รีเซต

[US Boxoffice] "Beetlejuice Beetlejuice" ยืนหนึ่งต่อ ตำนานผู้ขี้จุ๊ยยังครองใจคนอเมริกัน

[US Boxoffice] "Beetlejuice Beetlejuice" ยืนหนึ่งต่อ ตำนานผู้ขี้จุ๊ยยังครองใจคนอเมริกัน
Jeaneration
16 กันยายน 2567 ( 09:00 )
71

Box Office Beetlejuice Beetlejuice

บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกา รายงานอันดับหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์วันที่ 13-15 กันยายน 2024 - หลังจากที่เริ่มต้นเดือนกันยายนไปค่อนข้างสดใสพอสมควร สุดสัปดาห์นี้ความร้อนแรงก็ดร็อปลงมานิดหน่อย แต่ตำนานผีขี้จุ๊ยก็ยังคงยืนหนึ่งต่อไปในอเมริกา สวนทางกับกระแสนอกฝั่งอเมริกาที่อาจจะไม่ได้เปรี้ยงปังมากนัก โดยที่กลุ่มหนังเข้ามาเสริมทัพเรื่องใหม่ ๆ ก็ทั้งเรื่องที่ทำเงินได้แบบเกินคาด กับเรื่องที่ค่อนข้างต้องยอมรับชะตากรรมที่ไม่มีใครตีตั๋วไปดู เป็นสองขั้วที่ต้องยอมรับกันบนบ็อกซ์ออฟฟิศยุคนี้

ยังมาวินและยังครองแชมป์ต่อไปก็คือ "Beetlejuice Beetlejuice" ภาคต่อหนังสยองขวัญแฟนตาซี ที่กลับมาสร้างความสนุกให้กับผู้ชมอีกครั้งในรอบ 35 ปี หลังจากที่เคยเปิดตัวถล่มทลายไปวีคก่อน เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ก็ฟันรายได้ไปเพิ่มอีก 51.7 ล้านเหรียญ ที่อาจจะเป็นตัวเลขที่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังถือว่ากวาดรายได้ได้ค่อนข้างเป็นกอบเป็นกำได้ดีอยู่ต่อไป ซึ่งนั่นก็ทำให้ยอดรวมในอเมริกาขยับไปแตะที่ 188 ล้านเหรียญ ที่เชื่อว่าจะทะลุหลัก 200 ล้านได้ไม่ยากเย็นนัก ก่อนจะถึงสุดสัปดาห์ถัดไป

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวละครผีขี้จุ๊ยค่อนข้างทรงอิทธิพลในหมู่คนอเมริกันจริง ๆ โดยหนังยังคงครองตำแหน่งเรื่องที่มีรอบฉายเยอะที่สุดทั่วอเมริกาในเวลานี้ แม้ว่าในบ้านจะทำเงินได้ค่อนข้างสดใส แต่ก็สวนทางกับกระแสในตลาดหนังนอกอเมริกา เพราะกลายเป็นว่า Beetlejuice Beetlejuice ไม่ค่อยดึงดูดใจและทำเงินได้สูงมากนัก กับตัวเลขรายได้ที่ยังไม่ถึง 50 ล้านเหรียญ จากตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกที่นอกเหนือจากในอเมริกา คิดเป็นสัดส่วนแค่ราว ๆ 20% จากรายได้รวมทั้งหมดของหนัง จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าความคลาสสิกของหนังเรื่องนี้ยังอยู่คงกระพันเฉพาะแค่ในอเมริกาจริง ๆ

เปิดตัวใหม่ได้ค่อนข้างน่าพอใจในอันดับที่ 2 ก็คือ "Speak No Evil" หนังเขย่าขวัญที่ทำการรีเมคสร้างมาจากหนังเดนมาร์กชื่อเดียวกันเมื่อปี 2022 ถึงจะเป็นการสร้างใหม่ทันทีที่ค่อนข้างเร็ว แต่ฉบับฮอลลีวูดก็ซื้อใจคนดูได้ใช้ได้ทีเดียว ออกสตาร์ทด้วยรายได้ 11.5 ล้านเหรียญ จาก 3,375 โรงฉาย คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่ประมาณ 3,400 เหรียญ โดยกระแสตอบรับของหนังค่อนข้างดี เพราะได้เสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ที่สูงถึง 85% บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes อีกทั้งหนังยังใช้ทุนสร้างแค่ 15 ล้านเหรียญ นี่จึงนับว่าเป็นหนังเรื่องแรกของค่ายบลัมเฮาส์ในปี 2024 ที่มีทิศทางค่อนข้างรอดตายบนบ็อกซ์ออฟฟิศ

ขณะที่ในอันดับที่ 4 เป็นหนังสารคดี "Am I Racist?" ของดาวตลกและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง แมตต์ วอลช์ ที่กลายเป็นหนังภายในประเทศที่เปิดตัวได้แบบมาแรงแซงโค้ง กับรายได้ 3 วันแรกที่ 4.75 ล้านเหรียญ จาก 1,517 โรงฉายทั่วอเมริกา หรือได้รายได้เฉลี่ยต่อโรงน่าพอใจที่หลัก 3,000 เหรียญ นี่คือหนังที่กระแทกกระทั้นสังคมอเมริกันที่ได้รับคำวิจารณ์ชื่นชมหนาหู ผนวกกับเกมการเมืองก่อนหน้าเลือกตั้งใหญ่ของอเมริกากำลังเข้มข้น น่าจะมีส่วนที่ช่วยผลักดันให้หนังเรื่องนี้ติดโผเข้ามาแบบเซอร์ไพรส์

แต่ที่ค่อนข้างน่าผิดหวังก็คือ "The Killer’s Game" หนังบู๊เรื่องล่าสุดของ เดฟ บอทิสตา ที่ทำได้ดีกับการเปิดตัวในอันดับที่ 6 กับรายได้เพียง 2.6 ล้านเหรียญ จาก 2,623 โรงฉาย หรือเท่ากับว่าหนังทำรายได้เฉลี่ยต่อโรงไปถึงพันเหรียญด้วยซ้ำ หนังค่อนข้างโดนรีวิวแบบสับเละ บ้างก็บอกว่าเป็นหนังแอคชันตกยุค ที่น่าจะลงจอสตรีมมิงมากกว่ามาเจ็บตัวบนบ็อกซ์ออฟฟิศ และนี่ก็กลายเป็นอีกหนึ่งความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับผลงานจากค่ายไลออนส์เกตบนในตารางอันดับหนังทำเงินอีกครั้ง

ส่วนอันดับอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็มี "Deadpool & Wolverine" ที่วีคนี้ทำเงินลดลงมาแค่ -26% เก็บไปอีก 5.2 ล้านเหรียญ ที่ขยับยอดรวมในบ้านไปแตะที่ 620 ล้านเหรียญ ขณะที่ "Reagan" หนังดรามาอดีตประธานาธิบดีอเมริกา รั้งอยู่ในอันดับที่ 5 กับรายได้อีก 2.9 ล้านเหรียญ พร้อมกับฟันรายได้แบบคูล ๆ ไปได้แล้วแบบเหนือความคาดหมายที่ 23 ล้านเหรียญ

ทางฝั่งนอกชาร์ต Top 10 ก็ยังมี "My Old Ass" หนังตลกชีวิตที่ได้คะแนนรีวิวสูงถึง 92% บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ออกสตาร์ทฉายแค่เพียง 7 โรงในอเมริกา ทำเงินไปได้งดงามที่ราว ๆ 170,000 เหรียญ หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงระดับ 24,000 เหรียญเลยทีเดียว หนังเรื่องนี้มีแผนจะเพิ่มวงฉายขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะฉายแบบวงกว้างในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้

และใครที่กำลังมองหาตัวเลขรายได้ของ "How to Make Millions Before Grandma Dies" หรือ หลานม่า หนังไทยที่เพิ่งจะได้ฤกษ์ฉายฝั่งอเมริกา เปิดตัวที่ประมาณ 115,000 เหรียญ จาก 56 โรงฉายทั่วอเมริกา โดยหนังจะเป็นการเข้าฉายเพียงแค่สัปดาห์เดียว ถึงวันที่ 19 กันยายนนี้เท่านั้น กระแสของหนังค่อนข้างดีใช้ได้ บางรอบฉายผู้ชมค่อนข้างหนาตาดีทีเดียว เพราะมีรายได้เฉลี่ยต่อโรงที่ 2,000 เหรียญ ที่เท่ากับว่ามีผู้ชมต่อโรงราว ๆ 180-200 คนเลยทีเดียว

สุดสัปดาห์ถัดไปที่จะมาถึงนั้น ก็เรียงคิวมาพร้อมกับโปรแกรมหนังใหม่อีกชุดที่น่าสนใจ นำมาด้วยแอนิเมชันหุ่นยนต์ต่อสู้ที่กระแสกำลังมาในตอนนี้ "Transformers One" ที่ปรับจากหนังไลฟ์แอคชันมาตีตลาดหนังการ์ตูนดูบ้าง มาดูสิว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน ตามมาด้วยหนังระทึกขวัญเอาตัวรอด "Never Let Go" ของตัวแม่ ฮัลลี เบอร์รี ที่จะหลอนสมชื่อหรือไม่ และหนังเขย่าขวัญศัลยกรรมกระแสปัง "The Substance" ที่รีวิวแรงจากเมืองคานส์ กับการคัมแบ็กของแม่ เดมี มัวร์

ส่วนหนังฉายแบบจำกัดโรงจะมี "A Different Man" หนังดรามาที่มาเพื่อหวังรางวัลในช่วงต้นปีหน้า ร่วมด้วย "Wolfs" ของสองตัวพ่อ แบรด พิตต์ กับ จอร์ช คูลนีย์ ที่จะฉายในโรงก่อนพรีเมียร์ทางสตรีมมิงทั่วโลก และหนังแอคชันที่ถูกลืม "Long Gone Heroes" ของ แฟรงก์ กริลโล จะได้ฤกษ์ฉาย(ทิ้ง)แล้ว

 Source: TheNumbers

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa