รีวิวหนัง "Borderlands แดนล้น คนปล้นจักรวาล" บู๊แหลกทีมป่วนกับเสน่ห์ติด ๆ ดับ ๆ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นช่วงรุ่งเรืองของบรรดาวิดีโอเกมที่พากันขึ้นมาอยู่บนจอใหญ่กันอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อาถรรพ์หนังจากเกมได้ถูกลบล้างไปได้สำเร็จแล้ว และล่าสุดก็เป็นการมาของอีกหนึ่งเกมแนว RPG ชื่อดังแห่งค่าย Gearbox ที่ได้กลายมาเป็นหนังจอเงินใน "Borderlands แดนล้น คนปล้นจักรวาล" ที่หวังจะเป็นเรือธงหนังผจญภัยล่าจักรวาลเรื่องใหม่ ด้วยทีมนักแสดงระดับชั้นแนวหน้า

Borderlands แดนล้น คนปล้นจักรวาล เรื่องราวของ ลิลิธ นักล่าค่าหัวมือพระกาฬผู้เก็บงำอดีตอันดำมืด เธอต้องทำภารกิจตามหาลูกสาวที่หายไปของแอตลาส สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล เธอจึงรวมทีมคนเพี้ยนจากทั่วทุกซอกหลืบกาแล็กซี เริ่มด้วย โรแลนด์ ทหารรับจ้างมากประสบการณ์ลุยมาแล้วทุกสมรภูมิ, ไทนี ทีนา จิ๋วจี๊ดตัวแสบมาพร้อมระเบิดทำลายล้าง, ครีก พี่กล้ามบอดี้การ์ดประจำตัวทีนา

นอกจากนี้ยังมี แทนนิส นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่เห็นมาแล้วทุกความวิบัติ และ แคลปแทรปหุ่นกระป๋องจอมปากแจ๋ว พวกเขามารวมทีมกันในนาม “Vault Hunters” ทีมฮีโร่ไม่สมประกอบทีมนี้ต้องลุยฝ่าบรรดาเอเลียนและแก๊งโจรโคตรอันตรายเพื่อค้นหาความลับที่จะพลิกชะตาแพนโดรา ชะตากรรมของจักรวาลอยู่ในมือพวกเขาแล้ว

นักสร้างหนังที่กำลังเฉิดฉายในยุคนี้ อย่าง "อีไล ร็อธ" มานั่งกุมบังเหียนดูแลงานสร้างให้ โดยเขารับหน้าที่ทั้งกำกับและร่วมดัดแปลงเขียนบทด้วยตัวเอง กลายออกมาเป็นหนังแอคชันผจญภัยกลิ่นอายไซไฟต่างดาว ที่ต้องยอมรับว่า Borderlands เต็มไปด้วยองค์ประกอบที่ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่และชวนหวือหวาอะไรสักเท่าไหร่ ตลอดระยะเวลา 100 นาทีของหนังทั้งเรื่องนี้

ก็โอเคอยู่ สำหรับงานสร้างและโปรดักชันที่จัดเต็มของหนังเรื่องนี้ เพราะทุ่มทุนสร้างระดับร้อยล้านที่สตูดิโอเทงบมาให้ ทำให้ฉากต่าง ๆ ออกมาได้ค่อนข้างใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้จัดว่าดีเลิศอะไรเท่าไหร่นัก เป็นไปตามบรรทัดฐานของหนังแนวนี้ที่ควรจะเป็น เพราะท้ายที่สุดมันก็คล้าย ๆ กับสไตล์ Guardians of the Galaxy จากฝั่งมาร์เวล มาผสมโรงเข้ากับ Suicide Squad ฝั่งดีซี ออกมาเป็นหนังผจญภัยแห้ง ๆ ที่ไม่ต่างกับการเดินหมากตามเกม

ในส่วนของบทหนัง Borderlands แทบไม่มีอะไรเลย อยากจะเป็น Star Wars ก็แทบจะเทียบชั้นไม่ได้เลย ยิ่งทันทีที่ได้ยินดวงดาวที่ชื่อ แพนโดรา ก็ถึงกับกลอกตาบน เพราะชื่อนี้มันช่างซ้ำซากเสียจริง พล็อตเรื่องมาพร้อมกับสูตรสำเร็จระดับชั้นประถม ถูกร้อยเรียงแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ที่แทบไม่มีอะไรซับซ้อนเลย จัดลำดับมาวางไว้แบบเป๊ะ ๆ จาก 1 ถึง 10 ไม่มีอะไรออกนอกกรอบสักนิด เป็นส่วนที่ทำให้อรรถรสของหนังไม่ออกรสชาติใด ๆ

โดยเฉพาะลีลาการผูกเรื่องของหนังก็ป้อนข้อมูลที่ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันใด ๆ ด้วยสักเท่าไหร่ ในแง่ของผู้ชมที่ไม่เคยเล่นหรือไม่เคยรู้จักกับเกมนี้เลย อาจจะมองว่าเป็นเพียงหนังบู๊ผจญภัยจับแก๊งที่ค่อนข้างเชยสำหรับยุคนี้ไปเสียแล้ว ซ้ำร้ายหนังเลือกที่จะเน้นให้แอร์ไทม์กับเส้นทางการเดินทางของชาวแก๊ง มากกว่าการใส่รายละเอียดเหตุและผลของสตอรี่มุมอื่น ๆ จนทำให้เมื่อไปสู่ฉากไคลแมกซ์ของเรื่องนี้ ได้ผลลัพธ์ออกมาที่จืดสนิท และแทบไม่มีพลังใด ๆ เลยด้วยซ้ำ

และถ้าหากว่า Borderlands ไม่ได้ทีมนักแสดงชุดใหญ่ไฟกะพริบชุดนี้แล้วละก็ อาจจะต้องบอกเลยว่า...หนังคงจะนิ่งเป็นกราฟแนวราบเลยทีเดียว เพราะต้องขอบคุณพลังดาราและความเป็นมืออาชีพของ "เคต แบลนเช็ตต์" ที่ก็ประหลาดใจเหมือนกันตอนที่เธอถูกเปิดตัวว่าจะรับบทบาทในหนังจากเกมเรื่องนี้ เพราะเป็นบทบาทที่ค่อนข้างเหลือเชื่อว่าเธอจะมาจอย ทั้งที่ส่วนใหญ่เธอคือตัวแม่จากหนังสายรางวัลมากกว่า

แต่กระนั้นแล้ว ถึงแม้ว่า เคต แบลนเช็ตต์ จะโชว์ศักยภาพและรับมือกับบทบาทที่เป็นมืออาชีพสักแค่ไหน การดีไซน์บทออกมาได้บ้ง ก็ยังคงบ้งตามเคย มีแค่เสน่ห์ของแม่เคตเท่านั้น ที่คอยช่วยประคับประคอง Borderlands ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นที่ยึดเหนี่ยวเดียวที่คนดูจะบันเทิงได้ โดยที่การดีไซน์คาแรกเตอร์ของเธอจะออกมาค่อนข้างแปลกประหลาด ซ้ำในบางครั้งดูจะไม่ค่อยเข้าที่้เข้าทางด้วย

อย่างน้อย ๆ ก็ยังมี "เควิน ฮาร์ต", "อาเรียน่า กรีนแบลตต์, "ฟลอเรียน มุนเตอานู" และ "เจมี ลี เคอร์ติส" มาร่วมทีมสร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ แบบที่บทบาทของพวกเขาแทบจะไม่มีมิติและชั้นเชิงใด ๆ เลยก็ตาม รวมทั้งการให้เสียงแบบขโมยซีนของ "แจ็ค แบล็ก" ให้กับเจ้าหุ่นยนต์แคลปแทรบ นี่น่าจะเป็นไฮไลต์ที่โดดเด้งที่สุดของหนังเรื่องนี้ แต่ก็นั่นแหละ...องค์ประกอบต่าง ๆ มันก็ช่างซ้ำซากไปกับหนังผจญภัยอวกาศที่เคย ๆ ดูกันมาแล้วทั้งนั้น 

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Borderlands แดนล้น คนปล้นจักรวาล ก็เป็นหนังบู๊ผจญภัยไซไฟที่ถอดแบบออกมาจากวิดีโอด้วยการทรีเมนต์ที่ไม่ได้ละมุนละไมสักเท่าไหร่ กลายออกมาเป็นหนังที่ยังเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวา รวมทั้งรสชาติแห่งความสนุก ที่ส่วนใหญ่ดันไปซ้ำรอยกับหนังแนว ๆ เดียวกันที่ผู้ชมล้วนแต่เคยผ่านตากันมาแล้วทั้งสิ้น ทีมนักแสดงอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้ แต่ก็ยังไม่ใช่บทบาทที่ลงตัวกับพวกเขาได้ดีทั้งหมด มันจึงกลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยส่วนผสมที่ขาด ๆ เกิน ๆ ไปได้ไม่สุดสักทาง รวมทั้งความสนุกก็ยังไม่สุดเช่นกัน