รีเซต

รีวิวหนัง "Fly Me to the Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์" ความธรรมดาที่อาจจะยิ่งใหญ่

รีวิวหนัง "Fly Me to the Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์" ความธรรมดาที่อาจจะยิ่งใหญ่
Jeaneration
7 สิงหาคม 2567 ( 12:00 )
1.6K

หนังเรื่องนี้อาจจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเจ๊งผิดกระบวนท่าเรื่องหนึ่งประจำซัมเมอร์ปีนี้ เพราะด้วยศักยภาพทีมผู้สร้างและทีมนักแสดงที่ถือว่าจัดจ้านฟอร์มดีไม่เบา แต่ล่าสุดเพิ่งจะกวาดรายได้ในอเมริกาไปแตะที่ 20 ล้านเหรียญเท่านั้น "Fly Me to the Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์" จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตราบาปของสายการผลิตของ Apple Original Films ในรอบปีนี้ ที่เราพิสูจน์ดูแล้วก็พบว่าตัวหนังก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ยังไม่ได้วิเศษเลิศเลอที่จะดึงดูดใจผู้ชมได้มากนัก

Fly Me to the Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์ เป็นเรื่องราวของ เคลลี โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดเข้ามาทำให้ปฏิบัติการปล่อยยานอวกาศของ โคล เดวิส ที่ยุ่งยากอยู่แล้วต้องวุ่นวายขึ้นไปอีก เมื่อทำเนียบขาวเห็นว่าภารกิจนี้มีความสำคัญเกินว่าที่จะล้มเหลวได้ โจนส์ จึงถูกวางตัวให้จัดแจงการลงจอดบนดวงจันทร์ของยานอวกาศแบบปลอม ๆ เอาไว้เพื่อเป็นแผนสำรองหากปฏิบัติการจริงล้มเหลวขึ้นมา

ก่อนจะไปลงรายละเอียดการวิเคราะห์วิจารณ์ในแต่ละส่วน ต้องยอมรับว่า Fly Me to the Moon เป็นหนังที่มาพร้อมกับโจทย์ที่ยากและท้าทายในการผลิตออกมาในยุคนี้ ท่ามกลางความโดดเด่นของหนังสายสตรีมมิงที่จัดจ้านยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับมีหนังทำนองนี้สร้างออกมาเพื่อฉายโรง ทั้งที่เอาจริง ๆ หากหนังย้ายไปฉายออนไลน์ก็อาจจะไม่เจ็บตัวขนาดนี้ แต่ศักดิ์ศรีทีมงานและทีมนักแสดงก็เหมาะกับบารมีที่จะเข้าฉายโรงฉายจริง ๆ ก็จำเป็นต้องรับสภาพกับชะตากรรมที่เกิดขึ้นอย่างที่เห็น

นี่คือผลงานการกลับมากำกับหนังอีกครั้งในรอบ 5 ปีของ "เกร็ก เบอร์ลันติ" ทีเคยทิ้งทวนเอาไว้จากหนัง LGBTQ+ เรื่องแรกของสตูดิโอใหญ่ อย่าง Love, Simon เมื่อปี 2018 จากนั้นเขาก็สนุกไปกับการทำงานเบื้องหลังเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับหนังดัง ๆ อยู่หลายเรื่องนี้ เมื่อกลับมาหยิบจับทำงานของตัวเองอีกครั้ง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Fly Me to the Moon ยังคงเป็นงานที่มีรายละเอียดและเนื้อหาที่ทัชหัวใจได้เป็นอย่างดี เพียงแต่อาจจะไม่ตอบโจทย์คนดูสักเท่าไหร่

เพราะนี่คือหนังโรแมนติกคอมเมดีที่มีฉากหลังเป็นเบื้องหลังการทำงานขององค์การนาซา กับช่วงเวลาทางประวัติศาสาตร์ของยานอะพอลโล 11 ที่เอาจริง ๆ โครงเรื่องทำนองนี้ก็ไม่สร้างความแปลกใหม่ใด ๆ อีกแล้ว แต่หนังกลับเลือกนำเสนออีกแง่มุมในการทำงานของโครงการนี้ออกมาได้อย่างทรงเสน่ห์ หยิบมุมเล็ก ๆ ที่ขับเคลื่อนแบบเงียบ ๆ แต่ทรงพลังอย่างทีมประชาสัมพันธ์โครงการต่อสาธารณชนมาเป็นแกนหลักในการนำเสนอ นั่นเป็นความชาญฉลาดของหนังมาก ๆ ทีเดียว

Fly Me to the Moon มาพร้อมกับทีมเขียนบทรุ่นใหม่ล้วน ๆ นำโดย "คีแนน ฟลินน์", "บิล เคียสไตน์" และ "โรส" กิลรอย" ที่ล้วนแต่ยังมีชั่วโมงบินน้อย แต่ไอเดียและแนวคิดของพวกเขาช่างพรั่งพรู เมื่อมาจับมาผสมโรงกันในหนังที่มีไทม์ไลน์เกิดขึ้นในช่วงปี 1960s ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางสังคม ผนวกเข้ากับจังหวะและเคมีการแสดงของคาแรกเตอร์หนังที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ พวกเขาได้สร้างสรรค์งานสร้างที่ธรรมดา ๆ ออกมาได้ยิ่งใหญ่ไม่เบาเลย

แน่นอนว่าเสน่ห์ของ Fly Me to the Moon ก็คือการเล่าเรื่อง ถึงจะเป็นหนังที่เลือกโจทย์ท้าทายมานำเสนอก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ ก็ทำออกมาได้ถึงใจถึงอารมณ์ในแง่มุมที่ควรจะเป็น เพราะมันคือหนังรอมคอมที่องค์ประกอบของความเป็นประวัติศาสตร์ไซไฟเข้ามาปะปนอยู่ มันจึงกลายเป็นหนัง 2 ชั่วโมงเศษ ๆ ที่ดูได้เพลิน ๆ แต่อาจจะน่าเสียดายตรงที่ยังไม่สามารถจุดประกายความอิมแพคในตัวเองได้อย่างที่ควรจะเป็น

"สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน" ที่นอกจากจะรับบทแสดงนำในเรื่องนี้แล้ว เธอยังควบตำแหน่งผู้สร้างหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเธอเองด้วย และบทนี้ก็ส่งเสริมเธอได้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นบทที่เคยไม่ค่อยได้คุ้นเคยกับเธอเท่าไหร่ เพราะช่วงทศวรรษที่่ผ่านมาเรามักจะชินกับเธอกับการเป็นฮีโรในหนังมากกว่า เมื่อต้องมาปรับองก์เป็นสาวสังคมในยุคปี 60s ก็อาจจะแปลกตาไปบ้าง แต่เธอรับมือกับบทบาทของตัวเองได้ค่อนข้างดี และเอามันอยู่หมัดจริง ๆ

ยิ่งมาประกบคู่กับ "แชนนิง เททัม" อดีตก็คือตัวพ่อหนังรอมคอมมาก่อนเช่นเดียวกัน แม้ว่าความโดดเด่นจะเป็นรองฝ่ายหญิงหน่อย แต่กลับไม่จมไม่หายไปจากหนังเช่นเดียวกัน กลายเป็นว่า สการ์เล็ตต์ กับ แชนนิง ได้สร้างเคมีที่น่าประทับใจบนจอใหญ่ให้กับคนดูได้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยความเป็นมืออาชีพในการรับมือกับบทบาทของพวกเขาได้อย่างตกลง ทำให้ Fly Me to the Moon เป็นหนังที่อิ่มเอมไปด้วยแอคติ้งของซุปตาร์ที่เลอล่า แม้ว่าบรรยากาศรวม ๆ มันจะยังรู้สึกเฉย ๆ ไปหน่อยก็ตามที

ขณะที่องค์ประกอบงานสร้างอื่น ๆ ของ Fly Me to the Moon ก็ถือว่าใส่เต็มตามทุนสร้างที่เอื้ออำนวยให้ถึงร้อยล้านเหรียญ พวกเขาสร้างฉากองค์การนาซาและยานอวกาศต่าง ๆ ออกมาได้อย่างสมจริง และชวนตื่นตาตื่นใจเมื่อได้ดูบนจอใหญ่ ๆ อีกทั้งยังมีการออกแบบเสียงและซาวน์ที่ดึงดูดใจ พร้อมกับงานประพันธ์เพลงโดย "แดเนียล เพ็มเบอร์ตัน" ที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์ที่เข้ากับยุคสมัย

ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Fly Me to the Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์ จัดได้ว่าเป็นหนังที่เกือบจะลงตัว แต่ยังมีอะไรที่ค่อยทำให้ติด ๆ ขัด ๆ อยู่ตลอดเวลาทั้งเรื่อง นั่นเป็นอุปสรรคที่ราวกับทำให้หนังไปได้ไม่สุดทาง ทั้งที่เสน่ห์และเคมีของคู่พระนาง สการ์เล็ตต์ กับ แชนนิง ช่างส่งเสริมกันเป็นอย่างดี งานสร้างค่อนข้างน่าพอใจ การเล่าเรื่องการชาญฉลาด แต่อาจจะเป็นโจทย์ที่ท้าทายมากไปสักหน่อย เพราะไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ยากที่จะตีให้แตก และยังไม่ทำให้รู้สึกดึงดูดใจต่อผู้ชมได้มากเพียงพออยู่ดี

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Fly Me to the Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์

  • ประเภท: โรแมนติก / ตลก / ไซไฟ
  • ผู้กำกับ: เกร็ก เบอร์ลันตี
  • นำแสดงโดย: สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน, แชนนิง เททัม, วูดดี ฮาร์เรลสัน
  • ความยาว: 132 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 8 สิงหาคม 2024 (ในโรงภาพยนตร์)

Movie.TrueID METRIC: Fly Me to the Moon ทะยานฟ้าสู่พื้นจันทร์

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐️✰✰✰✰ (6/10)
  • การแสดง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
  • เทคนิคงานสร้าง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa