"หนูแหม่ม สุริวิภา" เล่าประสบการณ์ศัลยกรรมที่เกาหลี เกิดความดันขึ้น

เปิดหมดเปลือก "หนูแหม่ม สุริวิภา" แชร์ประสบการณ์การทำศัลยกรรมใบหน้าย้อนวัยในเกาหลีในวัย 58 ปี ซึ่งเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ทำศัลยกรรมยกใบหน้าใหม่เกือบทั้งหมด โดยเน้นความปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ แม้ว่าจะมีภาวะเลือดคั่งหลังผ่าตัดหลังสาเหตุเพราะความดันขึ้น แต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสวยเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด ใคร ๆ เห็นต่างก็ร้องว้าวกันยกใหญ่ ในรายการ "WOODY INTERVIEW"
"หนูแหม่ม สุริวิภา" เล่าประสบการณ์ศัลยกรรมที่เกาหลี
จุดเริ่มต้น ?
หนูแหม่ม : พี่ทักทางคุณเอ๋ ไปว่าอยากย้อนวัย พอดีไปดูในคลิปที่เขาลงบ่อย ๆ ค่ะ จริง ๆ การจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการเปลี่ยนหรือศัลยกรรมหรืออะไรก็ตาม เราทุกคนต้องดูหาข้อมูล พี่หนูแหม่มก็คือหนึ่งในนั้น วันหนึ่งเราจะมีเวอร์ชันในใจ แต่เราแค่รู้สึกว่าเมื่อไหร่มันจะถึงเวลานั้นเท่านั้นเอง เราด้วยความที่อยู่แต่ในโซนที่มันปลอดภัย ในเมืองไทยนี่แหละสักวันหนึ่ง แต่แค่รอวันที่ใช่ แต่ว่าพอนวัตกรรมหรือความเปลี่ยนแปลงของวงการแพทย์ในการทำศัลยกรรมต่าง ๆ ของเกาหลีค่อนข้างต้องบอกว่าใหญ่โตแล้วก็ไปไกลมาก เราก็จะเห็นในสื่อบ่อย ๆ แล้วเราก็เข้าไปดู ได้ยินคำหนึ่งที่เอ๋พูดในคลิปบอกว่า จริง ๆ แล้วการศัลยกรรมมันมีทั้งที่การเปลี่ยนแปลงและการย้อนวัย พอพี่ได้ยินคำว่าย้อนวัย พี่ติ๊กเป็นดอกจันทร์ไว้เลยว่าพี่ต้องคุยกับคนนี้ มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่พี่ DM หาคุณเอ๋ โจทย์ของพี่หนูแหม่มก็คืออยากให้เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ย้อนวัย แต่ไม่ให้ดูตึงเกินไป และไม่ให้ดูเด็กเกินไป แล้วก็ไม่ให้ดูแปลกด้วย อย่าเปลี่ยนพี่นะ คือย้ำหลายรอบมาก
ตอนทำพี่หนูแหม่มอายุเท่าไหร่ ?
หนูแหม่ม : พี่ทำตอน 57 อันนี้คือพี่ 57-58 เพราะฉะนั้นมันแบบมันคาบเกี่ยวกัน พี่เลทมากเลยค่ะ พี่ยังนั่งเสียดายเลยว่าทำไมฉันไม่คิดได้ตั้งแต่ตอนฉัน 40 พี่หนูแหม่มรู้สึกว่าเริ่มเร็วได้เปรียบ เริ่มก่อนสวยก่อน พี่สวยมาก เพราะว่าน้ำหนักมันเริ่มลง เพราะว่าเราได้รับออเดอร์จากหมอว่า ยูต้องลงน้ำหนัก ยูต้องลง
จากคุณหมอใบหน้า ?
หนูแหม่ม : ใช่ค่ะ เพราะคุณหมอบอกว่า ดูนี่นั่น โอเคตรงนั้นตรงนี้ ถ้าจะว้าวต้องลดน้ำหนัก พี่ไม่คิดเลย หมายถึงว่าพี่ไม่มีอะไรเอ๊ะในใจเลย มีอย่างเดียวบอกตัวเองว่าต้องกลับไปแล้วลดน้ำหนัก
ทำไม Inspire ถึงขั้นที่ลดน้ำหนัก ?
หนูแหม่ม : ถ้ายูจะเปลี่ยน ทำไมต้องเปลี่ยนเป็นคนเดิม ยูต้องเปลี่ยนเป็นคนที่มันว้าว เพราะหมอพูดคำว่าว้าววันนั้น หมอบอกแต่ว่าหมอก็ไม่ได้แบบซีเรียสจริงจัง พี่ก็นั่งคิดที่บ้านว่า มันต้องว้าวสิ ถ้าเราจะเปลี่ยนทั้งที ไม่ใช่แค่แบบผ่าตัดแล้วหน้าสวย พี่รู้สึกว่าถ้าจะว้าวมันต้องสร้างแรงกระเพื่อมนิดหนึ่ง พี่ก็เลยรู้สึกว่าเอาล่ะ นี่คือการบ้านของฉัน ฉันต้องทำ คือไม่ใช่ว่าหมอจะช่วยคุณได้ฝ่ายเดียว คุณต้องช่วยหมอด้วย ทำไมเราจะทำไม่ได้ พี่ก็กลับมาจัดการตัวพี่เลย
โดยที่ทุกวันนึกถึงภาพว่าเราจะได้ไปแปลงหน้า ?
หนูแหม่ม : ใช่ นึกถึงว่าเมื่อไหร่น้ำหนักฉันลงไปแล้ว แบบฉันแฮปปี้แล้ว แล้วฉันจะพร้อม
พี่บอบบี้จะทำตามไหม ?
หนูแหม่ม : พี่บอบบี้กลัว ขนาดเราไปเขายังไม่ไปกับเราเลย เขากลัวว่าจะต้องไปเจอแผล พี่บอบบี้ไม่ได้ไป พี่ไปกับผู้ช่วย โทรหากันทุก คุยกับแบบเฟซไทม์กัน เอากล้องขึ้นไปบนฝ้าของโรงแรม เพราะเขาไม่สามารถให้พี่เอาหน้าไปให้ดูได้ เขาบอกไม่เอาไม่ดู คงกลัวว่าจะเจ็บอะไรอย่างงี้ค่ะ
Reaction ที่ได้กลับมาจากเพื่อน ๆ หรือว่าคนใกล้ตัวเขาว่ายังไงบ้าง ?
หนูแหม่ม : เขาอยากเห็นแผลก่อนอันดับแรก ว่ามีแผลเป็นไหม ไม่รู้ทำไมทุกคนจะต้องวิ่งเข้ามาดูข้างหูก่อนอันดับแรก เพราะมันขึ้นอยู่กับผิวหนังของแต่ละคนด้วย
พี่หนูแหม่มทำอะไรบ้าง ?
คุณเอ๋ : ตัดถุงใต้ตาล่างค่ะ คือเคสพี่หนูแหม่มจะมี Challenge อยู่อย่างหนึ่งด้วยความที่พี่หนูแหม่มเป็นฝรั่งด้วย พี่หนูแหม่มใบหน้ามีความเหี่ยวแล้วก็หย่อนคล้อยจริง แต่จุดที่ไม่เหมือนเคสอื่นเลยก็คือพี่หนูแหม่มมีผิวหนังใต้ตาเป็นสามเหลี่ยม 2 ข้าง ที่มีความบางเหมือนกระดาษไขที่ยับ ซึ่งมันยากมาก คุณหมอตัดหนังใต้ตาก็จริง แต่ถ้าตัดเยอะเกินไปจะเกิดภาวะใต้ตาล่างแหก ดังนั้นคือการตัดหนังใต้ตาล่าง คุณหมอจะดูจากสปริงใต้ตาก่อนว่าจริง ๆ มันตัดได้แค่ไหนไม่ให้ใต้ตาล่างมันแหกลงมา มันก็เลยได้ลิมิตจำกัด แต่ทีนี้ด้วยคุณภาพของผิว การดึงหน้าคนที่คอลลาเจนยังดีแล้วผิวยังดีอยู่ ดึงแล้วผลจะสวยกว่าคนที่เหี่ยวมากแล้ว อีกอย่างหนึ่งเคสที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์บนหน้าเลย ดึงหน้าแล้วผลจะดีกว่าเยอะมาก ดังนั้นของพี่หนูแหม่ม คุณหมอไม่กังวลตรงไหนเลยในส่วนของใบหน้า เพราะเป็นการย้อนวัยที่ธรรมดามาก แต่คุณหมอกังวลใต้ตามาก เพราะคุณหมอรู้ว่าต่อให้คุณหมอตัดหนังใต้ตาไปความเหี่ยวตรงนี้ไม่มีทางหายไป 100% มันอาจจะดีขึ้นอย่างเกณฑ์ก็ 50% พอดีขึ้นแล้วเราก็จะต้องใช้การฉีดผิวแล้วก็ทรีทเมนต์ต่าง ๆ ช่วยฮีลผิวใต้ตาขึ้นมาให้มันดีขึ้น
แล้วอะไรต่อ ?
คุณเอ๋ : ใต้ตาแล้วก็เป็นดึงหน้า ดึงคอ แต่ก่อนที่จะดึงหน้าดึงคอได้ พี่หนูแหม่มมีไขมันกระพุ้งแก้มที่มันหย่อนอยู่ ก็มีการตัดออก อันนี้ก็คือทำพร้อมกับการดึงหน้าดึงคอ ข้อดีของการตัดไขมันกระพุ้งแก้มพร้อมกับการดึงหน้าดึงคอ ก็คือพี่หนูแหม่มไม่ต้องมีแผลข้างในปากเลย ถัดมาคือการกรีดเก็บเหนียง กรีดเสร็จแล้วคุณหมอก็จะมีการยกกระชับกล้ามเนื้อใต้คางไป ซึ่งก็จะใช้เทคนิคคล้าย ๆ กับการดึงหน้า อันถัดมาก็เป็นการฉีดไขมันสเต็มเซลล์ เวลาที่เราดึงหน้าแล้วหน้าเขาจะแบน ก็จะมีการเติมไขมันสเต็มเซลล์ จุดส่วนใหญ่ที่เติมแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าส่วนใหญ่เลยก็จะเป็นหน้าผาก เป็นขมับ เป็นใต้ตา อินเดียนไลน์ ร่องแก้ม สุดท้ายแล้วก็คือเซ็ตผิวของโรงพยาบาล
แต่ที่สำคัญคือความปลอดภัย ?
หนูแหม่ม : ตอนแรกที่พี่คุย เอ๋พี่จะปลอดภัยไหม? พี่ต้องการความปลอดภัยที่สุด คิดตังค์พี่เท่าไหร่ก็ได้ พี่อยากได้ความปลอดภัย เอ๋ก็จะเล่าเรื่อง Process ของการทำให้ฟัง มันก็ทำให้เรารู้สึกค่อย ๆ มั่นใจ เพราะว่าพี่อายุเยอะแล้วก็มีความดันด้วย เพราะฉะนั้นจึงขอพักคืนหนึ่งก่อนแล้ววันรุ่งขึ้นก็ค่อยทำ วันรุ่งขึ้นก็ทำสาย ๆ ก็นัดประมาณ 10 โมง พี่ได้พักวันหนึ่งเที่ยวเล่นกินอาหารอร่อยเพลินตา วันรุ่งขึ้นก็ไปทำในเวลาที่พี่เดินเข้าห้องผ่าตัด พี่ไม่มีคำถามอะไรเหลืออยู่ในใจเลย เดินเข้าห้องผ่าตัดแบบสบายใจ หมอวางยาขอเปิดแผลพี่ 2 ครั้งเนื่องจากว่าเกิดอาการที่มันแบบความดันขึ้น เดี๋ยวให้เอ๋อธิบายก็ได้ ขอวางยาพี่ครั้งที่ 2 พี่ ยังบอกเชิญเลยจ้า
คุณเอ๋ : ทีมแพทย์ ทีมวิสัญญี ทีมพยาบาลและทีมพนักงานทุกคน มีใจในการดูแลผู้ป่วยจริง ๆ ความปลอดภัยและมาตรฐานของการผ่าตัดต้องมาเป็นอันดับ 1 ซึ่งคุณหมอเป็นห่วงคนไข้จริง ๆ ทุกคนจะเจอหมอลงมาเยี่ยมในยามค่ำคืน
เขาต้องเช็คดูอะไรบ้าง ?
คุณเอ๋ : เช็คว่าบวมไหม มีเลือดคั่งไหม อย่างเคสของพี่หนูแหม่มตั้งแต่ตอนแรกที่เอ๋สัมภาษณ์พี่หนูแหม่มลงคลิปก่อนผ่าตัดออนแอร์ให้ทุกคนรู้ก่อนผ่าตัดนะคะ เอ๋บอกว่าเคสพี่หนูแหม่มมีสิทธิ์ที่จะได้เปิดแผล รีดเลือดที่คั่งจากประสบการณ์ที่เจอคนไข้ที่มีความดันสูง พี่หนูแหม่มคือสูงมากนะ 200 เวลาความดันจะขึ้น ตอนที่เวลากินยาแล้วคุมลง มันจะเหลือประมาณเท่าไหร่คะ
พี่หนูแหม่ม : 140
คุณเอ๋ : เพราะว่าพี่หนูแหม่มกินยาตลอด กินยาจนกระทั่งเข้าห้องผ่าตัด แต่ในคนที่เป็นความดันสูง เวลาที่โดนผ่าตัด เอ๋เจอมาหลายคนแล้ว อยู่ดี ๆ มันก็จะขึ้น โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ร่างกายมันก็ต้องตอบสนอง มันก็มีการตอบสนองอยู่แล้ว ปกติเวลาผ่าตัดเสร็จแล้ว เขาจะยังไม่เอาขึ้นมาวอร์ดคนไข้ คนที่ผ่าตัดเสร็จจะต้องนอนอยู่ข้างห้องผ่าตัดเลย แล้วก็มีวิสัญญีกับพยาบาลคอยเฝ้า ตอนแรกพี่หนูแหม่มอาการปกติดีทุกอย่าง เข็นมาที่ห้องพักฟื้นข้าง ๆ ห้อง กำลังจะได้ออกมาแล้ว เกือบจะเสร็จแล้ว อยู่ดี ๆ ความดันขึ้น 200 เลยค่ะ หน้าบวมกลับขึ้นมาข้างหนึ่งข้างซ้าย หมอเห็นปั๊บ พี่หนูแหม่มเรากลับเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบ เข็นเข้าไปรีดเลือด แล้วก็วางยาอีกรอบหนึ่ง เป็นแค่ยานอนหลับไม่ใช่ยาสลบ เราก็ได้แจ้งพี่หนูแหม่ม ซึ่งพี่หนูแหม่มก็ทราบอยู่แล้วว่ามีความดันขึ้นนะ มีภาวะเลือดคั่ง เรามีการรีดเลือดครั้งที่ 2 ดังนั้นข้างเดียวที่โดนรีดคือข้างซ้าย บวมกว่าข้างขวาเยอะมาก แน่นอน 100% ว่าหน้า 2 ข้างจะคนละแบบกันเลย ซึ่งก็จริงวันถัดมาก็คือตาขวาเปิดได้ ตาซ้ายเปิดไม่ได้
หนูแหม่ม : ล่ามมีความสำคัญกับจิตใจของพวกเรามาก จริง ๆ แล้วเราเป็นคนไทย หนึ่งในความสบายใจ ล่ามจะอธิบายจนเราหลับเลยค่ะ เดี๋ยวคุณหมอจะทำตรงนั้นตรงนี้ โชคดีที่ได้คุยกันเบื้องต้นกับเอ๋ก่อนที่จะทำ ได้มีการวางแผนว่าโอเคจะทำยังไงยังไง มันเลยไปถึงตรงนั้นมันก็ทำให้เราไม่กังวล
สามารถติดตาม "WOODY INTERVIEW" ได้ที่ช่องทาง Facebook : Woody, Youtube : Woody และสามารถรับชมย้อนหลัง ได้ที่นี่
อ่าน ข่าวบันเทิงวันนี้ ที่เกี่ยวข้อง :