บทละครโทรทัศน์ พิษสวาท ตอนที่ 13 หน้า 2
เสียงนิ่มตอกย้ำ “อยากรู้จริงๆว่าไอ้คนยิงจิตใจมันทำด้วยอะไร คนเค้ามีลูกมีเมีย มันไม่คิดถึงหัวอกคนอื่นเลยรึยังไงนะ”
อัคนีทนเห็นไม่ไหว หันไปอ้วก
ได้ยินเสียงอุบลดังในหัว “ทนไม่ได้หรือคะ? นี่ละค่ะท่าน... ไร้ซึ่งความเมตตาปรานีใดใด”
อัคนีชะงัก หันมองหา แต่อยู่ๆภาพโดยรอบอัคนีเปลี่ยนกลายเป็นค่ายทหารที่มีแต่ทหารที่เหนื่อยอ่อน และมีบาดแผลที่กำลังถูกรักษา อัคนีค่อยๆเดินสำรวจแล้วรับรู้ได้ถึงความรู้สึกคับแค้นใจ หวาดกลัว อ่อนล้า ฯที่อยู่รอบๆ อัคนีรู้สึกสงสารคนเหล่านั้นมาก แต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง
ทันใดนั้นได้ยินเสียงพระอรรคที่โกรธดังเข้ามา“มึงกล้าหนีทัพ เอาความในไปขายให้ศัตรูงั้นหรือ?!!!”
ผู้คนที่ได้ยินต่างก็ตกใจ ที่พอมีแรงอยู่ก็รีบวิ่งไปดู อัคนีรีบตามไป
ที่กลางค่าย พระอรรคเพิ่งจับตัวทหารที่หนีทัพแล้วขายความลับแก่ศัตรูมาได้ ท่าทางพระอรรคโกรธ มองทหารที่ถูกจับตัวได้ทั้งแค้นใจ เสียใจ ผิดหวัง
ทหารยกมือไหว้ท่วมหัวกลัวมาก “กระผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้กระผมเถิดขอรับ”
พระอรรคตะโกนบอก “พวกมึงดูเป็นเยี่ยงเอาไว้ ไอ้คนนี้มันเอาความลับเรื่องการเคลื่อนทัพของกรุงศรีไปขายต่อพวกอังวะ เพราะเห็นแก่เพียงข้าวไม่กี่กระสอบ” เขาชักดาบออกมาชี้หน้า
ทหารกลัวมาก “อย่า!! กระผมจำเป็นต้องทำ ลูกเมียกระผมไม่มีจะกิน”
“แล้วลูกเมียคนอื่นเขามีกินกันหรือ? ไอ้ที่ต้องสู้รบอยู่นี่ก็เพราะต้องขับไล่ให้ศัตรูมันออกไปจากผืนแผ่นดินอันเป็นที่อยู่ที่ทำกินของพวกเรา!! มึงทำแบบนี้นอกจากจะเห็นแก่ตัว มึงยังทุรยศต่อเพื่อนพ้องแลชาติบ้านเมืองอีก!!!”
ทหารอึ้ง หันมองเพื่อนทหารคนอื่นที่มองมาด้วยสายตาผิดหวัง แล้วรู้สึกสำนึกผิด ทหารเงยหน้ามองพระอรรค “คุณพระขอรับ...”
ทันใดนั้นดาบของพระอรรคตัดคอของทหารคนนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว หัวของทหารกระเด็นไปที่เท้าของอัคนี
พระอรรคจ้องหน้าอัคนี “พวกมึงจงดูเป็นเยี่ยงอย่างเอาไว้ นี่คือโทษทัณฑ์ของคนขายแผ่นดิน!!”
ร่างของทหารหมอบตายอยู่ที่พื้นตรงเท้าพระอรรค พระอรรคโหดเหี้ยมจนทุกคนยำเกรง อัคนีอึ้งช็อค
รูปสเก็ตชที่ทิพอาภากำลังวาดอยู่ เป็นรูปพระอรรคกำลังซ้อมดาบอยู่กับจันที่ลานซ้อมดาบในบ้าน ทิพอาภากำลังวาดภาพจากความทรงจำที่ปรากฏขึ้น รอบๆตัวทิพอาภามีรูปที่วาดเสร็จแล้วอยู่หลายรูป ส่วนใหญ่จะเป็นรูปที่บ้านสโรชินีที่ตนเพิ่งไปเห็นมา มีทั้งครัว ท่าน้ำ หอนั่ง ห้องหนังสือ โรงซ้อมละคร
รัมภาเดินเข้ามาดูทิพอาภา “ตายแล้วทิพ! จะเช้าอยู่แล้ว ยังไม่ได้นอนอีกเหรอลูก?”