บทละครโทรทัศน์ สายลับรักป่วน ตอนที่ 4 หน้า 2
ดินสงสัย “หรือว่าจะเป็นพวกค้ามนุษย์ที่กำลังเป็นข่าว”
“ร๊อค แกเอาแว่นให้ไอ้ดินมันใส่... ดินแกจัดการคนร้ายได้เลย” คุกกี้สั่ง
ดินเอาแว่นจากร๊อคมาใส่ ดินเห็นตำแหน่งของคนร้ายที่อยู่ในรถจากแว่น ดินชะโงกออกไปจะใช้ปืนเล็งยิงคนร้าย
คนร้ายเห็นดินชะโงกออกมาก็ขับรถตู้เพื่อปาดกระแทกรถตู้ปฏิบัติการ รถตู้ทั้งสองเบียดส่ายกันไปมา ทำให้ดินไม่สามารถยิงคนร้ายได้
“พี่คุกกี้เอารถไปจี้ติดท้ายรถมันที” ดินตะโกนบอก
คุกกี้ขับรถตู้ไปจี้ติดตูดรถตู้คนร้าย ดินเปิดประตูแล้วปีนขึ้นหลังคารถตู้ตัวเอง ก่อนที่จะกระโดดข้ามไปรถตู้คนร้ายที่อยู่ด้านหน้า ดินเคาะกระจกหน้าต่างท้ายรถ คนร้ายเปิดหน้าต่างแล้วยื่นมือออกมายิงไปด้านหลัง ดินจับมือของคนร้ายดึงให้หน้ากระแทกกับรถสองสามทีจนสลบ
คนร้ายอีกคนชะโงกหน้าออกมาดู เห็นดินบนหลังคารถเลยลั่นไก ดินนอนคว่ำหลบกระสุน คนร้ายได้ยินเสียงดินเดินบนหลังคาก็ยิงใส่หลังคาหวังให้กระสุนทะลุมาถูกดิน ดินต้องถอยหนีมาด้านหลังรถตู้ ดินถอยหนีมาเรื่อย
คุกกี้เห็นดินถอยมาก็เอารถไปจี้ติดจนดินถอยหนีข้ามมาที่รถตู้ปฏิบัติการ รถตู้ชนกระแทกกัน คนร้ายที่ยิงหลังคาเซไปมาเพราะแรงกระแทกของรถ จนทำให้ยิงพลาด กระสุนไปถูกหัวไหล่ของเมที่นั่งอยู่
ดินเห็นภาพจากบั๊กสาระแนก็รีบบอก “พี่คุกกี้ เมถูกยิง”
ดินกระโดดข้ามกลับไปที่รถตู้ของคนร้าย คนขับรถตู้ขับรถส่ายไปมาหวังให้ดินตกจากรถ หัวของสาวๆ ในรถที่หลับส่ายไปส่ายมา ทำให้ดินยังไม่มีจังหวะจะยิง ดินคุกเข่าลง ตั้งสติ จนในที่สุดก็ก็ยิงคนร้ายได้สำเร็จไปคนนึง
ดินไปเกาะประตูข้างคนขับ ต่อยหมัดทะลุกระจกไปดึงหัวคนร้ายจับกระแทกกับพวงมาลัยจนสลบ แล้วเปิดประตูเข้าไปขับรถตู้แทน
“ผมยึดรถตู้มาได้แล้ว กำลังจะขับไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ร๊อคแฮ็คสัญญาณไฟเขียวเปิดทางให้ด้วย” ร๊อคกดโน๊ตบุ๊กเพื่อแอ็คไฟจราจรให้เขียวตลอดเส้นทาง ดินขับรถตู้ไป แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมองผ่านกระจกส่องหลัง เห็นมณีมาลาฟื้นเงยหน้าขึ้นมาท่าทางปวดหัวงัวเงีย “เฮ้ย คุณมณีมาลา มาได้ไงวะเนี่ย”
ดินหันไปมาแล้วเอาหน้ากากกันแก๊ซพิษของคนร้ายมาใส่เพื่อปิดบังโฉมหน้า
มณีมาลาฟื้นขึ้นมาแล้วตกใจ “ว๊าย ตายละ นี่แกมอมยาจะพาฉันไปขายรึไง จอดรถปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” มณีมาลาชะโงกตัวไปทุบตีดินที่กำลังขับรถอยู่
ดินถูกทุบตีก็พยายามอธิบาย “ผมไม่ได้จับตัวป้ามา ผมมาช่วย”
“อย่ามาหลอกฉันเลย ปล่อยฉันไป จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้ปล่อย ช่วยด้วย ช่วยฉันที” มณีมาลาร้องโวยวายไปก็ทุบตีดินไป