รีเซต

"ลีน่า ลลินา" เผยเส้นทางชีวิตในวงการ 10 ปี เคยท้อ ส่วนเรื่องรักไม่ปิดกั้นเรื่องเพศ!

"ลีน่า ลลินา" เผยเส้นทางชีวิตในวงการ 10 ปี เคยท้อ ส่วนเรื่องรักไม่ปิดกั้นเรื่องเพศ!
EntertainmentReport2
5 กุมภาพันธ์ 2568 ( 11:40 )
38

นักแสดงสาวสวยที่มาแรงในตอนนี้  "ลีน่า ลลินา" วันนี้จะมาเปิดใจเรื่องราวชีวิตตลอด 10 ปี ที่อยู่ในวงการบันเทิง จากเด็กสาวเมืองเชียงใหม่ เข้ามาแคสงานในกรุงเทพ เคยท้อ อยากยอมแพ้ จนวันนี้กลายมาเป็นนักแสดงสาวสวยมากความสามารถ ที่กำลังมาแรงสุดๆ พร้อมเล่าความฝันเจ้าที่ที่บ้านสั่งให้ไล่แม่บ้านออก รวมถึงเรื่องหัวใจที่เธอยอมรับแบบตรงๆ ว่า เคยมีผู้หญิงมาจีบ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย และ เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

"ลีน่า ลลินา" เผยเส้นทางชีวิตในวงการ 10 ปี เคยท้อ ส่วนเรื่องรักไม่ปิดกั้นเรื่องเพศ!

 

จุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิงคืออะไร ?

ลีน่า : ย้อนไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตอนหนูอยู่ประมาณ ม.2 เกรด 8 เดินอยู่ที่โรงเรียนที่เชียงใหม่ หนูเป็นเด็กเชียงใหม่ เกิดและโตที่เชียงใหม่ แล้วก็มีแมวมองไปเจอเราที่เชียงใหม่ เขาก็เดินเข้ามาถามว่าสนใจไปแคสงานการแสดง งานละครไหม 

เป็นแมวมองชื่อดังไหม ?

ลีน่า : ไม่แน่ใจ ตอนนั้นหนูไม่รู้จักเขา

ตอนนั้นกลัวไหมว่าจะมาหลอกหรือเปล่า?

ลีน่า : ไม่กลัวนะคะ รู้สึกว่าน่าสนใจดี หนูเป็นเด็กที่ว่าถ้าโอกาสไหนเข้ามาหนูไม่ค่อยปฏิเสธ ก็คิดว่าน่าสนใจ น่าลองจังเลย

แล้วมีความคิดที่อยากจะเข้าวงการอยู่แล้วไหม ?

ลีน่า : ไม่เคยเลยค่ะ ไม่เคยมีความคิดว่าตัวเองอยากเป็นดารา คิดว่าตัวเองไม่สวยด้วยซ้ำ แต่จำได้ว่าเวลาไปเดินตลาด แม่ค้าชอบบอกว่าไปประกวดนางงามสิ หน้าได้ แต่หนูไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยจะเป็นดาราได้

น้องบอกไม่มีความคิดอยากจะเข้าวงการ แบบนี้ตัดสินใจนานไหมกว่าจะมาแคสงาน?

ลีน่า  : หนูก็ลองดู เพราะว่าโอกาสเข้ามาแล้ว ก็บินมากรุงเทพกับคุณแม่ แล้วก็ได้มาแคสจริงๆ รู้สึกว่าท้าทายดี แล้วปรากฏว่าแคสได้ด้วย ก็เลยเฮ้ย…หรือว่าเราจะมาทางนี้เลยดีไหม

งานชิ้นแรกที่แคสคืออะไร ?

ลีน่า : เป็นงานละคร และเป็นละครที่หนูเคยดูตั้งแต่เด็กๆ ด้วย แล้วเล่นเป็นบทนางเอก

พอแคสแล้วได้เลยเป็นยังไงบ้าง ?

ลีน่า : ก็ตื่นเต้นนะคะ เราไม่คิดว่าจะทำมันได้ เราแค่รู้สึกว่ามีโอกาสเข้ามาก็ลองดู

ตอนนั้นเห็นว่าแคสได้ทั้ง 2 ที่ 2 ช่อง?

ลีน่า : ใช่ค่ะ แต่ก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าเราจะต้องอยู่ที่นี่อะไรทำนองนั้น ก็เลยเลือกที่นั่น

 

พอได้งานแล้วจากเชียงใหม่มากรุงเทพ ทำยังไงย้ายบ้านเลยไหม?

ลีน่า : คือครอบครัวหนูมี 4 คน แล้วก่อนที่จะมีแมวมองมาจะย้ายไปต่างประเทศทั้งครอบครัวแล้ว เพราะเหมือนพี่สาวต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็เลยมีแพลนว่าจะย้ายไปทั้งครอบครัวเลย ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นเลย แต่ว่ามีโอกาสนี้เข้ามาก็เลยย้ายมากับคุณแม่ 2 คนที่กรุงเทพ ส่วนพี่สาวก็ไปเรียนต่อที่แคนาดา ก็เหมือนแยกทางกันประมาณนึง

พอเราเลือกวงการบันเทิงย้ายมาเลยไหม ?

ลีน่า : ย้ายมาเลยค่ะ พอเราเซ็นสัญญาปุ๊บ เราก็ย้ายมาเลย แล้วก็มาหาโรงเรียนที่นี่

การปรับตัวเป็นยังไงบ้าง ?

ลีน่า : หนูรู้สึกว่าพอเรามาตั้งแต่ยังเด็ก การปรับตัวมันไม่ยากมาก เพราะว่าเรายังพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา อาจจะมีแค่ว่า จากเมืองเล็กๆ ที่เราไม่ต้องระแวงอะไร แล้วเรารู้ทุกซอก ทุกมุม ของจังหวัดเชียงใหม่ พอมากรุงเทพฯมันเหมือนเป็นที่แปลกใหม่สำหรับเรา เราไม่ได้รู้ถนนนี้ สถานที่นี้ หรือความอันตรายของเมืองใหญ่ คุณแม่ก็ค่อนข้างเป็นห่วง จะอยู่อยู่กับเราตลอดเวลา

แล้วเรื่องเพื่อนพอย้ายมาแล้วคิดถึงไหม ?

ลีน่า : มีค่ะตอนหนูย้ายมาแล้ว หนูก็มีบินกลับเชียงใหม่บ่อยๆ ไปเจอเพื่อน เจอคุณพ่อ เจอครอบครัวปกติอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ายากที่เราตัดสินใจมา

เป็นยังไงบ้างทีนี้ทั้งเรียนและทำงานไปด้วย ?

ลีน่า : ตอนนั้นมากรุงเทพฯ ก็คือขึ้น ม.3 แล้วเป็นช่วงที่เรามูฟไปไฮสคูล แล้วตอนนั้นถ่ายละคร 2 เรื่อง คือ 7 วันการละคร ก็เลยรู้สึกว่า เอ๊ะ… หรือว่าเราจะเปลี่ยนเป้าหมาย แบบโฟกัสที่การเข้ามหาวิทยาลัยเลย หมายความว่าออกจากโรงเรียนแล้วมาสอบเทียบ และหลังจากนั้นก็ติวเพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเลยดีกว่าไหม ก็เลยเป็นการตัดสินใจ เรียนจบม.3 ก็ออกจากโรงเรียน แล้วก็มาสอบเทียบ เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นมีเป้าหมายว่าต้องเข้าจุฬาให้ได้ ตอนนั้นบอกแม่เลยถ้าหนูสอบไม่ติดจุฬา หนูจะไม่เรียนหนังสือเลย

สรุปได้เข้าจุฬาสำเร็จไหม ?

ลีน่า : ได้เข้าค่ะ เรียนจบแล้วค่ะ แต่เราก็เสียดายที่ไม่ได้มีชีวิตในไฮสคูลนะคะ แต่เหมือนชีวิตเรามาทางนี้แล้ว ก็เต็มที่กับมัน

มันยากไหมกับการที่เราถ่ายละคร 2 เรื่อง แล้วเตรียมตัวสอบเทียบเข้านิเทศ จุฬา?

ลีน่า : หนูรู้สึกว่ามีพี่ดาราที่เป็นนางเอกดังเขาทำได้ เรารู้สึกว่าขนาดเราไม่ได้ดังเท่าเขา เราก็ต้องทำได้สิ หนูว่ามันไม่มีอะไรที่ยากเกิน ถ้าเรามีความพยายามมากเพียงพอ เลยรู้สึกว่ายังไงเราก็ต้องทำให้ได้ คิดแค่นั้นเลย

 

ขอบคุณคลิปจากรายการ คุยแซ่บShow

ตอนที่เข้าเรียน ปี1 อายุเท่าไหร่?

ลีน่า : อายุ 18 ตามเกณฑ์เลย คือหนูมีความฝันว่าอยากเป็นดัมเมเยอร์ของจุฬา แล้วพี่ภัทร ฉัตรบริรักษ์ หนูเคยเล่นละครกับเขา เขาบอกว่าลีน่าสอบเข้าจุฬาให้ได้นะ แล้วเป็นจุฬาคฑากรให้ได้ พอเข้าปี1 ก็สมัครเลยแล้วกัน แล้วก็ได้ตามที่หวังไว้

ทำหลายอย่างแบบนี้แบ่งเวลายังไง ?

ลีน่า : คือเราต้องจัดการเวลาเก่งมากเลย เพราะว่าเราเรียน 8 โมง - 4 โมง แล้วเราต้องซ้อม 5 โมงเย็นเป๊ะ จนถึงประมาณเที่ยงคืนทุกวัน เป็นเวลา 4 เดือน เพราะเราทำกันเป็นหมู่คณะ 8 คน แล้วทุกอย่างต้องพร้อมเพรียงกันมากๆ เพราะฉะนั้นเราต้องใช้เวลาทำให้ทุกอย่างมันพร้อมกัน

ทราบมาว่าซ้อมหนักจนน้องท้อ ?

ลีน่า : ใช่ค่ะ คือหนูไม่เคยซ้อมอะไรหนักขนาดนี้ งานละครก็ไม่หนักเท่านี้ แต่ว่ามันเป็นการฝึกอีกมุมนึงในชีวิตเรา

ได้อะไรจากการที่ซ้อมหนักจนท้อ แล้วนำไปปรับใช้ในชีวิตตัวเอง?

ลีน่า : เราได้เพื่อนที่เป็นมิตรภาพที่ดีมากๆ ที่ทุกวันนี้ก็ยังคบกัน รักกันมากๆ เพราะว่าพวกเราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่การควงคฑาเฉยๆ แต่มันเป็นความรู้สึกทางใจ และความสัมพันธ์ที่เราได้จากคนรอบข้างในกลุ่มเพื่อนเราด้วย

ตอนนี้เท่ากับเราอยู่ในวงการบันเทิงมากี่ปีแล้ว?

ลีน่า : 10 ปีค่ะ เพราะตอนนี้หนูอายุ 25 

ตลอดเวลา 10 ปี มีบทบาทอะไรที่ผู้ใหญ่เสนอมาเราก็ไม่เคยปฏิเสธเลย?

ลีน่า : ใช่ค่ะ อย่างที่บอกหนูรู้สึกว่าไม่ว่าโอกาสไหนที่เข้ามามันมีผลกับชีวิตเราเสมอ ไม่ว่าโอกาสจะเล็ก จะใหญ่ มันก็ทำให้เราได้พัฒนาอะไรสักอย่างในตัวเอง ก็เลยไม่เคยปฏิเสธสักบท

แล้วในเรื่องของความรู้สึก มีในแง่บวก หรือแง่ลบอะไรไหมในวงการบันเทิง?

ลีน่า : อาจจะมีบ้างที่เรารู้สึกว่า หรือตรงนี้อาจจะไม่ใช่ที่ของเรา หรือว่าเราจะไม่เหมาะกับวงการบันเทิง

อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น ?

ลีน่า : อาจจะด้วยระยะเวลาด้วย

ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตอนที่เราทำงานในวงการมากี่ปี ?

ลีน่า  : ก็หลังเรียนจบมหาลัย ก่อนเข้ามหาลัยหรือช่วงมหาลัยหนูรู้สึกว่าทำไปเรื่อยๆ เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เราต้องโฟกัสจุดใดจุดนึง แต่พอเรียนจบก็มานั่งคิดทบทวนกับตัวเอง หรือว่าเราจะไปเวอื่นดี เพราะว่าตอนที่เรียนก็มีอะไรหลายอย่างเข้ามาในหัว แล้วรู้สึกว่าเราสนใจ เช่น การทำธุรกิจ หรือการไปเรียนต่อต่างประเทศ

แล้วเราผ่านโมเมนต์นั้นมายังไง ?

ลีน่า : หนูรู้สึกว่าทุกคนน่าจะมีเวลาเป็นของตัวเอง หนูคิดไว้เสมอว่ามันยังถึงเวลาของเรา ก็มีความเชื่อเสมอว่าสักวันต้องเป็นวันของเราสิ แต่มันก็มีท้ออยู่เรื่อยๆ หรือว่าเราไม่เหมาะกับตรงนี้ หรือว่าหน้าเราไม่ขึ้นกล้อง 

ทุกวันนี้ความท้อนั้นยังอยู่หรือเปล่า ?

ลีน่า : ก็ไม่แล้วค่ะ ก็อาจจะด้วยงานที่เข้ามาเรื่อยๆ ก็คิดว่าลองฮึบสู้อีกรอบหนึ่ง อาจถึงเวลาของเราแล้วหรือเปล่า

คุณแม่ให้กำลังใจยังไงบ้าง ?

ลีน่า : คุณแม่ให้เราตัดสินใจเอง ถ้าอยากอยู่ก็อยู่ แต่ถ้าอยากทำอย่างอื่นก็ลองหาวิธีดู เขาไม่ได้บังคับว่าจะต้องอยู่นะ หรือจะต้องไปนะ เขาให้อิสระในความคิดเรา

การเป็นดาว TikTok เพื่อไปสานต่อวงการนี้หรือเปล่า?

ลีน่า : จริงๆ การเล่น TikTok ของหนูไม่ได้มีโกอะไรเลย แค่ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด ปี 2020 รู้สึกเบื่อๆ ลองเต้น TikTok แล้วหนูเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เล่น แล้วมันมีคลิปนึงที่คนดูเกือบ 10 ล้าน กลายเป็นทุกคนเรียกหนูว่า ดาว TikTok ตั้งแต่ตอนนั้นเลย ซึ่งหนูก็เต้นแบบสไตล์หนู ไม่ใช่นักเต้นอะไรขนาดนั้น

ตอนนี้ TikTok มีคนติดตามเท่าไหร่ ?

ลีน่า : 1.7 ล้าน

เป็นเพราะ TikTok หรือเปล่าที่ทำให้มีงานต่าง ๆ ติดต่อเข้ามา?

ลีนา : ใช่ค่ะ อย่างช่วงโควิด เป็นช่วงที่หลายคนพบเจอปัญหา แต่หนูสวนทาง เพราะงานรีวิวเข้ามาเยอะมาก ช่วงนั้นก็เลยได้ทำงานอยู่ที่บ้าน

พอกลับมาถ่ายละครยังเล่น TikTok อยู่ไหม ?

ลีน่า : ยังเล่นอยู่เรื่อยๆ ค่ะ มันเป็นที่ที่เรารู้สึกว่าแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้ ในละครเราก็ต้องเป็นตัวละคร แต่อันนี้มันเป็นการโชว์ไลฟ์สไตล์ของเรา โชว์ความเป็นตัวตนของเรา

ตอนนี้เทรนของ TikTok  ปี 2025 ไปในทางไหน?

ลีน่า : ก็จะเป็นเพลง แล้วแต่ช่วงว่าเพลงไหนมาก็เต้นเพลงนั้น

ตอนนี้ละครก็เยอะ  โฆษณาก็เยอะ รีวิวก็เยอะ แล้วเป็นดาว TikTok ด้วย แพลนในวงการวางไว้ยังไงบ้าง?

ลีน่า : หนูว่าวงการบันเทิง เป็นอะไรที่เราแพลนค่อนข้างยาก ด้วยปัจจัยภายนอก มันมีผลกับเราเยอะมาก เราก็ดูทิศทางก่อนว่าปีนี้และปีหน้าเป็นยังไง หนูว่าทำหน้าที่ ณ วันนี้ให้ดีที่สุดก่อน ซึ่งปีนี้ก็มีละครอ่อนแออยู่ เรื่อง แม่เลี้ยง ปลายปีจะมีซีรีส์ยูริ 

น้องอยู่วงการบันเทิงมานานแล้ว มีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับวงการบันเทิงบ้าง?

ลีน่า : หนูรู้สึกว่ามันเป็นวงการที่น่าสนใจนะคะ เราได้เจอคนเยอะมาก หนูเข้ามาตั้งแต่เด็ก เจอคนเยอะและเจอหลายแบบมากๆ มันทำให้เราได้เรียนรู้คนตั้งแต่วัยเด็กเลย อันนี้คือข้อดีที่หนูสัมผัสได้ ส่วนในการเป็นนักแสดง หนูรู้สึกว่าเราต้องทำการบ้านยังไง ให้เราเป็นมนุษย์อีกคนนึงได้ อันนี้เป็นสิ่งที่วิเศษมากๆ เวลาที่เราได้เข้าซีนแล้วตัวละครอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งโมเมนต์นี้มันไม่ได้เกิดขึ้นทุกซีนด้วย มันอาจจะมาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่พอมันเกิดขึ้นทำให้เรารู้สึกว่าแบบเฮ้ย… กลับบ้านแล้วมีความสุข แล้ววันนั้นก็จะกลายเป็นวันที่ดีมากๆ เลย แต่วันที่ผิดหวังในตัวเองมันก็เกิดขึ้นบ่อยมากด้วยในช่วงแรกๆ 

ไอดอลในการแสดงคือใคร?

ลีน่า : หนูเคยร่วมงานกับพี่ณิชา รู้สึกว่าพี่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมาก แล้วเราสนิทกัน เวลาหนูมีเรื่องที่จะปรึกษาในเรื่องของการแสดง ก็จะยกหูหาเขาเลย ก็เลยเห็นพี่เขาเป็นไอดอล แล้วเขามีแพชชั่นกับสิ่งนี้มากๆ มันทำให้เรามีแพชชั่นไปด้วย

ตอนนี้อายุ 25 เราเป็นลูกครึ่งมีความเชื่อเรื่องเบญจเพศไหม?

ลีน่า : มีค่ะ เพราะกลุ่มเพื่อนก็คุยกัน ปีนี้พวกเรา 25 แล้วนะ ระวังตัวด้วย แต่หนูรู้สึกว่าน่าจะเป็นเบญจเพศที่ดีสำหรับหนู

หมอดูทักว่าปีนี้ดวงพุ่งมาก ?

ลีน่า : ใช่ค่ะ ทักตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าปีนี้เราจะดวงดีมาก ดวงการงานจะดีมากๆ 

แล้วเรื่องดวงความรักล่ะ ?

ลีน่า : อันนี้หมอดูไม่ได้พูดถึง หนูก็เลยบอกว่างั้นหนูเอางานก่อนก็ได้ค่ะ พอหมอดูไม่พูดเลย เราก็ไม่ถามแล้วกัน

รู้สึกว่าเหมือนมีเจ้าที่  เจ้าทาง เข้าฝัน?

ลีน่า : ใช่ค่ะ ตอนนั้นย้อนไปประมาณหนู ป.3 เด็กมาก ฝันว่ามีเจ้าที่ที่บ้าน เป็นคุณยายคนแก่เขาใส่ชุดไทย มาบอกกับหนูในฝัน เขาชี้ไปที่แม่บ้าน ตอนนั้นหนูมีแม่บ้านคนนึงที่หนูรักมาก แล้วเขาก็ดูแลหนูดีมาก แล้วเหมือนเจ้าที่คนนั้นชี้ไปที่แม่บ้านแล้วบอกว่าให้เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป เขาพูดประมาณ 3 ครั้ง ดุมาก เหมือนตั้งใจมาบอกอะไรเราสักอย่าง หลังจากนั้นเราก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้ เพราะหนูเป็นคนไม่มีเซ้นและไม่เคยเกิดเรื่องราวแบบนี้ในชีวิต ก็เลยไปบอกคุณแม่ว่าฝันแบบนี้ คุณแม่เหมือนเป็นคนมีเซ้น แล้วเขาเหมือนรู้ประมาณนึงว่าจะมีอะไรสักอย่าง เหมือนบ้านหลังนี้มีเจ้าที่คอยปกปักรักษาอยู่ แต่คุณแม่ก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก เพราะเขาก็ดูแลบ้าน แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 อาทิตย์ แม่บ้านคนนั้นมาบอกกับคุณแม่ว่าตั้งท้อง แล้วเขาไปเอาเด็กออก คุณแม่ก็เลยแบบเหมือนคุ้นๆ เหมือนมันไปลิงก์กับฝันที่เราฝัน เหมือนเขาไปทำอะไรไม่ดีมา แล้วเจ้าที่มาเตือน ว่าให้เอาแม่บ้านคนนี้ออกไป เพราะเขาไปทำอะไรไม่ดีมา

มีสถานที่ไหน ที่คุณแม่ไปแล้วเกิดเหตุการณ์ขึ้นไหม?

ลีน่า : เคยมีครั้งนึง ไปถ่ายละครด้วยกัน เหมือนที่ถ่ายละครเขาจะมีตั้งโต๊ะหมู่บูชาพระ ก็เลยพากันขึ้นไปไหว้ จะได้รู้สึกดี เพราะว่าไปสักแป๊บ คุณแม่ก็เหมือนเกิดอาการสั่น แล้วก็น้ำตาใหลไม่หยุดเลย หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ก็เลยลงไปตามทีมงานกองถ่าย บอกพี่มาช่วยหน่อยหนูไม่รู้จะหยุดได้ยังไง เขาก็ค่อยๆ ให้คุณแม่หายใจ ให้มีสติ ณ ปัจจุบัน ก็เลยดีขึ้น

สวยแบบนี้สถานะเป็นยังไง ?

ลีน่า : โสดสนิทเลยค่ะ

หรือเราไม่พร้อมเปิดใจหรือยังไง ?

ลีน่า : ก็มีบ้าง

หรือว่าอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ ?

ลีน่า : อาจจะด้วย เรารู้สึกว่าพอเราทำงานเยอะ เวลามันไปทุ่มกับการงานเยอะ ก็เลยรู้สึกว่าการที่เราจะต้องมานั่งศึกษาใครสักคน ณ เวลานี้ อาจจะไม่ใช่เงลาที่ถูกต้อง ก็เลยรู้สึกว่างั้นพักไว้ก่อน

มีคนเข้ามาจีบบ้าง  มีสุภาพสตรีด้วยที่เข้ามาจีบ ?

ลีน่า : ใช่ค่ะ เคยมีผู้หญิงมาจีบหนู แต่ ณ เวลาน้้นหนูมอ

แหนแล้ว ซึ่งคนนี้เป็นผู้ผญิงที่สวยมาก เซ็กซี่ เลย มาจีบ เขาอยากคุยด้วย ชอบเรา อยากศึกษาเรา หนูไม่เคยคิดว่าจะมีผู้หญิงมาจีบหนู ตอนนั้นก็ตกใจนะ มันแอบเขิน หรือว่าเรามีอะไรดึงดูดผู้หญิงด้วยกันหรอ ก็แอบสงสัยแล้วก็เขิน แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเรามีแฟนแล้ว ก็เลยไม่ได้คุยกัน

แล้วถ้าสมมติตอนนั้นไม่มีแฟน ?

ลีน่า  : ก็อาจจะลองคุยนะคะ เพราะความจริงเขาก็ตกสเปคอยู่ คือหนูชอบมองผู้หญิงสวย เซ็กซี่

เป็นคนในวงการบันเทิงเหมือนกันไหม ?

ลีน่า : ไม่ใช่ค่ะ เป็นคนนอกวงการ

แบบนี้ปิดกั้นเรื่องเพศไหม ?

ลีน่า : ไม่ปิดกั้นค่ะ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น มันทำให้เรารู้เลยว่าเราก็อยากคุยกับเพศเดียวกันเหมือนกัน เพราะเราก็มองเขาสวย มีเสน่ห์มากๆ ก็เลยรู้สึกว่า ถ้า ณ เวลานั้นเราไม่มีแฟน เราก็คงคุยกับเขาแหละ 

ทำไมถึงชอบผู้หญิงสวย ?

ลีน่า : ก็ชอบมองผู้หญิงสวยอ่ะ ไม่รู้เหมือนกันบอกไม่ถูก แต่หนูชอบมอง

ระหว่างผู้หญิงสวยกับผู้ชายหล่อชอบมองอะไรมากกว่ากัน ?

ลีน่า : ผู้หญิงสวยค่ะ

สมมติมีผู้ชายเข้ามาสเปคที่ชอบเป็นแบบไหน?

ลีน่า : หนูไม่ค่อยดูรูปลักษณ์ภายนอก หนูค่อนข้างดูบุคลิกเป็นหลัก เวลาเราเจอกันเฟิร์สอิมเพรสชั่นครั้งแรกสำคัญกับหนูมาก แต่ถ้าทัก DM มาจีบ หนูจะไม่เลย เพราะหนูจะตัดสินในครั้งแรกว่าจะสปาร์คหรือเปล่า

แล้วผู้หญิง นอกจากความสวย ความเซ็กซี่?

ลีน่า : ก็อาจจะต้องเข้าใจเรา หนูรู้สึกว่าความรักคือการเสียสละ ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือเพศชาย มันคือการเสียสละจริงๆ เวลาที่คบกันเป็นแฟน เสียสละความเป็นส่วนตัว หรือว่าความคิดบางอย่างที่เราอาจจะยึดติดกับมันมาก เราอาจจะลองเปลี่ยนเพื่อเขาบ้างสักนิดนึง

ช่วงนี้อยากจะให้น้ำหนักไปเรื่องความรักหรืองานมากกว่า?

ลีน่า : งานแน่นอนเลยค่ะ ถามว่าใช้เวลานานไหม คือไม่แน่ใจ อาจจะเพราะคนที่เข้ามาเรายังไม่เจอคนที่ถูกใจด้วย ก็เลยอาจจะยังไม่ได้สานสัมพันธ์กับใคร

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อ่าน ข่าวบันเทิงวันนี้ ที่เกี่ยวข้อง :