บทละครโทรทัศน์ ตอนจบ ตะวันตัดบูรพา ตอนที่ 22
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเข้าสู่ช่วงกลางดึก ตะวันฉายกำลังนอนเหม่ออยู่ แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นบูรพาปราดมาไขกุญแจมือของเขาออก บูรพาบุ้ยหน้าให้ตะวันฉายออกไปคุยกับตนข้างนอก
ตะวันฉายเดินนำบูรพาออกมา เมื่อหันมาเห็นบูรพาชูสมุดบัญชีให้ดูก็ถาม “อะไร”
“หลักฐานที่แกตามล่าอยู่ไงล่ะ คนของแกที่ตายไป รวมทั้งชัชชัย หรือแม้แต่เจิมฉัตร ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยทั้งนั้น”
“ฉันรู้.. ทำไมแกไม่ส่งให้ตำรวจแต่แรก”
“ตอนนั้นฉันคิดว่าอาจจะใช้มันถ่วงเวลาหรือต่อรองอะไรกับพวกบารมีได้บ้าง”
“ถึงเวลานี้มันไม่มีวันรับเงื่อนไขของใครอีกแล้ว”
บูรพาพยักหน้า “ฉันก็เลยคิดจะต่อรองกับแกแทน….”
“แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกหนีเหรอ”
“เปล่าฉันไม่ได้คิดจะขอแกเรื่องนั้น ฉันแค่ต้องการให้แกรับปาก ถ้าพรุ่งนี้ฉันเกิดหนีไม่รอดขึ้นมาแกช่วยดูแลธิชาแทนฉันได้มั้ย” ตะวันฉายอึ้งไป บูรพาย้ำ “ฉันขอร้อง” ตะวันฉายยอมพยักหน้าออกมา บูรพายื่นสมุดบัญชีให้ก่อนจะเดินเล่นไปมองท้องฟ้า “อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ใกล้สว่างแล้ว…”
ท่ามกลางแสงจันทร์เห็นรถของทัศน์จอดรออยู่ ก่อนจะมีรถอีกสองคันแล่นตามเข้ามาจอด ทัศน์กำลังโทรศัพท์รายงานท่านรองบารมีอยู่ในรถ “คิดว่ากำลังจะเจอตัวมันแล้วครับท่าน ใช่ครับ ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว”
ทัศน์วางสายก่อนจะพยักหน้าให้ยุทธ ยุทธกะพริบไฟท้ายเป็นสัญญาณสองสามครั้งก่อนจะออกรถเลี้ยวเข้าไป
ธิชากำลังนอนหลับอยู่ ค่อยๆงัวเงียตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงตะวันฉายกับบูรพา
“แกก็รู้ว่ามันเสี่ยง แล้วจะดันทุรังไปทำไม ถ้าเกิดมันเป็นอย่างที่แกว่าจริงๆ ถ้าแกตายไปฉันจะกลับไปบอกพ่อว่ายังไง” ตะวันฉายห่วงน้อง “บูรพาเลิกล้มแผนการณ์ของแกซะเถอะ แกหนีไม่พ้นหรอก ถ้าแกยอมมอบตัวฉันรับปาก ฉันจะคุ้มกันแกเอง”
“แบบเดียวกับที่แกคุ้มกันชัชชัยน่ะเหรอ” ตะวันฉายเสียฟอร์ม…“เมื่อไหร่แกจะตาสว่างซะที โลกนี้ทั้งโลกทุกคนเล่นตุกติกกันทั้งนั้น เหลือแต่แกคนเดียวที่ยังเล่นตามกฎอยู่ แกไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอุ้ยอ้ายบ้างหรือไง แบกอุดมการณ์ไว้บนหลังแล้วก็คลานไปเหมือนเต่า คิดดูสิ แกรับราชการมากี่ปี แกยิงคนร้ายไปกี่คนยังติดยศอยู่แค่ร้อยตรี แต่พอแกมีปัญหาเรื่องของฉันแค่นิดเดียว แกต้องโดนย้ายไปอยู่ชานเมือง อาชีพตำรวจแบบของแก….มันคุ้มกันแล้วเหรอ” บูรพาท่าทางห่วงตะวันฉายเช่นกัน
“ฉันไม่ได้เป็นตำรวจเพราะหวังความก้าวหน้า พอๆกับที่แกเป็นไอ้วายร้าย ฉันรู้ว่าแกก็ไม่ได้หวังจะเป็นคนเลวเหมือนกัน” ตะวันฉายนึกสมเพชชะตากรรม “ความจริงเราสองคนก็แค่พยายามชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองสูญเสียไป”