รีเซต

ที่แท้ "ผิน-แย้ม" คือตัวละครลับ จุดเริ่มต้นคัมภีร์กฤษณะกาลี จาก "บุพเพสันนิวาส" สู่ "พรหมลิขิต"

ที่แท้ "ผิน-แย้ม" คือตัวละครลับ จุดเริ่มต้นคัมภีร์กฤษณะกาลี จาก "บุพเพสันนิวาส" สู่ "พรหมลิขิต"
EntertainmentReport2
12 ธันวาคม 2566 ( 15:50 )
93
สร้างความเซอร์ไพรส์ไม่หยุดจริง ๆ กับละครฟอร์มยักษ์อิงประวัติศาสตร์ “พรหมลิขิต” ทางช่อง 3 ของผู้จัดฯ “หน่อง อรุโณชา” แห่งค่าย บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น หลังเปิด 4 ตัวละครลับ แม่ทัพอนิลบถ (ภณ ณวัสน์) เจ้าหญิงอทิตยา (น้ำหวาน ภูริตา) ฑิฆัมพรราชา (เพื่อน คณิน) และ พระนางจันทราวดี (หลิงหลิง ศิริลักษณ์) จุดเริ่มต้นบ่วงกรรมข้ามภพ จนทำให้ของการเกิดมนต์กฤษณะกาลี เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีตัวละครลับที่ทำคนดูเซอร์ไพรส์ไปอีกคือ พี่ผิน-พี่แย้ม รับบทโดย หยา จรรยา และ นุ่น รมิดา นอกจากจะอยู่ในเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ที่ไม่คิดว่าจะโผล่มาเซอร์ไพรส์ในพาร์ท 1,000 ปี จนเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์จนแฮชแท็ก #พรหมลิขิตEP23 ติดเทรนด์ X ไทยแลนด์และเทรนด์โลกอันดับ 1 กันเลยทีเดียว 

ที่แท้ "ผิน-แย้ม" คือตัวละครลับ จุดเริ่มต้นคัมภีร์กฤษณะกาลี จาก "บุพเพสันนิวาส" สู่ "พรหมลิขิต"

 
งานนี้ไม่ปล่อยให้รอช้าคว้าตัว หยา จรรยา มาเผยถึงประเด็นตัวละครลับว่า “ความรู้สึกแรกตื่นเต้น เพราะว่ามันต้องเล่าเรื่องราวในอีกพาร์ทหนึ่ง จริง ๆ ต้องบอกว่าในบทประพันธ์เล่าไว้ในประมาณหนึ่งแต่โดยบทละครที่อาจารย์แดงเขียนก็นำมาขยาย นายผู้กำกับก็ขยายพิ่มขึ้นไปอีก เพราะมันมีคนตั้งคำถามว่าทำไม 2 คนนี้มันถึงรักแม่นายทั้ง ๆ ที่มันโดนตบ โดนตี โดนทำร้ายแต่ก็รักสุดหัวใจ ทำไมเพราะอะไรอีพีเมื่อคืนเป็นตัวที่ตอบทุกคนได้ดีเลยว่าเพราะเราร่วมกรรมเดียวกันมากับเขา เราไปสร้างกรรมร่วมกันเพราะฉะนั้นมันเลยจำเป็นต้องมาประสบพบเจอกันทุกชาติ”
 

 
ฝั่ง นุ่น รมิดา ก็ได้พูดถึงการแสดงในพาร์ทนี้ให้ฟังว่า “เซอร์ไพรส์เหมือนกันนะ ที่รู้ว่าพี่ผินและพี่แย้มเป็นตัวต้นเหตุในยุคพันปี ซึ่งในพาร์ทพันปีนี้เราไปถ่ายทำกันที่ ‘อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง’ และ ‘ปราสาทเมืองต่ำ’ ด้วยสถานที่ที่เราไป ในยุคอารยธรรมหนึ่งในพันปีที่แล้วสิ่งนี้มันอ้างอิงถึงได้ก็มันทำให้รู้สึกถึงการแสดงได้ลึก มันเป็นพาร์ทแค่สั้น ๆ ก็จริงแต่ว่าน้องทุกคนก็ทำเต็มที่ นุ่นว่ามันดีตรงที่ว่ามันไม่มีไดอะล็อกเยอะมันเป็นภาพเล่าเรื่องทำให้ดูขลัง ถ้าเป็นไดอะล็อกมันจะเหมือนละครเลยถูกไหมแต่พอมันเป็นแค่ภาพเล่าเรื่องมันเลยดูเหมือนมีความเชื่อว่ามันไม่ต้องพูดไรกันเยอะ เราเพียงเล่าว่าเรื่องมันเป็นยังไง”

 
ด้าน หยา จรรยา ยังเปรยถึงบรรยากาศในการถ่ายทำให้ฟังอีกว่า “ตอนแรกคิดว่าจะร้อนมากนี่เอาตู้แอร์ไปด้วยเอาขึ้นรถตู้ไป ปรากฏฝนตกแล้วเราถ่ายเอาท์ดอร์หมด วันแรกพอไปถึงก็ไปไหว้ขึ้นไปที่ปราสาทหินพนมรุ้งเลยเราก็ตั้งแท่นไหว้พระศิวะไหว้ฟ้าดิน ก็หยุดตอนที่เรากินข้าวเสร็จแล้วเริ่มทำงานพอดีทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีถ่ายเร็วด้วย สองวันที่ถ่ายก็คือแบบแฮปปี้หนึ่งก็ไม่ได้เจออาการที่ร้อนขนาดนั้นแต่สถานที่จริงสวยมากจริง ๆ แม้ว่าฝนจะตกนิดหน่อย 
เสื้อผ้าหน้าผมพาร์ทนี้พี่หน่องก็จัดเต็มงานอลังการจริง ๆ”

 
และ นุ่น รมิดา ฝากถึงความพิเศษของละครให้ฟังว่า “แม้ว่าจะเป็นเรื่องในยุคสมัยช่วงท้ายของอยุธยาที่อาจจะหาการบันทึกหรือการจดบันทึกเพื่อที่จะเล่าถึงยากมากมันเป็นยุคสมัยที่ถูกพูดถึงน้อย แต่เรื่องนี้ได้พูดถึงในเรื่องของจังหวะนั้นได้อย่างสวยงาม สิ่งที่อาจารย์แดงทำให้เราเห็นในบุพเพสันนิวาสว่าทุกตัวละครมันมีความต้องการ ทุกคนไม่ขาว ทุกคนไม่ดำ ทุกคนคือเทา ๆ ในความเทาทุกคนมีความต้องการของตัวเองอยู่แล้วมันก็มีสิ่งนี้ในพรหมลิขิตแล้ว
นอกจากเรื่องของประวัติศาสตร์ที่เข้มข้นแล้วน่าติดตาม เรื่องวัฒนธรรมเรื่องอาหารเพียบ ก็อยากให้ละครเป็นซอร์ฟพาวเวอร์ตลอดไป เราอยากช่วยสนับสนุนมันไม่ใช่แค่บุพเพสันนิวาสหรือพรหมลิขิตที่นักแสดงจะดังขึ้นแต่มันทำให้ประเทศของเราไปไกลมากขึ้น 
 
เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายกันแล้วตัวละคร “พี่ผิน-พี่แย้ม” จะมีบทสรุปยังไง ออเจ้าเตรียมคว้ารีโมทดูไปพร้อมกัน 
ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 20.30 น. ทางช่อง 3 ดูทีวีกด 33