นยังไงภาพไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ?
บุ๋ม ปนัดดา : อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้รู้จักศึกษากันมากนัก เอางี้ ครอบครัวคนจีนมาก ๆ ไม่ได้ชอบดารา เราเข้าใจเขานะ เขารักครอบครัว เป็นเรื่องที่ดี เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เราต้องเดินออกมา แต่ตอนนั้นเป็นการที่หนักมาก เพราะนางงามสักคนจะเลิกกับผัวนี่เป็นเรื่องใหญ่ในยุคนั้นด้วย และทุกคนก็ตัดสินว่าบุ๋มเป็นคนผิด ด้วยความที่เราดูเป็นผู้หญิงมั่นใจ มีป้าคนนึงเดินมาจับแขนเรา แล้วบอกว่า หนูใช่ไหมที่เป็นนางสาวไทย หนูใช่ไหมที่เลิกกับผัว หนูต้องลดทิฐิตัวเองลงนะ ซึ่งป้ายังไม่รู้ความจริงเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงตัดสินเราไปแล้ว (ป้าดูเป็นห่วงไปแล้ว ?) เออป้าดูเสือก (ยิ้ม) แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรป้า

ตอนนั้นโดนกระแสอะไรไหม ?
บุ๋ม ปนัดดา : เยอะ คำว่าชินคงไม่มีใครชินกับเรื่องแย่ ๆ หรอก แต่เหมือนต้องทนให้ได้ ยิ่งตอนเลิกกับสามี หมายถึงว่าเราต้องรับผิดชอบลูกเต็ม ๆ งานในวงการขึ้นอยู่กับชื่อแล้วก็เสียงในช่วงนั้น ขึ้น ๆ และลงตลอด เราก็เลยต้องทนกับมัน ทนกับข่าว ทนกับการเขียนข่าวเลว ๆ ของนักข่าวบางคน ที่บางทีอยากได้เรา

เลเวลถัดมา ก็น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เหมือนกัน ที่ทำให้คนรู้จักในฐานะคนที่ช่วยเหลือสังคมจริง ๆ กับเคสน้องแก้ม ?
บุ๋ม ปนัดดา : ปี 2557 ค่ะ เคสของน้องแก้ม ที่โดนพนักงานรถไฟข่มขืน แล้วก็โยนร่างน้องออกมา มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดกันทั่วทั้งประเทศไม่ใช่แค่เราคนเดียว ตอนนั้นน้องอันดา 9 ขวบ เราก็เลยหันไปมองน้อง อะไรคือสิ่งที่ทำให้รับประกันได้ว่าเด็กคนนี้จะปลอดภัยต่อไปในอนาคต เราก็เลยรู้สึกว่าต้องทำอะไรแล้ว เพื่ออนาคตของเด็ก ๆ ก็เลยหันมาดูกฎหมายจริงจัง ศึกษาจริงจัง กฎหมายผู้หญิงไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงมา 30 กว่าปี มีผู้หญิงหลายคนที่พยายามทำมาก่อนหน้านั้นแต่มันไม่สำเร็จ ไม่ใช่พี่คนแรก รวมถึงภาพ ข่มขืน = ประหาร ซึ่งจริง ๆ แล้ว คำนี้มันไม่ได้มาจากพี่ มาจากโซเชียล เพราะทุกคนทนไม่ไหวกับเคสแบบนี้ ซึ่งกฎหมายเมื่อตอนปี 57 จำคุก 4-20 ปี ปรับ 8,000-40,000 บาท ถ้าสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง แล้วชีวิตของผู้หญิงที่เปลี่ยนไปทั้งชีวิต มันแค่นั้นเหรอ จนกระทั่งเราได้รายชื่อแล้วเราไปยื่นที่สภา ตอนนั้นเป็นยุคของการรัฐประหาร มันก็เลยยื่นง่าย ทุกอย่างเลยผ่านเร็วมาก ก็เลยเปลี่ยนจาก 8,000-40,000 เป็น 80,000-400,000 บาท แต่โทษจำคุกยังเหมือนเดิม เคยเจอเคสนึงเด็กเจอพ่อเลี้ยงข่มขืน แป๊บเดียวมันออกมามันจะจับขาเด็กลากลงเก้าอี้อีก เราต้องเอาเด็กหนีไปอยู่กับครูที่อื่น เราก็เลยเอาใหม่ นักโทษข่มขืนห้ามมีพระราชทานอภัยโทษ เท่านั้นแหละโดนด่าก้าวล่วงพระราชอำนาจ พอปี 58 เราได้เปลี่ยนโทษจะมีนักโทษข่มขืน 5 ประเภท ที่ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งถือว่าเราทำสำเร็จ การจับผู้ร้ายหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องง่าย และการช่วยเหลือหนึ่งคนไม่ได้ว่าเราจะเป็นนางฟ้า กลายเป็นนางมารของอีก 10 คน เพราะญาติของคนร้ายเกลียดเรา ไปช่วยเคสนึง เป็นคุณลุงอายุ 50 ข่มขืนหลานอายุ 4 ขวบ แต่ญาติเกลียดเราทั้งหมด เพราะบอกว่าลุงเป็นคนดี หาเลี้ยงครอบครัว มีเคสนึงที่มาของลูกบุญธรรม พ่อข่มขืนลูก เราเอาพ่อเขาเข้าคุก แล้วกลายเป็นเด็กสองคนนั่งมองหน้าเราในห้อง เราก็เลยเลี้ยงดูเขาต่อ เพราะว่าไม่มีคนดูแล

เคยได้ยินว่าไปช่วยที่ไหน ถึงขั้นโดนโดนขู่ฆ่า ?
บุ๋ม ปนัดดา : อันนั้นไปสร้างโรงเรียนที่นราธิวาส เป็นโรงเรียนพิเศษที่เอาเด็กหัวกะทิ เพื่อไม่ให้เขาไปรับทุนหรือไปเข้ากลุ่มกับผู้ที่ก่อความไม่สงบ เราต้องดึงเด็กหัวกะทิกลับมา ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจ แต่ก่อนยังไม่มีสนามบินนราธิวาส พี่ต้องลงหาดใหญ่แล้วก็นั่งรถเข้าไป ถ้าทหารก็จะเอาปืน 9 มม. เสียบไว้หน้าเบาะ แล้วบอกว่า นี่ของคุณบุ๋มนะครับ ซึ่งคำนี้ไม่ใช่ว่าถ้ามันมาแล้วดิฉันจะยิงสู้นะคะ เพราะมันมาด้วย M16 สู้ยังไงก็สู้ไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือห้ามโดนจับเป็นตัวประกัน ต้องยิงตัวเองให้ตาย

ตอนที่เขาบอกว่ากระบอกนี้ของคุณบุ๋มนะ ลังเลอะไรไหม ?
บุ๋ม ปนัดดา : ไม่ ตัดสินใจทำแล้วต้องทำให้สำเร็จ กะว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ก็บาย ซึ่งลูกเราก็รู้ เราบอกเขาว่า วันนึงแม่ก็ต้องตาย จะแก่ตาย จะตายแบบสายระโยงระยาง หรือจะตายอย่างภาคภูมิ แม่เลือกอันหลังนะลูกนะ ให้หนูเข้าใจแม่ด้วย ไม่รู้สิ ชีวิตหนึ่งมันก็แค่นี้ พี่อายุก็จะ 50 แล้ว ทำไมต้องใช้ชีวิตอย่างที่คนอื่นอยากจะให้เป็น แต่ฉันไม่มีความสุขในสิ่งที่ฉันอยากเป็น ชื่อเสียงมันอยู่ได้ไม่นาน พี่มีชื่อเสียงมาขนาดนี้พี่ว่าบุญมากแล้ว จากที่พี่ได้ตำแหน่งมา

ติดตามผลงานล่าสุดของ "บุ๋ม ปนัดดา" ซีรีส์ "LAW-LESS ทนาย-เดือด" ได้บนทรูไอดี 

 

อ่าน ข่าวบันเทิงวันนี้ ที่เกี่ยวข้อง :