รีเซต

[US Boxoffice] จบไม่สวย "Kraven the Hunter" รับหน้าที่ปิดจักรวาลหนังแบบไม่น่าจดจำ

[US Boxoffice] จบไม่สวย "Kraven the Hunter" รับหน้าที่ปิดจักรวาลหนังแบบไม่น่าจดจำ
Jeaneration
16 ธันวาคม 2567 ( 09:00 )
100

Box Office Kraven the Hunter

บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกา รายงานอันดับหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์วันที่ 13-15 ธันวาคม 2024 - ย่างเข้าสู่สัปดาห์กลางเดือนธันวาคม เหลืออีกเพียงไม่กี่วันก็จะได้เวลาอำลาศักราชนี้อย่างเป็นทางการแล้ว แต่บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาก็ยังเต็มไปด้วยอรรถรสของกลุ่มหนังแนวครอบครัวที่ยังค้างฉายอยู่ต่อไป กลุ่มหนังเข้าใหม่ก็ยังไม่สามารถต้านต่อพลังและกระแสความแรงในช่วงเทศกาลปลายปีได้แต่อย่างใด ๆ เช่นเดียวกับหนังแอนตี้ฮีโรเรื่องล่าสุด ที่ขอมาอาศัยพลังความปังช่วงปลายปี แต่ดูเหมือนว่าพลังนั้นไม่อาจจะช่วยได้สักเท่าไหร่

เพราะผลลัพธ์กลายเป็นว่า "Kraven the Hunter" ผลงานหนังแอนตี้ฮีโรเรื่องล่าสุดจากจักรวาลหนังไอ้แมงมุมของโซนี พิคเจอร์ส ที่เดิมจะฉายตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม แต่ได้ขยับเลื่อนมาช่วงปลายปีแทน แต่ก็ทำตัวเลขออกมาได้น่าอดสูไม่น้อย เพราะเปิดตัว 3 วันไปได้แค่เพียง 11 ล้านเหรียญ จาก 3,211 โรงฉายทั่วประเทศ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่ 3,400 เหรียญนิด ๆ จากทุนสร้างประมาณ 110 ล้านเหรียญ กลายเป็นผลลัพธ์รายได้ที่ตอกย้ำความถดถอยของกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโรในยุคนี้อย่างต่อเนื่อง

ตัวเลขเปิดตัวของ Kraven the Hunter ได้กลายเป็นสถิติหนังที่เปิดตัวได้รายได้น้อยที่สุดในจักรวาลเดียวกันทั้งหมด น้อยกว่า Madame Web ที่เคยเปิดตัวไว้ 15.3 ล้านเหรียญ เมื่อช่วงต้นปี 2024 ที่ผ่านมา แม้ว่านี่จะเป็นผลงานหนังเรื่องที่ 3 ในรอบปีนี้จากจักรวาลแห่งนี้ แต่ก็ยังมอบผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งมีข่าวว่าโซนีได้ตัดสินใจปิดและยกเลิกพัฒนาจักรวาลหนังแห่งนี้ไป โดยจะหันไปเน้นงานสร้างหนัง Spider-Man เป็นหลักแทน

Kraven the Hunter ยังได้รับกระแสตอบรับที่ไม่ค่อยสู้ดีด้วย เพราะหนังได้เกรดจากผู้ชมไปแค่ C จากการสำรวจหน้าโรงหนังของ CinemaScore โดยที่ยังถูกนักวิจารณ์สับเละเป็นน้ำ เพราะมีคะแนนความชื่นชอบหนังเรื่องนี้แค่เพียง 15% บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่อย่างน้อย ๆ ก็ยังสูงกว่าคะแนนของ Madame Web ที่หยุดไว้ที่ 11% ในเวลานี้ เท่ากับว่าการปิดฉากของจักรวาลหนังส่วนต่อขยายของไอ้แมงมุม ทำการปิดฉากลงไปแบบไม่น่าดูมองเท่าไหร่นัก

แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มหนังที่มาเอาใจคุณหนุ่ม ๆ ในสัปดาห์นี้ เพราะอีกเรื่องก็คือ "The Lord of the Rings: The War of the Rohirrim" หนังแอนิเมชันสไตล์ 2 มิติ ที่แตกยอดแตกไลน์ขยายจากตำนานเรื่องราวในจักรวาลมิดเดิลเอิร์ธในรูปแบบหนังการ์ตูน ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชายเช่นกัน ก็ทำรายได้เปิดตัวได้น่าหนักใจ กับตัวเลข 3 วันที่ 4.6 ล้านเหรียญ จาก 2,602 โรงฉาย คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงเพียง 1,700 เหรียญ ถือว่าเปิดตัวได้น้อยว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้

The War of the Rohirrim อาจจะไม่ใช่หนังที่ใช้เม็ดเงินลงทุนมากเท่าไหร่ เพราะใช้งบไปแค่ 30 ล้านเหรียญ ขณะที่สถานการณ์ตัวเลขในตลาดนอกอเมริกาก็ไม่ค่อยสู้ดีเช่นกัน เพราะหนังเพิ่งจะเก็บกักเงินไปได้แค่ราว ๆ 2-3 ล้านเหรียญ จากการเปิดฉายในสัปดาห์นี้และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในบางประเทศ แต่หนังก็มีคิวจะขยายเปิดตัวอีกหลายชาติในช่วงสุดสัปดาห์ถัดไปนี้

นี่คือหนังที่อาจจะไม่ได้รับความสนใจโปรโมตจากสตูดิโอสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังเป็นการได้รับไฟเขียวให้สร้างแบบปุบปับ เพียงต้องคอนเทนท์ใหม่เพื่อยืดเวลาถือครองลิขสิทธิ์จักรวาลนี้ต่อไปเท่านั้น ปัจจุบันก็มีหนังไลฟ์แอคชันจากจักรวาลมิดเดิลเอิร์ธ เตรียมจะกลับมาสานต่อความยิ่งใหญ่ นับตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ที่สตูดโอได้ทำการอนุมัติสร้างไปแล้วอย่างน้อย 2 เรื่องในตอนนี้

สำหรับแชมป์หนังในวีคนี้ก็ยังคงเป็น "Moana 2" อีกเช่นเคย ทำเงินไปอีก 26.6 ล้านเหรียญ เป็นหนังที่ยังถือครองรอบและโรงฉายได้เยอะที่สุดในอเมริกาอยู่ต่อไป ล่าสุดฟันเงินในบ้านไปได้แล้วถึง 337 ล้านเหรียญ กับตัวเลขทั่วโลกที่ทยานไปเฉียด 720 ล้านเหรียญ คาดว่าก่อนจะสิ้นปีนี้ สาวน้อยโมอาน่าก็น่าจะฝ่าด่านรายได้แตะถึงหลักพันล้านได้แน่ ๆ

รองแชมป์ก็ยังเหนียวแน่นเช่นเคย กับ "Wicked" ที่ยังคงครองใจผู้ชมและเก็บรายได้แต่ละวีคได้อย่างน่าพอใจ ทำเงินไปอีก 22.5 ล้านเหรียญ ลดลงไปแค่ -38% ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ากระแสเวทีรางวัลเริ่มมาซัพพอร์ตหนังเรื่องนี้แล้ว โดยหนังได้ติดโผเข้าชิงลูกโลกทองคำได้ถึง 4 รางวัล โกยรายได้ในบ้านไปได้เฉียด 360 ล้านเหรียญ กับยอดรวมทั่วโลกที่ทะลุ 520 ล้านเหรียญไปได้อย่างสวยงาม..วิคเคด!

"Gladiator II" ก็ยังเก็บรายได้ได้ดีต่อเรื่อย ล่าสุดเก็บเพิ่มไปอีก 7.8 ล้านเหรียญ ลดลงไปแค่ -38% แม้ว่าจะเป็นหนังทุนสูงปรี๊ด แต่ก็ค่อนข้าง ๆ ยืนโรงกวาดเงินไปเรื่อย ๆ ล่าสุดก็ทำเงินไปแล้ว 146 ล้านเหรียญ กับทั่วโลกที่เฉียด ๆ 400 ล้านเหรียญ ขณะที่ "Interstellar" หนังไซไฟในตำนานของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่นำกลับมาฉายใหม่ฉลองครบ 10 ปี กลายเป็นการฉายซ้ำที่ปังมาก วีคนี้ไอแมกซ์มีการเพิ่มโรงฉายให้อีก ทำให้เก็บเงินไปอีก 3.3 ล้านเหรียญ ลดลงมาแค่ -28% เท่านั้น และทำให้กระตุ้นรายได้รวมของหนังเรื่องนี้ใกล้จะแตะ 200 ล้านเหรียญแล้ว

อันดับหนังเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็มี "Queer" หนังดรามา LGBTQ ที่ส่งให้ แดเนียล เคร็ก เข้าชิงรางวัลต่าง ๆ ในตอนนี้ เพิ่มโรงฉายวงกว้างมากขึ้นเป็น 460 โรงทั่วอเมริกา ทำเงินเพิ่ม +95% เก็บไป 790,000 เหรียญ ขณะที่ "September 5" หนังดรามาสายการข่าวเรื่องใหม่ ที่หวังรางวัลแต่ยังไม่ค่อยติดโผรางวัลไหนในตอนนี้ เปิดตัวฉายแค่ 7 โรง ออกสตาร์ทที่ 89,000 เหรียญ ต้องตามดูกันยาว ๆ ว่าจะมีกระแสรางวัลมาช่วยหนุนหรือไม่ และ "Nickel Boys" ม้ามืดหนังรางวัลปีนี้ เปิดตัวได้น่าประทับใจที่ 60,000 เหรียญ จากแค่ 2 โรงฉาย

ภาพรวมของบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาในตอนนี้ถือว่าน่าพอใจขึ้น เพราะไล่ตามหลังสถิติรายได้ของปี 2023 แค่เพียง -5.3% เท่านั้น เชื่อว่าน่าจะปิดปีได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน เพราะสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ก็จะมี 2 หนังฟอร์มใหญ่ล็อตสุดท้ายของปีมาช่วยกระตุ้น นั่นก็คือ "Mufasa: The Lion King" หนังภาคต้นจากตำนานเจ้าป่าของดิสนีย์ มาเผชิญหน้ากับไตรภาคของหนังจากวิดีโอเกมสุดคลาสสิก "Sonic the Hedgehog 3" ที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าจะเป็นวีคที่เชือดเฉือนรายได้กันสนุก โดยที่มี "The Brutalist" หนังดรามาตัวเต็งรางวัลปีนี้ได้ฤกษ์ฉาย ร่วมด้วย "The Room Next Door" งานขายการแสดงของ 2 ดาราสาวสุดปัง

 Source: TheNumbers

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa