บทละครโทรทัศน์ กลกิโมโน ตอนที่ 8 หน้า 4
“ผมจำอะไรไม่ได้จริงๆครับปู่ ผมรู้แต่ว่าเมื่อคืนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ก็เลยเข้านอน แล้วจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้เลย”
ไดซุเกะชะงักหน้าอึ้งไปทันที “หรือว่าแก...”
“ผมทำไมเหรอครับปู่” ไดซุเกะมองฮิเดโนริด้วยแววตาตกตะลึง พร้อมกับถอยออกไปจากห้องทันที “ปู่ครับ..ปู่ !!”
ไดซุเกะรีบเข้ามาที่ศาลเทพเจ้าสุนัขจิ้งจอก ไดซุเกะมองรูปปั้นเคารพรูปสุนัขจิ้งจอกในนั้นแล้วยิ่งสีหน้าเคร่งเครียด ระหว่างนั้นอัตสุโอะเข้ามา “คุณท่านครับ”
“ตอนนี้ชั้นไม่อยากคุยอะไรทั้งนั้น ออกไป”
“เอ่อ..แต่ว่าผมอยากให้ท่านเข้าไปอยู่ในบ้านก่อนครับจนกว่าจะแน่ใจว่าข้างนอกนี่ปลอดภัยแล้ว”
“ปลอดภัย หมายความว่าไง”
“คือว่าเมื่อคืนนี้มีสุนัขจิ้งจอกหลุดเข้ามาอาละวาดในเมือง ตอนนี้เทศบาลเมืองกำลังช่วยกันแกะรอยตามล่าอยู่ครับ”
“สุนัขจิ้งจอก” ไดซุเกะอึ้งหน้าเสีย เป็นจังหวะที่ฮิเดโนริเข้ามา หลังจากไปทำแผลเรียบร้อยแล้ว
“งั้นแกก็รีบพาคุณปู่เข้าบ้านไป แล้วจัดคนมาตรวจรอบๆบริเวณบ้านเราด้วย”
“ไม่ต้อง !! สุนัขจิ้งจอกตัวนั้น มันจะไม่ออกมาเพ่นพ่านอีก”
“ปู่แน่ใจได้ยังไงครับ ถ้าเกิดมันเป็นสุนัขจิ้งจอกหลงฝูงมาหาอาหาร ผมว่ามันคงหิวโซ เจอใครก็ต้องเข้าทำร้ายแน่”
“ใช่ มันเป็นจิ้งจอกหลงฝูง ที่จะไม่มีวันได้กลับเข้าฝูงของมันอีก และมันก็จะไม่ออกมาเพ่นพ่านอีก เพราะชั้นจะสั่งห้ามมันเอง” ไดซุเกะพูดไปก็ขยับเข้าไปมองหน้าฮิเดโนริสายตาจริงจัง
รินดารากับอายูมินั่งอยู่ที่ระเบียง มองออกไปเห็นสวนญี่ปุ่นสวยงาม
“พี่รินดารายังเจ็บอยู่มั้ยคะ”
รินดารามองที่ขาตัวเองแล้วเอามือแตะๆให้อายูมิดู “ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วล่ะจ้ะ กลัวเป็นแผลเป็นมากกว่าเดี๋ยวจะหมดสวย” รินดารายิ้มให้อายูมิคลายความเป็นห่วง
“อายูมิขอโทษค่ะที่เป็นต้นเหตุให้พี่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ แล้วไหนจะโดนคุณอาต่อว่าอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะอายูมิ คุณย่ากับท่านชายให้สิทธิ์ในการดูแลอายูมิกับพี่แล้ว มีแต่คุณอาของหนูนี่แหละที่ไม่ยอมเข้าใจอยู่คนเดียว” อายูมิกอดอกหน้างอนๆ
“หึ..เมื่อก่อนน่ะคุณอาไม่เคยเป็นแบบนี้หรอกนะคะ แต่ตั้งแต่คุณพ่อเสียแล้วอายูมิเป็นแบบนี้ คุณอาก็เปลี่ยนไป เวลาดีก็ดี๊ดี แต่เวลาดุขึ้นมา อายูมิกลัวเลย”
รินดารานิ่งไปนึกถึงคำพูดและการแสดงความรู้สึกของอาคิระ เมื่อคืนนี้
“ผมขอโทษ..ผมไม่ได้อยากจะพูดไม่ดีกับคุณ แต่ครอบครัวของผม เราเหลือกันอยู่แค่ไม่กี่คน ถ้าต้องมีใครเป็นอะไร
ไป โดยที่ผมไม่ได้พยายามเต็มที่เพื่อปกป้องพวกเขา ผมคงมีหน้าไปกราบไหว้วิญญาณบรรพบุรุษอีกไม่ได้”