รีเซต

เปลือยชีวิต "โอ๊ต ปราโมทย์" เบื้องหน้าตลกแต่ไม่ตลอด เผยเป็นคนร้องไห้ง่ายมาก (มีคลิป)

เปลือยชีวิต "โอ๊ต ปราโมทย์" เบื้องหน้าตลกแต่ไม่ตลอด เผยเป็นคนร้องไห้ง่ายมาก (มีคลิป)
EntertainmentReport3
4 สิงหาคม 2565 ( 11:50 )
267

"โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน" นักร้องและดีเจอารมณ์ดีที่เรียกได้ว่ายิ่งมุกออกมาทีไรเป็นได้ฮาทุกครั้ง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วหลังเวทีเขาเป็นคนที่นิ่งมาก พร้อมเปิดเรื่องรักครั้งแรกแบบหมดเปลือก ว่าตนเองไม่ได้ปิดเรื่องความรัก อยากเป็นคนที่ถูกรัก  แต่เพราะเป็นคนหวงแหนพื้นที่ส่วนตัวแบบสุด ๆ และช่วงหลังมักร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก สาเหตุมาจาก โรคแพนิก (Panic disorder) ที่กำลังเผชิญอยู่ ทั้งหมดนี้ในรายการ "WOODY FM"

เปลือยชีวิต "โอ๊ต ปราโมทย์" เบื้องหน้าตลกแต่ไม่ตลอด เผยเป็นคนร้องไห้ง่ายมาก 

ความรักของคุณตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
โอ๊ต : โสดครับพี่ เพิ่งโสด จริง ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเริ่มคุย เริ่มเปิดใจ ลองกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นแบบใช้คำว่าแฟนจริง ๆ พอไปไม่ได้ก็ต้องแยกย้าย ตอนนี้ก็โสด ไม่ได้ปิดตัวเอง แต่ว่าผมทำงานทั้งวัน วันหนึ่ง 8-9 ชั่วโมง หรือวันหนึ่งมี 4 งาน ผมก็เลยถ้าคุยแล้วไม่โอเค หรืออยู่ด้วยแล้วรู้สึกอึดอัด ผมจะแบบขอเราอยู่คนเดียว

ให้เวลาดูใจกันประมาณหนึ่งไหม หรือแค่ดูไปต่อถ้าไปต่อไม่ได้แล้วค่อยคุย ?
โอ๊ต : ผมไม่ได้ไปจำกัดว่ามันจะนานหรือช้า บางคนถ้ามันใช่คลิกเดียวมันก็ใช่ แต่คนมาอยู่ในพื้นที่ของเรายากมั้ง ผมเป็นคนน่าเบื่อ ผมดูเป็นคนสนุกนะ แต่ผมโคตรน่าเบื่อ เราอายุจะ 40 แล้ว เวลาจะคุยหรือคบผมมองอนาคต ถ้าจะคบคือเป็นคู่ชีวิต มันคือช่วงจังหวะแลนดิ้งของเราแล้วนะ เราก็ต้องการคนที่มั่นคงด้วย หมายถึงว่าต้องมองไปในทิศทางเดียวกัน มีแพชชั่นกับอะไรบ้างอย่าง ทำอะไรไปด้วยกัน หรือถ้าไม่มีทุนทรัพย์เราสามารถให้ได้ แต่เธอต้องทำอะไรเป็นของตัวเอง ผมรู้สึกว่าคนที่ทำอะไรบางอย่างมันมีเสน่ห์

ขอบคุณคลิปจาก WOODY FM

ได้เรียนรู้อะไรกับตัวเองบ้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ ?
โอ๊ต : ไม่ชอบตัวเองเลยเวลามีความรัก งี่เง่า เช่น อยากให้เขาเชื่อในตัวเรา แววตาที่เขามองเรา อยากให้เขาเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ แต่ความไม่น่ารักของผมคือผมเป็นคนไม่พูด พลีสทุกอย่างทำทุกอย่าง แต่พอสิ่งที่เราได้กลับมาไม่เท่ากับสิ่งที่เราทำ จะเก็บไม่พูดถึงเวลาระเบิด เฮ้ย! เราพอแล้วมันไม่ได้แล้ว มันไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันจะเสียใจทั้ง 2 ฝ่ายแน่ ๆ หยุดดีกว่า ไม่ใช่ไม่รักนะ

ตอนนี้มีคนเข้ามาคุยด้วยหรือยัง ?
โอ๊ต : มีคนเข้ามาคุยกับผมตลอดอยู่แล้วครับ คนแนะนำมาบ้าง เพื่อนของเพื่อนบ้าง แต่ว่าผมเริ่มกลัว เป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก ๆ โอเคมันอาจจะมีคนที่แวะเวียนมาแล้วออกไป แต่เขาได้แค่นั้นจริง ๆ แต่คนที่จะแบบมาลองอยู่ด้วยกันจริง ๆ โหน้อยมากพี่วู้ดดี้ แล้วก็หวงพื้นที่ตัวเองคือไม่ได้หวงกับการให้เขานะ ให้เขาได้ แต่ต้องเข้ามาแล้วกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของเรา เอาจริง ๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเรื่องความรัก เพราะเอาจริง ๆ คนเบะหน้าก็เยอะพอพูดถึง โอ๊ต ปราโมทย์ แบบพี่โอ๊ตเหรอเจ้าชู้นะ ใช่ผมเจ้าชู้ผมก็ยอมรับ สองเวลาผมพูดคนจะรู้สึกว่าพี่โอ๊ตพูดแต่ความต้องการตัวเอง ทำไมไม่ถามผู้หญิงบ้างว่าต้องการอะไร คือเราไม่ได้มีโอกาสอธิบายให้ทุกคนฟัง มันไม่ใช่ผมไม่เปิดใจ ผมเปิดใจนะในวันที่ผมให้คนอื่นมาก ๆ เชื่อเหอะพี่ผมอยากเป็นคนที่ถูกรักเหมือนกัน อยากเป็นคนที่ถูกกอด แต่ว่าในวันที่เราถูกรักเหมือนกัน คำว่ารักอย่างเดียวก็ไม่พอไง ผมดูแลคนเยอะ ผมรับผิดชอบคนเยอะ คนเข้ามาอยู่ข้าง ๆ เราต้องมองไปทางเดียวกับเรา เพราะผมเป็นคนแอคทีฟมาก ผมทำงานตลอดเวลา ฉะนั้นคนที่อยู่ข้าง ๆ ผมอยากให้เขาทำไปด้วยกัน หรือส่งเสริมเรา พัฒนาสิ่งต่าง ๆ ไปด้วยกัน ไม่ใช่เพื่อใครเลยเพื่อตัวเขา เพื่อเรา เพื่อพนักงาน รวมไปถึงถ้าวันหนึ่งเรามีลูก ผมก็อยากมีลูกที่โตมาในครอบครัวที่ขยัน ทำงาน โหยหาความสำเร็จตลอด เพราะว่าผมมาจากที่ไม่มีอะไรเลยมาก่อน ผมเป็นคนที่ไม่ได้ถูกใครสนใจเลย กว่าจะขวนขวายหาพื้นที่ตัวเองนิดหนึ่งได้ในวงการมันยากมากสำหรับผมเป็น 10 ปี ฉะนั้นผมอยากให้ลูกผมดูพ่อเป็นตัวอย่างสู้ขนาดไหน ฉะนั้นจะสำเร็จไม่สำเร็จไม่เป็นไรแต่ขอให้ได้สู้

แล้วถ้าจะต้องเลือกแฮปปี้มีลให้กับตัวเอง เราจะให้เป็นอะไรดี ?
โอ๊ต : คือที่ผ่านมาความสุขเรา เป็นความสุขที่เห็นคนอื่นมีความสุข มันไม่ใช่แค่คนดูนะ แต่หมายถึงลูกน้องด้วย กับคนรอบตัวเราทุกคนมีความสุขเราแฮปปี้ แต่เพิ่งจะมามีคำถามกับตัวเองเมื่อไม่กี่สัปดาห์นี้ว่าเราอยู่หลังเวทีแล้วเรานิ่งจังเลย ทำงานเยอะจนรู้สึกว่า เราต้องการขนาดนั้นเลยเหรอ เลยในวันนี้ผมยังตอบไม่ได้ว่าแฮปปี้มีลของผม คืออะไรหาไม่เจอ แต่หน้าที่เรารับผิดชอบมันได้เต็มที่ แต่ว่าข้างในเรายังหาอยู่ว่าอะไรที่มันจะเป็น Happymeal ให้เรา

เรื่องโซเชียลคุณรู้สึกอย่างไรบ้างตอนนี้ ?
โอ๊ต : จริง ๆ ผมถอยตัวเองออกมาเยอะครับ ไม่ค่อยเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง ที่เรารู้สึกว่าจะเห็นอะไรที่เป็นเนกาทีฟ หรืออะไรที่เรารู้สึกไม่ค่อยชอบ เราก็จะถอยตัวออกมาเยอะมากขึ้น

อ่านแล้วมันยังรู้สึกทุกครั้งใช่ไหม ?
โอ๊ต : ถ้าตอนนี้ผมจะเฉย ๆ มากแล้ว แต่ว่าถ้าย้อนไปสัก 3 ปีก่อน อันนั้นอ่านทุกวัน อ่านแล้วอ่านซ้ำอีก กด Like ให้ด้วยอันไหนด่าเรา พอโตขึ้นเริ่มรู้สึกว่าคำด่าพวกนั้นไม่ค่อยส่งผลอะไรกับเราแล้ว เพราะว่าเรารู้หน้าที่ตัวเอง หน้าที่ของเราคือทำงาน แล้วก็แบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่นรอบตัวของเรา โดยที่ไม่ต้องไปนั่งบอกคนอื่นว่าเราทำอะไรบ้าง พอมันออกมาได้ชำระสิ่งเหล่านั้นออกไปได้ เราหันไปมองคำด่าต่าง ๆ แล้วก็ตั้งคำถามว่าเราเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหรอ เราไม่เคยคุยกันคุณจะรู้จักเราได้แบบนั้นจริง ๆ เหรอ แต่เมื่อก่อนไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เมื่อก่อนโมโห บางคนเขียนเหมือนนั่งอยู่ข้าง ๆ เราทุกซีนที่เกิดขึ้น คนที่ควรจะรับรู้อย่างเช่น ครอบครัว หรือเลขาเรา เขายังไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ทำไมเราถึงปล่อยให้คนอื่นมาตัดสิน พอเราถอยออกมามันดีขึ้นเยอะเลย

เป็น โอ๊ต ปราโมทย์ ร้องไห้บ่อยไหม ?
โอ๊ต : ร้องไห้ยากมาก แต่เชื่อไหมพี่หลังจากที่ผมเป็น โรคแพนิก (Panic disorder) หลังจากนั้นผมร้องไห้ง่ายมากเลย แปลกมากเหมือนมันทำลายกำแพงความรู้สึกที่ผมกลั้นเอาไว้ออกไป หลังจากนั้น ดูการ์ตูนเศร้า ๆ ก็น้ำตาไหล อ่อนไหวมากขึ้นกว่าเดิม ดูอะไรที่กระทบจิตใจหรือยินดีกับอะไรจะร้องไห้ง่าย แต่ผลพวงที่ตามมาคือเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วเหนื่อยมาก ๆ ขึ้นรถมาแล้วร้องไห้ เพราะความเหนื่อยพอทำงานเยอะ ๆ แล้วรู้สึกว่าเราทำเพื่อใคร ต้องการเองจริง ๆ เหรอ แล้วพอรู้สึกว่าไม่มี ทำไมเราไม่ทำเพื่อตัวเองบ้าง พอขึ้นรถมารู้สึกว่างเปล่า ในความเป็น โอ๊ต ปราโมทย์ จริง ๆ เวลาผมไม่ทำงาน ผมเป็นคนนิ่งมาก มีกรอบ มีพื้นที่ส่วนตัวสุด ๆ แม้กระทั่งก่อนผมเล่นคอนเสิร์ตพี่เชื่อไหมผมไปหลังเวที ผมนั่งแม้กับวงผมยังไม่ค่อยคุยเลย พอเดินขึ้นไปร้องสวิตช์ตัวเองเป็นคนสนุกลงจากเวทีถ่ายรูปถอดหูฟังใส่แมสขึ้นรถนั่งน้ำตาไหลบ่อยมาก เพราะว่าสิ่งที่อยู่บนเวทีให้ไปหมดแล้ว ผมเอา Happymeal มาเสิร์ฟ พอขึ้นรถหมดว่างเปล่า

สามารถติดตาม "Woody FM" ได้ที่ช่องทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.

 

อ่าน ข่าวบันเทิงวันนี้ ที่เกี่ยวข้อง :