บทละครโทรทัศน์ บ่วงบรรจถรณ์ ตอน 14
ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ กีรตี ชนา บทโทรทัศน์ ชลนภัสส์ จันทรังษี จีรนุช ณ น่าน
ตอนเช้า ห้องหนังสือในหอคำ ครูบุญสิงห์สีหน้าเคร่งเครียดเป็นกังวล
“อูซอกำลังจะถูกแต่งตั้งให้เป็นเมียวซาครองรัฐทางเหนือของสิบสองปันนา”
“เมียวซา... ตำแหน่งรองจากเจ้าฟ้า มีศักดิ์เป็นเจ้าเมือง” ซานแปงเปรย
“ถ้าเจ้านางตองริ้วกับซานแปงยังอยู่ในเวียงขิน อูซอต้องใช้อำนาจของเขารังแกเวียงขินแน่”
“พาน้าปอสากับบัวเขมลี้ภัยไปด้วย จะได้ไม่ต้องห่วงทางนี้”
หลาวเปิงบอกซานแปงอย่างคาดเดาความกังวลใจของเพื่อนสนิทได้
“ตองริ้วก็เป็นห่วงพี่หลาวเปิงกับทุกคนในเวียงขินอยู่ดี”
“ความปลอดภัยของน้องและทุกคนในเวียงขินเป็นหน้าที่ของพี่”
เจ้านางตองริ้วเศร้าใจ “สงครามมีแต่ความสูญเสียและความเกลียดชัง เมื่อไหร่จะจบสักที”
“เมื่อมนุษย์รู้จักพอ” เสียงเบรกรถดังมาจากข้างนอก จนทำให้ทุกคนต้องหันไปมองตามเสียงด้วยความแปลกใจ
หน้าหอคำ หลาวเปิง เจ้านางตองริ้ว ซานแปง ครูบุญสิงห์เข้ามา ตกใจที่เห็นทองเพ็งประคองเจ้านางเรืองระยับลงจากรถ ทหารสองนายช่วยกันประคองทหารพลขับที่มีใบหน้าฟกช้ำตามลงมา เจ้านางตองริ้วเข้าไปช่วยประคองเจ้านางเรืองระยับ “เกิดอะไรขึ้นคะพี่เรืองระยับ ?”
“เราโดนปล้น พวกโจรฉุดแพรนวลไป”
ปอสากับบัวเขมยกถาดใส่ของว่างผ่านมาได้ยินพอดี ปอสาตกใจเผลอปล่อยถาดหลุดจากมือหล่นลงพื้นกระจัดกระจาย “โจรปล้น”
หลาวเปิงร้อนใจมาก “มันพาแม่หญิงไปทางไหน”
“ประตูยางปึ่ง”
ถนนชายป่า รถจี๊ปของหลาวเปิงและรถจี๊ปทหารเวียงขินสามคันกำลังแล่นไปอย่างรวดเร็ว หลาวเปิงขับรถเองมาดเท่ ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นห่วงแพรนวลมาก ซานแปงเปรย “ประตูยางปึ่งเป็นประตูกาลกิณีที่ใช้เคลื่อนศพออกไปป่าช้านอกเมืองเวียงขินรอบ ๆ มีแต่ป่าทึบ พวกโจรจะได้เปรียบในการซุ่มโจมตีเรา”