"นุ่น รมิดา" เผยวินาทีสูญเสียคุณพ่อ เผยความตั้งใจอยากท้องแล้ว!
หลังจากที่เมื่อกลางเดือนที่แล้ว ต้องสูญเสียคุณพ่ออย่างกะทันหัน หลังจากที่ได้เข้ารับการผ่าตัด โดย “นุ่น รมิดา” ได้เปิดเผยความรู้สึกพร้อมน้ำตาผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทางช่องOne 31 กับการสูญเสียแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งได้เผยสาเหตุของการที่คุณพ่อจากไป รวมไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ จนทำให้ตัวเองเสียศูนย์ไปมาก พร้อมกับเรื่องไม่น่าเชื่อกับการคุณพ่อมาหาหลังเสียไป และคำสั่งสุดท้ายที่อยากให้ลูกสาวคนนี้ท้องไว ๆ
"นุ่น รมิดา" เผยวินาทีสูญเสียคุณพ่อ เผยความตั้งใจอยากท้องแล้ว!
ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง หลังที่สูญเสียคุณพ่อ?
“สภาพจิตใจตอนนี้มันโอเคไหม มันก็โอเค แต่เหมือนว่าตื่นนอนมาทุกเช้าเหมือนคนเสียศูนย์ เพราะปกติพ่อจะโทร.มาหาทุกเช้า เหมือนพอวันที่ไม่มี มันจะมีอารมณ์ที่แฝงไว้ว่าเราจะมีอะไรทำ หันไปมองโทรศัพท์มันก็จะคิดถึง บางวันมันก็มีความสุข บางวันมันก็หวนกลับไปคิดถึงคุณพ่อ เสียไปเมื่อกลางเดือน ก.ค. เพราะจากไปแบบไม่ทันตั้งตัว และตัวคุณพ่อเองก็ไม่คิดว่าเขาจะไปเลยเหมือนกัน และย้อนกลับไปคุณพ่อเขามีอาการคือเหนื่อย เขาเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการเพลีย เขานึกว่าเขาเป็น
กรดไหลย้อน คิดว่าปวดท้องเฉย ๆ แต่ไม่บอกลูก คือเขาก็เคยโทร.มาเล่าปกติว่าเมื่อคืนนอนเหงื่อแตก แต่ตอนนี้โอเคแล้ว ซึ่งเขาโทร.มาจากชัยภูมิ เราอยู่กรุงเทพฯ พอวันที่เกิดเรื่อง เขาเข้าโรงพยาบาล หมอเฉพาะทางเขาก็แจ้งเส้นเลือดใหญ่ โป่งพอง ระดับท้องไปถึงหน้าอก ไม่ได้เป็นกระเพาะอาหารตามที่คุณพ่อคิด แต่ด้วยความที่คุณพ่อไม่มีปัญหาเรื่องความดัน พอวินิจฉัยโรคนี้แล้ว ต้องผ่าตัดด้วยการใส่ขดลวดเข้าไป ซึ่งถ้าไม่ผ่าก็เหมือนระเบิดเวลา ถ้าความดันมันขึ้น มันก็อาจจะแตกได้ คล้ายๆ สโตรก และเขาอยู่โรงพยาบาล 18 วัน ซึ่งไม่มีอาการเลย และวันที่เขาผ่าตัด เขาก็ตื่นเต้น แต่คุณหมอก็คุยกับเราและคุณพ่อตลอด คุณพ่อก็บอกว่าทำยังไงก็ได้ให้ผมปลอดภัย เราก็ให้กำลังใจวางยาก็หายแล้ว วันนั้นผ่าตัดไป 8 ชม. พอผ่าตัดเสร็จเราก็เห็นเขาออกมาจากห้องผ่าตัดผ่าตัดไปด้วยดี 90% แต่อีก 10% อาจจะเกิดการเป็นอัมพาธ เลือดอาจจะไม่ไปเลี้ยง แต่หมอคิดว่าน่าจะผ่านไปได้ และที่กล้ามเนื้อหัวใจเลือดอาจจะไม่ไปเลี้ยง แต่พอหมอเทียบขนาดนี้ เราก็ใจชื้นขึ้นมา วันแรกของการฟื้นของคุณพ่อ เราก็ไปเยี่ยม เขาก็สื่อสารด้วยมือ แต่ด้วยความอายุ 70 กับการผ่าตัดที่ยาวนาน แต่วันที่สอง คุณหมออยากจะฟอกไตให้พ่อ เพราะเหมือนร่างกายมันหายไปนาน ไตทำงานได้ช้า พ่อไม่ยอมฉี่ พ่อก็ตัดสินใจเอง ฟอกไตครั้งแรกก็ปกติ แต่เช้าวันที่ 3 คุณหมอก็ขอฟอกอีกรอบ
แต่ตอน 10 โมง พี่สาวโทรมาบอกว่าพ่อไม่หายใจ เราคิดอะไรไม่ออกเลย จับมือหลุยส์รีบขึ้นไปหาพ่อเลย อยู่หน้าห้องไอซียู คุณหมอปั้มหัวใจ ก็บอกคุณหมอว่าทำให้เต็มที่ คุณหมอก็เดินมาบอกว่าไม่น่าจะไหว เขาให้เราเข้าไปคุยกับพ่อ ตอนนั้นพ่อหลับตาแล้วแต่ชีพจรยังอยู่ ด้วยความที่เราเป็นลูกสาว 2 คน เราไม่เคยทำงานศพ เพราะตอนแม่เสีย พ่อก็ดำเนินการทุกอย่าง เราก็ขอฝากพ่อไว้ก่อน ขอกลับไปทำใจและตั้งสติก่อน แต่โชคดีได้ญาติฝั่งพ่อฝั่งแม่เป็นคนช่วยเคลียร์”
กำลังใจที่ดีคือสามีอยู่ข้าง ๆ ตลอด?
“นุ่นว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เป็นใคร ใครก็ช็อกไม่ว่าจะเกิดกับใคร ในวันที่พ่อจากไป เราทำอะไรไม่ถูก ซึ่งมันต่างจากวันที่แม่จากไป เพราะแม่จากไปโดยไม่ต้องทรมาน แต่พอพ่อจากไป เราไม่รู้จะทำไงต่อ เพราะแค่ปวดท้องไม่มีใครคิดว่าจะผ่าตัดแล้วไป และหลังจากเผาคุณพ่อเสร็จ
เราก็กลับมาคอนเสิร์ตแกรมมี่อาร์เอส แต่พอคอนเสิร์ตจบก็จะเศร้า ๆ และหลุยส์เขาก็รู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน จะไม่ได้พูดว่าสู้ๆ นะ เขารู้ว่านุ่นแข็ง อยู่ได้ เขารู้ว่าเราค่อนข้างหนักในการเจอสถานการณ์แบบนี้”
ในวันที่เราเป็นลูก และไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว?
“กลัวการสูญเสีย กลัวว่าที่ต้องเหลือเราอยู่คนเดียว แล้วใครจะอยู่กับฉัน เพราะในวันที่อยู่ เราก็ดูแลเขา มันเหนื่อยกับการที่สูญเสีย ทุกการสูญเสียมันเป็นแผลหมด ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าจะสื่อสารความรู้สึกนี้ออกมายังไง มันมีความรู้สึกหลายสิ่งในหัว มันกลั่นกรองไม่ได้ เพราะย้อนกลับไปตอนสูญเสียคุณแม่ ทุกคนมีแผลหมดเลย เราแค่เลือกที่จะอยู่กับมันยังไงคนที่หนักสุดคือคุณพ่อเพราะเขาคือคู่ชีวิต เขาอยู่อย่างทรมานในเรื่องของจิตใจ กลัวเขาเป็นซึมเศร้า แต่เขาก็พยายามอยู่เพื่อเรา เขารู้สึกทรมาน เขารู้สึกว่าเขาตัวคนเดียว”
แล้วคุณพ่อมาหาบ้างไหม?
“ไม่มีเลย แต่นุ่นเชื่อเรื่องนึง ว่าเมื่อก่อนไม่เชื่อว่าเวลามีคนเสียแล้วคน ๆ นั้นจะมาหา แต่รู้สึกว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าเพราะแม่ก็ไม่เคยมี เราไม่เคยสัมผัสได้เลยกับเรื่องพวกนี้ แต่วันที่จัดการงานคุณพ่อเสร็จ และเรากำลังจะกลับกรุงเทพฯ ห้องนอนของคุณพ่ออยู่หน้าบ้าน วันนั้นไม่มีใครเปิดทีวีในห้องคุณพ่อเลย แต่อยู่เฉยๆ เราก็เช็คของว่าเราลืมอะไรไหม แต่กำลังหันหลังกลับ ได้ยินเสียงโทรทัศน์เปิด ตอนแรกคิดว่าหลานเปิด พี่สาวก็ถามน้องนัทว่าเปิดทีวีเหรอน้องนัทก็บอกว่าไม่ได้เปิดทีวีเลยสักเครื่อง ขนาดแม่บ้านอยู่หลังบ้านก็วิ่งหน้าตื่นมา ถามว่าใครเรียกหนูเหรอ เราก็ถามว่าเสียงที่เรียก เรียกยังไง เรียกว่า อีนาง ซึ่งมีพ่อคนเดียวที่เรียก เป็นเรื่องเดียวที่รู้สึกว่าจริง และกล้องวงจรปิดที่บ้าน เราก็พยายามกดมันลง ไม่ให้แมลงมาบินบัง แต่กล้องมันก็จะตื่นตอนตี 1 เหมือนว่ามีอะไรเคลื่อนไหว แต่พอไปดูมันก็ไม่เห็นอะไร ที่เราอยากดูเพราะความคิด มันก็กลัวนะ เราเลยอยากผ่านความกลัว รู้ว่ามีอยู่จริง แต่ก็ไม่เคยเห็น”
ขอบคุณคลิปจากรายการ คุยแซ่บShow
เวลาคิดถึงเราแพ้อะไร ที่ทำให้คิดถึงคุณพ่อ ?
“จริง ๆ คือพ่อเขาได้ไปอยู่กับแม่แล้ว อย่างของนุ่นคือสิ่งที่หายไปคือการพูดคุยกับเขาทุกวัน เขาเป็นคนคุยสนุก แต่ในเรื่องที่เขาอยากให้เราทำคือการมีน้อง แต่เรื่องท้องมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แต่เราก็ส่งเขาไปดีที่สุดเท่าที่ลูกคนนึงจะทำได้แม้ในหลายๆ เรื่อง ที่พ่อแม่หวัง เราอาจจะทำให้ไม่ได้ แต่เอาเรื่องอื่นมาทดแทนในสิ่งที่เราทำได้ เราก็เต็มที่ไปแล้วเราไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้แล้ว แต่มันความเป็นลูกคนเล็กที่ได้รับแต่ความรัก แต่พอวันนึงไม่เหลือ เราไม่รู้จะอยู่ยังไงต่อ นุ่นไม่ได้กลัวความตาย แต่แค่รู้สึกว่าเราเหนื่อยกับการที่ต้องอยู่ ที่ต้องคาดเดาความเจ็บป่วยของคนอื่นมากกว่าตัวเราป่วย และวันที่พ่อแม่เสีย เราอยากตัดวงจรความเจ็บปวด ไม่อยากมีลูก ไม่อยากให้ลูกต้องมาเจ็บปวดเหมือนเรา แต่อีกมุมนึงถ้าพ่อไม่มีเรา ไม่มีพี่สาวใครจะมาดูแล หันมาจะบอกใครได้ ซึ่งมันก็ต้องมีใช่ไหม”
ตอนนี้ตั้งใจมีลูกไปถึงไหนแล้ว?
“คือทุกคนลุ้นเราเยอะนะ เราแต่งงานช้า กว่าจะวางแผนอีก มันเป็นเรื่องปกติที่เราอยากมีลูกในภาวะเรื่องนี้ แต่นุ่นไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรถ้าจะต้องมานั่งจิ้มพุงเพื่อกระตุ้นฮอร์โมน มันทนได้ และที่ผ่านมามีคนถามเยอะ แต่พอมันผ่านเรื่องคุณพ่อมา พอมีคนมาถาม มันยิ่งกดดัน เราจะหลุดง่ายมาก เพราะคิดว่ามันง่ายมากเลยเหรอ กับการมีลูก ตอนนี้เราไม่รับละครแล้ว เรามากินอาหารคลีน ไปเรียนกับนักโภชนาการ อยากกระตุ้นฮอร์โมน สิ่งที่ได้จากกินคลีน รูปร่างมันเปลี่ยน แต่เราก็ทำการบ้านตลอด ทำตั้งแต่ยังไม่แต่งเลย”
ทำไมไม่จดทะเบียน?
“เราค่อนข้างฟรีสไตล์ แต่พอผ่านเรื่องคุณพ่อมาแล้ว มันคือเรื่องละเอียด มันไม่ใช่แค่เธอรักฉัน ฉันรักเธอ แต่เรามั่นใจในตัวหลุยส์ เรายังใช้นามสกุลเดิม และวันไหนอยากใช้นามสกุลอะไรก็ได้เวลาที่ขึ้นเครดิตในละคร ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเรา หลายคนที่ถามว่าทำไม แต่มันเป็นสิ่งนี้ที่ทำให้เรากับหลุยส์อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้ามีลูกก็คงให้เขาใช้นามสกุลพ่อ”
ติดตามชมรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อ่าน ข่าวบันเทิงวันนี้ ที่เกี่ยวข้อง :