บทละครโทรทัศน์ หน้ากากนางเอก ตอนที่ 21 หน้า 2
ปราชญ์อึ้งกับจิตใจอ่อนโยนของช้องนาง “ผมไม่เป็นไรเลยครับ คุณน้าต่างหากที่เสียหาย แล้วผมเองไม่ทันได้ดูเองด้วย”
“ก็ไม่ทันได้ดูทั้งคู่แหละจ้ะ ไม่มีใครผิดหรอก น้าไปก่อนนะจ๊ะ”
“ครับ”
ช้องนาง กับปราชญ์ เดินไปทางเดียวกัน ทั้งสองคนมองกันแบบยิ้มๆ
“ไปทางเดียวกันเลยนะจ๊ะ”
“ครับ พอดีรถผมจอดอยู่ด้านนี้...” ช้องนางยิ้มให้ แล้วเดินไปนำหน้าไปก่อน ปราชญ์เดินตาม มองช้องนางแบบคิด ๆ แล้วตัดสินใจถาม “เอ่อ...คุณน้ามีเรื่องกลุ้มใจอะไรเหรอครับถึงได้มาปฎิบัติธรรมที่วัด”
ช้องนางหยุดเดิน หันมายิ้มให้ปราชญ์ “ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอกจ้ะ น้ามานั่งสมาธิประจำอยู่แล้ว มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ..”
“เปล่าครับ...” ช้องนางมองปราชญ์แบบยิ้มๆ ปราชญ์พูดต่อ “เอ่อ...ก็ปกติมีแต่คนแก่เค้ามากันไม่ใช่เหรอครับ คุณน้ายังสาวอยู่เลย”
“จะสาวจะแก่ก็ตายวันนี้วันพรุ่งได้เหมือนกัน มาเร็วฝึกจิตเร็ว สงบเร็วก็ดีไม่ใช่เหรอจ๊ะ” ปราชญ์พยักหน้าเห็นด้วย “ว่าแต่...แล้วเรามีเรื่องกลุ้มใจอะไรเหรอถึงได้มาวัด” ช้องนางถาม
“อ้อ... คือ...เป็นเรื่องที่บ้านน่ะครับ”
“ไม่สะดวกเล่าก็ไม่เป็นไรจ้ะ...แต่ถ้าได้เล่าแล้วสบายใจก็เล่าออกมาเถอะจ้ะ...น้ายินดีฟัง” ปราชญ์นิ่ง กำลังตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือไม่ “วัยนี้คงหนีคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิง”
“ครับ แต่ไม่ใช่ของผม...เอ่อ...ของพ่อน่ะครับ พ่อผมจะแต่งงานใหม่ แต่ผมไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้ใครมาแทนที่แม่ที่เสียไป”
“แล้วเราได้คุยกับคุณพ่อบ้างรึเปล่าล่ะจ๊ะ”
“คุยแล้วครับ แต่ยังไม่ได้คุยกันแบบจริงจังซะที พอดีผมเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อ ส่วนพ่อก็ต้องเดินทางไปติดต่องานที่ต่างประเทศตลอด จนตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้คุยกันอีก...แต่ถึงจะพูดกี่ครั้งพ่อก็คงไม่ฟังผมหรอกครับ เพราะพ่อบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดี.. ผมไม่เชื่อพ่อหรอก...พ่อกำลังหลงผู้หญิงคนนั้นอยู่มากกว่า”
“เราเคยเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วเหรอจ๊ะ...” ปราชญ์ปราชญ์ส่ายหน้า “ถ้างั้นน้าว่า อย่าเพิ่งกลุ้มใจไปล่วงหน้าดีกว่าไหม..กลุ้มใจไปตอนนี้ ก็มีแต่เราที่ทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว...คนเรามักจะทุกข์กับเรื่องที่คาดคะเนว่าคนนั้นจะเป็นอย่างนั้นคนนี้จะเป็นอย่างนี้ กลัวล่วงหน้าทั้งๆ ที่มันยังไม่เกิด ไปตัดสินก่อนทั้งๆ ที่ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความคิดฟุ้งซ่านของเราเท่านั้น เผลอๆ ยังอคติกับเขาเกินกว่าที่ควรจะเป็นอีกต่างหาก ทางที่ดีน้าว่าขอให้มาเจอกันดูก่อน เราจะได้รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นดี หรือไม่ดียังไง แล้วค่อยมากลุ้มใจก็ไม่สายหรอกไปหรอกนะ...คุณว่าไหม”
ปราชญ์คิดตาม แล้วยิ้มแบบที่หลุดพ้นจากความคิดอคติ “ผมฟังแล้วรู้สึกว่าผมกำลังสร้างอคติขึ้นมาเองอย่างที่คุณน้าว่าจริงๆ...ก็จริงนะครับ...บางทีมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิดไว้ก็ได้” ช้องนางยิ้มให้ปราชญ์อย่างอ่อนโยน “ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมคิดอะไรได้...ตั้งแต่แม่ผมเสียไป ผมก็ไม่เคยได้ยินใครพูดอะไรแบบนี้อีก
น้าเหมือนแม่ผมเลยนะครับ”